ไมเคิล มัลลอย : เดอะไอรอนไมค์ คนอะไรตาย...ย๊าก...ยาก!!!
ชายแก่ขี้เมา แต่ไม่ใช่ลุงไมค์
หากพูดถึงคนอึดตายยากในประวัติศาสตร์ หลายคนก็ต้องนึกถึงบาทหลวงนอกรีต รัสปูติน เป็นแน่แท้เลยครับ ผู้ลอบสังหารพยายามหลายครั้ง ไม่ว่าจะเป็นวางยาผสมเหล้าก็ดี หรือไล่ยิงรัสปูตินก็ดี กว่าเขาจะตายก็ต้องยิงไปหลายนัด ทุกท่านเชื่อไหมครับว่านอกจากรัสปูตินแล้วยังมีอีกคนหนึ่งที่โดนปองร้ายนับครั้งไม่ถ้วน แต่เขาก็ยังรอดมาได้ แม้สุดท้ายจะตาย แต่กว่าจะตายก็เล่นเอาคางเหลืองกันเลยทีเดียว เขาผู้นั้นมีเรื่องราวอย่างไร เดี๋ยวผมจะเล่าให้ฟังครับ
รัสปูติน
ในยุค 1930 ที่อเมริกา การทำประกันชีวิตนั้นทำกันได้ง่ายมาก จะลงชื่อใครเป็นผู้รับผลประโยชน์ก็ลงชื่อได้ง่าย จึงทำให้มีกลุ่มมิจฉาชีพหากินโดยการเอาคนที่ดูว่าตายง่ายๆ มาล่อลวงให้ทำประกันฯ แล้วพวกเขาก็วางแผนให้คนนั้นตายแล้วก็รับผลประโยชน์ เรื่องก็ง่ายๆแค่นั้น จนกระทั่งมีคนมาเจอไมค์ มัลลอยพระเอกของเราที่ตอนนั้นเป็นชายแก่ขี้เมาไร้บ้านเชื้อสายไอริชวัยเกือบหกสิบ กลุ่มมิจฉาชีพจึงลูบปาก คิดในใจว่าหวานแน่ๆ แต่หารู้ไม่ว่า ในภายภาคหน้าเขาจะต้องเจอกับอะไร
ประกันชีวิตในยุคนั้น
เรื่องมันเริ่มขึ้นเมื่อเดือนมกราคมปี 1933 โทนี่ มาริโน่และพวกรวมห้าคน พบไมเคิล มัลลอยชายแก่วัยหกสิบขี้เมาแลดูท่าทางขี้โรค ไมค์ มัลลอยนั้นเป็นอดีตนักดับเพลิงที่ตกอับและไร้บ้าน เขาใช้ชีวิตไปวันๆ หาเหล้ากินแล้วก็เมาหลับข้างถนน โดยร้านประจำของลุงไมค์คือร้านเหล้าของมาริโน่ เขาจึงเกิดไอเดีย โดยหลอกไมค์ว่าจะเลี้ยงเหล้า ถ้าไมค์เซ็นเอกสารให้เขาฉบับหนึ่ง
ร้านเหล้าของมาริโน่
ด้วยความที่ตาไมค์เองแกขี้เมา แกก็ไม่ได้สนใจอะไรแค่เลี้ยงเหล้าก็พอแกก็เซ็นชื่อลงในเอกสาร ซึ่งเอกสารนั้นคือประกันชีวิต โดยลงชื่อผู้รับผลประโยชน์ว่านิโคลัส มัลลอย ซึ่งก็คือชื่อแฝงของ มาริโน่และพวกนั่นเอง มาริโน่จึงเอาเหล้าให้ตาไมค์กินเรื่อยๆ กะว่ากินๆไปเนี่ยแหละให้เมาจนตาย แล้วเงินประกันก็จะตกถึงพวกเขาในที่สุด เหอๆๆๆๆ หัวเราะอย่างตัวโกง
ประกันชีวิตของลุงไมค์
ปรากฏว่าลุงไมค์เมาจนหมดสติ พวกชาวแก๊งก็ยิ้มนึกว่าตายแล้ว ที่ไหนได้วันรุ่งขึ้นแกก็ฟื้นมาที่ร้านเหล้านั่งกรึ๊บต่อ คราวนี้มาริโน่ใส่สารป้องกันการแข็งตัวลงในเหล้าให้ลุงไมค์กินอีก แกก็เมาพับไปวันรุ่งขึ้นก็มาอีก มาริโน่ก็ได้แต่เกาหัวแกรกๆ พร้อมบ่นว่า อิหยังวะ?? คราวนี้เขาใส่น้ำมันสนผสมกับสูตรเดิมลงในเหล้าอีก ผลก็เหมือนเดิมตาไมค์เมาพับและวันรุ่งขึ้นก็มาอีก ต่อมามาริโน่ก็ใส่ยาเบื่อหนูไปอีก แต่ตาไมค์ก็ยังไม่ตาย
เหล้าชนิดต่างๆในยุคนั้น
คราวนี้นายปาสกวา หนึ่งในสมาชิกก็บอกพวกว่า "อั๊วเคยได้ยินมาว่า ถ้าเอาหอยนางรมแช่ในเมทานอลให้คนกิน ก็ตายนะ" ชาวแก๊งจึงทำบ้างแต่แกก็ไม่ตาย เอาแซนวิชใส่ยาพิษให้กินก็ไม่ตายอีก ทุกคนถึงกับกุมขมับบ่นพร้อมกันว่า อะไรกันครับเนี่ย!!! ต่อมากลุ่มนี้ก็คิดต่อไปอีก มีคนนึงเสนอไอเดียว่า งั้นเอางี้มั้ย มอมให้เมาแล้วจับแก้ผ้า แล้วอุ้มแกไปนอนตากหิมะข้างนอกเลย จะได้ปอดบวมตาย เมื่อลุงไมค์กินจนเมาชาวแก๊งก็จับแก้ผ้าแล้วอุ้มไปตากหิมะข้างนอก แถมด้วยเอาน้ำราดตัวอีกห้าแกลลอนกะว่าปอดบวมตายแน่
นายปาสกวา
รุ่งขึ้นลุงไมค์โผล่มาอีก คราวนี้ชาวแก๊งเริ่มไม่ไหวแล้ว นายกรีนหนึ่งในสมาชิกก็คิดแผนว่าจะเอาแท็กซี่ของตนขับชนตอนแกเมานี่แหละ ปรากฏว่าในที่สุดก็ชนลุงไมค์อย่างจังนอนแน่นิ่ง พวกชาวแก๊งก็ยิ้มลูบปากคราวนี้ตายแน่แล้วก็รอฟังข่าวจากโรงพยาบาล เวลาก็ผ่านไป ข่าวคราวเงียบหายไปสองสามสัปดาห์อย่างกับเนื้อเพลง สมศรี 1992 ตาไมค์ก็ปรากฏกายพร้อมกับผ้าพันแผล ชาวแก๊งตะลึงอ้าปากค้างพร้อมกับรำพึงว่า อะไรกันวะเนี่ย ทำไมยังไม่ตายอีก
รถแท็กซี่สมัยนั้น
ความอดทนเริ่มถึงขีดสุด ในที่สุดวันที่ 22 กุมภาที่ไม่ใช่วันวาเลนไทน์ หลังจากที่ลุงไมค์เมาพับ ชาวแก๊งก็อุ้มเขาไปยังห้องพักของหนึ่งในสมาชิกและรมแก๊สเขา ผ่านไปชั่วโมงหนึ่งลุงไมค์เราก็สิ้นใจ ปิดตำนานไอรอนไมค์ลงในที่สุด ชาวแก๊งก็ไปติดสินบนหมอให้วินิจฉัยว่าตายเพราะปอดบวมแล้วก็รับทรัพย์ไปสามพันห้าร้อยดอลเหนาะๆ (มูลค่าปัจจุบันจะประมาณเจ็ดหมื่นดอล)
ห้องเชือดลุงไมค์
อย่างไรก็ตามข่าวลือเรื่องไอรอนไมค์หรือรัสปูตินไมค์ก็ถึงหูตำรวจ ที่สุดชาวแก๊งทั้งหมดก็ถูกรวบ โดยหมอและนายกรีนถูกกันตัวไว้เป็นพยานให้การซัดทอดสมาชิกทั้งสี่ว่าสมคบกันวางแผนฆ่าลุงไมค์ สุดท้ายทั้งสี่ก็โดนจับนั่งเก้าอี้ไฟฟ้า คราวนี้ตายเรียบไม่มีใครตายยากเหมือนลุงไมค์ซักคน ปิดเรื่องราวคดีไอรอนไมค์ คนอึดตายยากไว้เพียงเท่านี้ ฝากไว้ให้คิดว่า "ให้ทุกข์แก่ท่าน ทุกข์นั้นถึงตัว" จบตำนานลุงขี้เมาแต่เพียงเท่านี้ครับ
สมาชิกทั้งสี่ในวันพิจารณา
ถ้าชอบบทความของผมติดตามได้ที่เพจ Someone in History : ประวัติศาสตร์ของใครสักคน https://www.facebook.com/Someone-in-History-ใครสักคนในประวัติศาสตร์-103698488387311/
ยังมีอีกหลายบทความที่น่าสนใจขอบคุณครับ
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2025 Blockdit
