20 ม.ค. 2021 เวลา 07:48 • หุ้น & เศรษฐกิจ
#TMBประกาศกำไรปี63โตทะลุ1หมื่นล้านบาทเพิ่ม40%
#เป็นธนาคารเดียวที่งบปี63ยังกำไรโตเพราะผลจากควบรวมกับธนาคารธนชาติ
🚩บมจ.ธนาคารทหารไทย หรือ TMB แจ้งผลการดำเนินงานต่อตลาดหลักทรัพย์ว่า ในไตรมาส 4/2563 มีกำไรสุทธิ 1,235 ล้านบาท ลดลง 23.5% จากช่วงเวลาเดียวกันปีก่อน และลดลง 23.7% จากไตรมาส 3/2563
📌ส่วนงวดปี 2563 มีกำไรสุทธิ 10,112 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 40% จากช่วงเวลาเดียวกันปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 7,222 ล้านบาท คิดเป็นอัตราผลตอบแทนต่อส่วนผู้ถือหุ้น หรือ ROE ที่ 5.1%
📌TMB ชี้แจงผลประกอบการงวดปี 63 จากสถานการณ์เศรษฐกิจที่มีความท้าทายจากการแพร่ระบาดของโควิด-19
-มีรายได้ดอกเบี้ยสุทธิงวดปี 2563 จำนวน 53,805 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 100.3% YoY เป็นผลจากการปรับโครงสร้างงบดุลให้มีความเหมาะสมด้วยการลดสัดส่วน
เงินฝากต้นทุนสูงส่งผลให้ต้นทุนเงินฝากของธนาคารภายหลังรวมกิจการลดลง
-ส่วนต่างรายได้ดอกเบี้ยสุทธิ (Net Interest Margin หรือ NIM) ปรับตัวดีขึ้นอยู่ที่ 3% แม้ว่ามีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ขั้นต่ำหลายครั้งและปรับการคำนวณดอกเบี้ยแท้จริง (EIR) ภายใต้โปรแกรมช่วยเหลือสำหรับลูกค้าที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19
📌TMB ระบุว่า ปัจจัยหลักมาจากอัตราผลตอบแทนจากสินทรัพย์ที่ก่อให้เกิดรายได้เพิ่มขึ้นจากการรวมกิจการกับธนาคารธนชาตและการปรับโครงสร้างงบดุลให้มีความเหมาะสม
📌ส่วนรายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยเพิ่มขึ้น 15.7% YoY อยู่ที่ 14,986 ล้านบาท ส่วนใหญ่มาจากการฟื้นตัวของรายได้ค่าธรรมเนียมในไตรมาส 4/2563 ครอบคลุมทุกผลิตภัณฑ์หลัก โดยรายได้ค่าธรรมเนียมกองทุนรวมขยายตัวต่อเนื่องจากไตรมาสก่อนหน้าจากการเพิ่มขึ้นของปริมาณยอดขายในผลิตภัณฑ์การลงทุนที่มีค่าธรรมเนียมสูง และการเปิดตัว IPOกองทุนรวมในไตรมาสนี้
📌ขณะที่รายได้ค่าธรรมเนียมแบงก์แอสชัวรันส์ปรับตัวดีขึ้นเช่นกันจากธุรกิจสินเชื่อเช่าซื้อ รายได้ค่าธรรมเนียมลูกค้าธุรกิจมีสัญญาณการฟื้นตัวที่ดีจากไตรมาสก่อนหน้าเช่นกัน ส่งผลให้รายได้รวมจากการดำเนินงานเพิ่มขึ้น 72.8อยู่ที่ 68,791 ล้านบาทในปี 2563
📌ธนาคารยังคงดำรงฐานะเงินกองทุนในระดับสูงภายใต้เกณฑ์ Basel III ในระดับที่สูงกว่าเกณฑ์ขั้นต่ำ
-ณ สิ้นเดือนธันวาคม 2563 อัตราส่วนเงินกองทุนรวมต่อสินทรัพย์เสี่ยง (CAR) ตามงบการเงินรวมที่ 19.5% สูงกว่าที่ธนาคารแห่งประเทศไทยกำหนดไว้ที่ 11%
-เงินกองทุนชั้นที่ 1 ต่อสินทรัพย์เสี่ยง (Tier 1) อยู่ที่ 15.4% สูงกว่าธนาคารแห่งประเทศไทยกำหนดไว้ที่ 8.5%
-เงินกองทุนชั้นที่ 1 ที่เป็นส่วนของเจ้าของต่อสินทรัพย์เสี่ยง (CET1)อยู่ที่ 14.4% สูงกว่าที่ธนาคารแห่งประเทศไทยกำหนดไว้ที่ 7%
📌TMB ระบุว่า ด้วยการบริหารจัดการอย่างรอบคอบและความไม่แน่นอนที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต จึงตัดสินใจตั้งผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้น (ECL) เพิ่มขึ้นเพื่อเตรียมความพร้อมกับความไม่แน่นอนที่อาจเกิดขึ้นในอนาคตจากการแพร่ระบาดของโควิด-19และแรงกดดันของคุณภาพสินทรัพย์ภายหลังมาตรการความช่วยเหลือสิ้นสุดลง โดยรวมทีเอ็มบีตั้ง ECLเป็นจำนวน 24,831 ล้านบาทในปี 2563 เทียบกับ 10,337 ล้านบาทในปี2562
✍บล.ดีบีเอส วิคเคอร์ศ วิเคราะห์ว่า กำไรออกมาหย่อนกว่าที่คาดไว้ราว 5% แต่ถือว่า TMB เป็นธนาคารเดียวที่คาดว่ากำไรสุทธิปี 63 จะเติบโต เพราะมีการทำงบการเงินรวมกับ TBANK ตั้งแต่ธ.ค.62 คงคำแนะนำ ซื้อ TMB
โฆษณา