21 ม.ค. 2021 เวลา 02:09 • การเมือง
หนังสือประวัติศาสตร์การเมืองที่ร้อนแรงที่สุดในช่วงนี้
ประเด็นที่ถกเถียงในวงวิชาการก็เรื่องหนึ่ง แต่ถ้าเรามองดูอย่างปราศจากอคติเราจะเห็นสิ่งที่น่าสนใจบางอย่างในช่วงเวลาที่หนังสือนำเสนอ
ในช่วงเวลาไม่ถึง 4 ปีหลังสงครามโลกครั้งที่สอง(นับจากปลายเดือนสิงหาคม 2488 จนถึง 2492)
ประเทศไทยมีรัฐบาลถึง 10 ชุด
มีรัฐธรรมนูญ 4 ฉบับ
รัฐประหาร 1 ครั้ง (2490)
ยึดอำนาจเงียบ 1 ครั้ง (2491)
กบฏ 3 ครั้ง
และการสวรรคตของรัชกาลที่ 8 (2489)
นอกจากนั้นรอบๆประเทศยังเกิดเหตุการณ์สำคัญอย่าง
ฝรั่งเศสบุกไซ่ง่อน (2489)
จีนคอมมิวนิสต์ยึดประเทศสำเร็จ (2492)
นี่คือข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น
ถ้าดูแค่นี้โดยไม่ต้องอ้างอิงเชิงอรรถมากมายให้เหนื่อยยากอย่างในหนังสือ ก็ยังเห็นว่านี่เป็นช่วงเวลาแห่งความปั่นป่วนของการเมืองไทย
เป็นช่วงเวลาที่น่าค้นคว้าอย่างยิ่งสำหรับผู้สนใจในประวัติศาสตร์การเมืองไทย
ยังไม่รวมที่เป็นหมุดหมายสำคัญทางการเมืองอย่างเช่น
เริ่มมีการใช้คำว่า 'ปกครองแบบประชาธิปไตยโดยมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข'ในรัฐธรรมนูญปี 2492
นี่เป็นห้วงเวลาที่ อ.ณัฐพล ผู้เขียนหนังสือ เรียกว่าเป็นการช่วงชิงอำนาจระหว่างก๊กการเมือง 3 ก๊กครึ่ง
คือ ฝ่ายคณะราษฎร์ ฝ่ายนิยมสถาบันฯ และฝ่ายทหาร กับอีกครึ่งก๊กจากนอกประเทศ เป็นพญาอินทรีสหรัฐอเมริกา ที่โฉบไปมาระหว่างก๊กเพื่อควบคุมความเป็นไปจากระยะไกล
หนังสือหนา 381 หน้าเล่มนี้ ปรับปรุงมาจากวิทยานิพนธ์ปริญญาเอกของ อาจารย์ณัฐพล ใจจริง (รวมถึงการแก้ข้อมูลที่ผิดพลาดตามที่เป็นกระแสกันอยู่) มีข้อมูลเชิงอรรถประกอบอยู่ร้อยกว่าหน้าหรือ 1/3 ของเล่ม
เน้นศึกษาการเมืองในช่วง 2488–2500 อันเป็นช่วงเริ่มต้นที่อเมริกาเข้ามามีบทบาทในไทย จากความกังวลลัทธิคอมมิวนิสต์ที่เริ่มจะมีอิทธิพลในแถบเอเชีย ตามความเชื่อในทฤษฎีโดมิโน
โดยมีการเชื่อมโยงข้อเท็จจริงเพิ่มเติมจากหอจดหมายเหตุทั้งของอเมริกาและอังกฤษ ร้อยรวมเข้ากับหลักฐานต่างๆในประเทศ
หลักฐานเอกสารมากมายจากต่างประเทศที่เสริมเข้ามา ช่วยให้การเรียงร้อยเหตุการณ์ต่างๆทางการเมืองของไทยเข้าด้วยกันทำได้แนบสนิทขึ้น
ทำให้เราเห็นที่มาที่ไปของการช่วงชิงอำนาจทางการเมืองที่แอบซ่อนอยู่เบื้องหลังชัดเจนยิ่งขึ้น
จากกรณีการสวรรคตของรัชกาลที่แปด นำไปสู่การขึ้นครองราชย์ของกษัตริย์องค์ใหม่ ท่ามกลางการต่อรองจัดสรรและขัดแย้งอำนาจทางการเมืองของกลุ่มก๊กต่างๆ
การทุ่มงบสนับสนุนเข้ามาของรัฐบาลอเมริกัน การเสด็จพระราชดำเนินออกเยี่ยมประชาชนในจังหวัดต่างๆ การขึ้นมามีอำนาจของ'เผ่า ศรียานนท์'และอัศวินแหวนเพชรของเขา เรื่องราวเหล่านี้เมื่อผนวกกับผลกระทบจากทฤษฎีคดีสวรรคตของรัชกาลที่แปด
นำไปสู่การเริ่มต้นของอำนาจแบบใหม่และการสิ้นสุดลงของคนหลายคนซึ่งส่งผลถึงการเมืองไทยในปัจจุบัน
สิ่งที่ในหนังสือเล่มนี้นำเสนอจะว่าไป ก็ไม่ใช่เรื่องแปลกใหม่แต่อย่างใด เพียงแต่เป็นการตอกย้ำด้วยเอกสารหลักฐานมากมายหลายชิ้น ที่แสดงถึงเบื้องหลังความพยายามกุมอำนาจทางการเมืองของแต่ละฝ่าย แม้กระทั่งตัวสถาบันพระมหากษัตริย์เอง เพราะในฐานะประมุขของประเทศไทยที่อยู่ในวงจรของอำนาจ จำต้องปรับเปลี่ยนถ่วงดุลย์ตามแต่สภาวะที่ผันแปร
เมื่อมองย้อนกลับมาดูสภาวะทางการเมืองในปัจจุบัน สิ่งที่ครอบคลุมความคิดเห็นทางการเมืองที่เกิดขึ้นจากยุคนั้นจนถึงยุคนี้
คือวาทะกรรมที่ก่อให้เกิดความเชื่อที่ว่า อำนาจคือสิทธิ์อันชอบธรรมของผู้ที่เหมาะสม
โดยที่เราไม่สามารถเข้าไปตั้งคำถามหรือล่วงละเมิดได้
แม้ในหลายเหตุการณ์ทางการเมืองที่เกิดขึ้น เราอาจงุงงง ไม่เข้าใจหรือไม่รู้ที่มาที่ไปราวกับไม่ใช่พลเมืองประเทศนี้ แต่เราก็วางใจปล่อยให้เป็นไปตามครรลองที่เราเชื่อว่าดี กลายเป็นภาพเบลอๆอยู่ในห้วงแห่งความทรงจำ
นี่จึงเป็นความย้อนแย้งคล้ายสภาวะกึ่งหลับกึ่งตื่นของสังคมไทย ที่ถูกกำหนดให้เห็นเฉพาะในสิ่งที่อยากเห็น และปิดตาหลับใหลในสิ่งที่ไม่อยากรับรู้
หนังสือเล่มนี้ เพียงแต่ทำหน้าที่ยกเอาเชิงอรรถนับร้อยนับพันรายการมาทุ่มใส่สังคมเพื่อให้สะดุ้งตื่นจากการหลับใหลนั้น
นึกถึงถ้อยคำในหนังสือที่ถูกยกมาของ 'แมกซ์ วอลโด บิชอป' ทูตสหรัฐฯ ประจำประเทศไทยที่เขียนจดหมายรายงานไปยัง วอชิงตัน.ดี.ซี. เมื่อเกิดการรัฐประหารต่อรัฐบาลจอมพล ป. พิบูลสงคราม (ซึ่งนำโดยจอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ เป็นหัวหน้าคณะฯ) ก่อนประเทศจะเข้าสู่ยุคเผด็จการทหารยาวนานกว่า 16 ปี อันมีเนื้อความว่า
“การรัฐประหารครั้งนี้จะทำให้ไทยถอยหลังไปอย่างน้อยอีก 100 ปี ทำให้ประชาชนไทยไม่รู้จักโตและเป็นเหมือนเด็ก”
ถ้าคุณเป็นคนที่พร้อมที่จะโต้เถียงกับทุกคนเพื่อยืนยันความคิดเห็นทางการเมืองของตัวเอง ก็อยากจะเชิญชวนให้ลองอ่านหนังสือเล่มนี้
เนื่องจากมันที่มันร้อนแรงเพราะมันแหลมคมทางความคิด
ถ้าการเมืองคือเรื่องของทุกคน ความเชื่อทางการเมืองจึงไม่ควรวางอยู่บนทัศนคติที่มุ่งแต่น้อมรับหลงใหลด้านใดด้านหนึ่งจนไม่ยอมรับถึงการมีอยู่ของด้านอื่น เพราะทัศนคติแบบนั้น แม้อาจจะดูมั่นคงแต่มันไม่ยั่งยืนเพียงพอที่จะส่งต่อให้แก่ลูกหลาน
'ความจริงคือสิ่งที่ต้องเป็นไป แต่สิ่งที่เป็นไปอาจจะไม่ใช่ความจริง'
'ขุนศึก ศักดินา และพญาอินทรี
การเมืองไทยภายใต้ระเบียบโลกของสหรัฐอเมริกา 2491 - 2500'
ณัฐพล ใจจริง : เขียน
***********************************
สำหรับเพื่อนๆ Blockdit ที่สนใจแนวอื่น ผมมีเขียนลงอีก 2 เพจคือ
๏ 'Bear's Blog'  = ภาพถ่ายกับมุมมองของชีวิต ในรูปของ บทกลอน เรื่องสั้น หรือ ไฮกุ และ คอลัมน์ล่าสุด การ์ตูนกวนเมือง
๏ 'คิด อย่างสถาปนิก'  = เรื่องของสถาปัตยกรรมต่างๆจากสายตาสถาปนิก
ขอเชิญชวนให้เข้าไปแวะชมนะครับ
เผื่อจะมีบางข้อเขียนที่อาจถูกใจ
ฝากติดตาม หรือ แลกเปลี่ยนความคิดกันได้ครับ
หรือใครสนใจเฉพาะภาพถ่าย
ลองเข้าไปดูและกดติดตามได้ใน
ig : khanaad_photo  นะครับ
แล้วพบกันนะครับ
โฆษณา