19 ม.ค. 2021 เวลา 07:38 • นิยาย เรื่องสั้น
01
“ไปตายชะ!!”
เสียงของเหล่าผู้คนที่ผมปกป้องต่างพากันด่าทอต่างๆนาๆไม่ขาดสาย
ผมที่เคยเป็นถึงผู้กล้าในตอนนี้กลับเป็นเพียงแค่ทรราช ทั้งๆที่ผมเป็นคนปราบจอมมารลงได้แท้ๆ แต่นี่กลับเป็นผลลัพท์ที่ได้อย่างงั้นเหรอ?
ถ้าเป็นแบบนั้นก็หมายความว่าคนที่ช่วยเหลือจะไม่มีทางได้รับในสิ่งที่ดีน่ะสิ หรือไอคำสอนจำพวกที่ว่าพระเจ้านั้นรักมนุษย์มาก หล่อนจึงมอบพลังอันแข็งแกร่งให้กับผู้กล้าที่ถูกเลือก
เฮอะ! พระเจ้าอะไรนั้นผมไม่สนอีกต่อไปแล้ว พระเจ้าอะไรนั้นมันไม่มีอยู่จริงหรอก
“เดินเร็วๆหน่อยสิวะ”
ตุบ!!
ผมโดนทหารที่อยู่ข้างหลังถืบจนล่มลงไปข้างทาง ผมเงยหน้าขึ้นมองก็พบกับเด็กผู้หญิงคนนึง ใบหน้าของเด็กคนนี้บิดเบี้ยวบ่งบอกถึงความเกลียดชังที่มีต่อผมอย่างชัดเจน
“ไปให้พ้นเลยน๊า!!!”
สิ้นเสียงเด็กผู้หญิงคนนี้ก็ได้ปาผลมะเขือเทศใส่หน้าผม
ผมถูกกระชากโซ่ที่ล็อคแขนผมไว้ โดยที่ไม่สนเลยว่าผมจะถูกลากเลยสักนิด
ผมถูกรีบฉุดตัวเองให้ลุกขึ้นก่อนที่ผมจะกระแทกกับบรรใด
ผมค่อยๆเดินขึ้นไปบนลานประหารอย่างช้าๆ เพราะตัวผมที่ไม่ได้ทานอะไรเลยมาเป็นสัปดาห์ ย่อมไม่มีแรงที่จะทำอะไรอยู่แล้ว
“ลงไปสักทีสิวะ ไอทรราช”
ผมถูกกระชากหัวขึ้นไปบนแท่นประหารที่มีใบมีดขนาดใหญ่อยู่บนหัว
ตรงหน้าผมคือประชาชนที่ผมปกป้องมาตลอด ตอนนี้ทุกคนต่างพากันพูดกันอย่างพร้อมเพรียงกันว่า ‘ประหารเลย’ ซ้ำไปซ้ำมาไม่ยอมหยุด ความเกลียดชังที่ผมสัมผัสได้นั้นก่อตัวจนเริ่มเป็นรู้เป็นร่าง
ผมรู้ดีว่านั้นคือจอมมาร จอมมารคือตัวตนที่เป็นแหล่งรวมความคิดด้านลบ และการที่มีคนที่คิดด้านลบมากขนาดนี้ในขณะที่ผมพึ่งสังหารจอมมารไปได้ไม่ถึงเดือน ไม่แน่ จอมมารอาจจะฟื้นคืนชีพในเร็ววันก็เป็นได้
แต่เรื่องนั้นใครสนกันละ ตอนนี้ผมไม่มีความคิดที่จะปกป้องใครอยู่แล้ว กลับกันถึงผมบอกเรื่องนี้ไปก็คงไม่มีใครเชื่ออยู่ดี
“เฮ้ย!! ไอผู้กล้าจอมปลอม มีอะไรจะสั่งเสียมั้ย”
เสียงทหารดังขึ้นพร้อมกับหลังที่ถูกเขาเหยียบอย่างไม่สนใจเลยว่าผมเคยเป็นผู้กล้า
“หึๆๆ ฮ่ะๆๆๆ”
ผมหัวเราะลั่นก่อนที่จะเงยหน้ามองดูประชาชนที่กำลังเงียบเพื่อฟังผม
“เราที่เคยถูกยกย่องเป็นถึงความหวัง ผู้ที่เป็นดั่งคำอวยพรให้กับเหล่ามนุษย์ ในฐานะที่เราอยู่ ณ จุดต่ำสุด เราขอสาปแช่งพวกแกทุกคนจักต้องใช้ชีวิตไม่ต่างจากข้า และจะต้องทนอยู่กับความทรมานที่ยิ่งกว่าความตาย และพวกแกทุกคนจะไม่มีวันตายจนกว่าเราจะกลับมาอีกครั้งเพื่อปลดปล่อยพวกแกไป ฮ่ะๆๆ”
ฉับ!!
และนั้นก็คือภาพสุดท้ายก่อนที่สติผมจะดับลง
ผมรู้สึกตัวอีกทีก็มาอยู่ในสถานที่ที่เต็มไปด้วยความว่างเปล่าที่นอกจากพื้นที่เป็นสีขาวและท้องฟ้าที่เป็นสีฟ้าแล้วผมก็ไม่เห็นอะไรนอกจากนั้นเลย
“เราขอโทษ~เราขอโทษ~”
เสียงที่สั่นเครือของหญิงสาวดังก้องอยู่ในหัวผม
ผมเงยหน้าขึ้นมองก็พบกับเตียงขนาดใหญ่ที่มีหญิงสาวในเสื้อผ้าน้อยชิ้นแต่กลับไม่รู้สึกตื่นเต้น กลับกันผมกลับคิดว่าคนๆนี้ช่างเป็นคนที่งดงามหาที่ใครมาเปรียบได้
“เราขอโทษด้วยจริงๆ ฮือๆ”
ร่างกายของหญิงสาวค่อยๆหดเล็กลงจนมีขนาดเท่ากับมนุษย์ เธอพยุงตัวเองขึ้นก่อนที่จะกระโจนเข้ามากอดผม
“เจ้าคงเจอเรื่องแย่ๆมาเยอะเลยสินะ เราขอโทษจริงๆ”
“เธอเป็นใคร”
ผมผลักเธอออกพร้อมกับเช็ดน้ำตาอย่างแผ่วเบา
“เรามีนามว่า เทสร่า ชื่อนี้ท่านคงรู้จักสินะ”
“เทสร่า อ่อ~~ แกนี่เองตัวต้นเหตุ”
พระเจ้าผู้คุ้มครองมนุษย์ เทสร่า และยังเป็นผู้มอบพลังผู้กล้าให้กับผมอีกต่างหาก
แค่ได้ยินชื่อผมก็กำหมัดแน่นพร้อมต่อยหน้าคนตรงหน้าแล้ว
ความโกรธ ความเกลียดชัง ที่อัดอั้นมาโดยตลอดตอนนี้มันได้อยู่ที่มือขวาผมแล้ว
แต่ไม่รู้ทำไมแค่ผมได้เห็นเธอคนนี้ผมกลับชกไม่ลงเลย เหมือนกับสิ่งที่อัดอั้นอยู่นั้นได้มลายหายไปชะเฉยๆ ทำไมกันนะ?
“ถ้าเธออยากจะชกเรา เราก็จะไม่ขัดขืน จะกระทำย่ำยีเรา เราจะไม่โอดครวญ ถ้านั้นมันทำให้ท่านสบายใจ เรายินดีรับมันทั้งหมดเลย”
พอได้ยินแบบนี้เล่นเอาผมไม่กล้าทำอะไรเธอเลย
“ท่านเทสร่า ท่านคงรู้ใช่มั้ยว่าผมเกลียดท่าน”
“ค่ะ เรื่องนั้นเรารู้ดี จากใจจริงเราก็อยากจะเข้าไปช่วยท่านผู้กล้าเหมือนกันนะ แต่เราไม่ควรใช้พลังเข้าแทรกแซงมากเกินไป เพราะแค่นี้สมดุลโลกก็แทบจะพังทลายแล้ว”
“หมายความว่าไง”
“เราช่วยเหลือมนุษย์มามากมาย เราได้มอบพลังให้กับมนุษย์ เราลำเอียงต่อสิ่งมีชีวิตทุกชีวิต ทำให้เหล่ามนุษย์ที่เรารักเริ่มไม่เห็นคุณค่าของสิ่งอื่นเลย และตอนนี้มันก็ได้เลยเถิดถึงขั้นทำให้ผู้กล้าต้องลำบากมาจนถึงตอนนี้เลยน่ะค่ะ”
“งั้นเหรอ แล้วจะเอายังไงต่อ”
“เราก็อยากจะถามท่านเช่นนั้นเหมือนกันค่ะ ท่านอยากจะลงโทษอะไร โปรดมาลงที่เราได้เลยค่ะ เรารับผิดทุกสิ่งทุกอย่าง”
“ไม่เอาด้วยหรอก”
เพราะยังไงชะผู้หญิงคนนี้ก็เป็นถึงเทพที่มนุษย์เชิดชู ถ้าผมไปทำอะไรแปลกๆมันจะรู้สึกผิดบาปในใจเอาน่ะสิ
“ทำไมละคะ”
“ไม่มีอะไรทั้งนั้นแหละ เอาเป็นว่าท่านไม่ผิด และผมก็เลิกนับถือท่านแล้ว ผมไม่คิดจะทำอะไรท่านหรอก มั่นใจผมได้”
“งั้นเหรอคะ จิตใจของท่านช่างกว้างใหญ่เหลือเกิน”
“เอาละ ทีนี้ผมจะเป็นยังไงต่อ”
“มี 2 ทางที่ท่านต้องเลือกค่ะ ทางแรกคืออยู่เป็นเทพไปพร้อมๆกับฉัน”
“ให้อยู่กับเธอเหรอ? ผมไม่เอาด้วยหรอก”
“นั้นสินะคะ เพราะยังไงชะท่านก็ยังคงรังเกียจเราอยู่แล้วนี่นา”
“เปล่า ที่ผมปฏิเสธท่านไปไม่ใช่เพราะเรื่องนั้นหรอก”
“แล้วมันเรื่องอะไรเหรอคะ?”
“คือว่า.......”
“คะ?”
โถ่เว้ย!! ทีงี้ละไม่กล้าพูดขึ้นมาเฉย เป็นผู้กล้าประสาอะไรปอดแหกแบบนี้
“คือว่า.....ถ้า ให้ผมอยู่กับผู้หญิงที่สวยแบบนี้ จิตใจผมคงไม่อยู่กับเนื้อกับตัวแน่นอน เพราะแบบนั้นผมถึงปฏิเสธไปยังไงละ”
“เรา....สวยเหรอคะ”
“อ อืม”
ผมกับเธอต่างก็พากันหน้าแดงด้วยความเขินอาย
“ถ้างั้นช่วยบอกหนทางที่เหลือด้วย”
“อ่ะ ค่ะ ทางที่ 2 คือการไปเกิดใหม่ค่ะ”
“เกิดใหม่? หวังว่าผมจะไม่เป็นผู้กล้าอีกนะ”
“ต้องขอโทษด้วยค่ะ พลังของผู้กล้านั้นมันถูกสลักไว้ในจิตวิญญาณ ไม่ว่าท่านผู้กล้าจะเกิดใหม่อีกกี่รอบท่านก็จะเป็นผู้กล้าอยู่ตลอดค่ะ”
“นี่มันคำสาปชัดๆ”
“แต่ไม่ต้องห่วงหรอกค่ะ เราให้สัญญาว่าจะให้ท่านได้ใช้ชีวิตอยู่อย่างสบายที่สุดเลยละค่ะ”
“งั้นเหรอ? ถ้างั้นก็ฝากด้วยละ”
“ท่านจะไปจริงๆเหรอคะ?”
“ก็ท่านรับประกันผมขนาดนี้ผมก็ต้องรับมันไว้สิครับ เอาเป็นว่าช่วยทำให้ผมได้ใช้ชีวิตอย่างสงบด้วยเถอะ”
“ค่ะ เราจะดำเนินอย่างสุดความสามารถเลยละค่ะ”
สิ้นเสียง จู่ๆก็มีแสงส่องขึ้นมาจากพื้นที่ผมยืนอยู่
“เกือบลืมไปเลยค่ะ หลังจากนี้ท่านผู้กล้าอย่าได้แสดงพลังของท่านด้วยนะคะ”
“ให้ตายผมก็ไม่ใช่พลังผู้กล้าที่ผมเกลียดนี่หรอก”
“นั้นสินะคะ ถ้างั้นก็ขอให้โชคดีค่ะ”
จากนั้นแสงสีขาวก็ได้ห่อหุ้มร่างของผมก่อนที่สติผมจะหายไป
โฆษณา