21 ม.ค. 2021 เวลา 11:40
19. นักการเมืองยื่นปลา พระราชายื่นเบ็ด
ดังที่ผมได้เล่ามาตั้งแต่ต้นว่า การทำงานตามปรัชญาที่ว่า
ช่วยให้เกษตรกรช่วยตนเองได้ และต่อมาได้เปลี่ยนไปเป็น ช่วยให้เกษตรกร พึ่งตนเองได้อย่างยั่งยืน โดยยึดตามหลักและปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ของพระบาทสมเด็จพระปรมินทร์มหาภูมิพลอดุลยเดช รัชกาลทีที่ข้าราชการหรือข้ารับใช้พระราชานำไปปฏิบัติ
หลังจากประชุมรายปักษ์มา 2 วัน ข่าวจากทางสำนักงานเกษตรจังหวัด ผ่านทางเกษตรอำเภอมาบอกว่าท่านรัฐมนตรีช่วยว่าก่รกระทรวงเกษตร จะมาดูแลความเดือดร้อนของเกษตรกรที่ได้รับความเดือดร้อนจากการระบาดของเพลี้ยกระโดดสีน้ำตาลที่วัดดงขี้เหล็ก หมู่3 ตำบลวังหว้า อันเป็นหมู่ที่เป็นที่ตั้งของ สำนักงาน/บ้านพักเกษตรตำบล และเป็นจุดกคางกลางของตำบลอีกด้วย
ข่าวนี้กระจายออกไปในวงข้าราชการในหส่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งนายอำเภอ หน่วยป้องกันปราบปรามศัตรูพืช ผู้ใหญ่บ้านกำนัน รวมถึงเกษตรกรในพื้นที่ ในช่วงนั้นผมเดินอกผายไหล่ผึ่ง ไปท่ามกลางคำวิจารณ์ของชาวบ้าน ไอ้ ยุทธศิลป์ มันแน่ มันสามารถกระจายข่าวจนรัฐมตรีลงมาดูความเดือดร้อนของเกษตรกรได้
แต่ความภูมิใจ ความทะนงตัวตามคำพูดที่ชาวบ้านกล่าวขวัญ มันอันตรธานหายไป เมี่อวันนั้นมาถึง และได้เป็นสิ่งสะท้อนมาจนถึงปัจจุบันระหว่างนักการเมืองและข้าราชการประจำที่กลายเป็นน้ำพึ่งเรือ เสือพึ่งป่า
เมื่อวันนั้นมาถึง เกษตรจังหวัด เกษตรอำเภอ มาพร้อมกัน รวมถึงข้าราชการผู้ใหญ่ เมื่อชาวบ้านมาหร้อมกันแล้ว หลายคนก็มาชี้แจงแก่เกษตรกร ก่อนที่ท่านรัฐมนตรีจะมา ไมโครโฟนทำหน้าที่ของมันไม่ได้หยุด คนแล้วคนเล่า ที่บอกถึงว่าเขาได้ดูแลเกษตรกรเรื่องนี้อย่างไรบ้าง
ทันไดนั้นรถประจำตำแหน่งเลี้ยวเข้าประตูวัด มาจอดที่ศาลาวัด พอรถจอดสนิท ท่านนายอำเภอลงมาจากรถ คนขับรถก็นำรถออกไปหาที่จอดรถ
ผมและเพื่อนเกษตรตำบลเดินออกไปต้อนรับท่านนายอำเภอ เพราะตอนนั้นคนอื่น ๆ อยู่ข้างหน้าที่ประชุมกันหมดแล้ว พอพวกเราเดินถึงท่านนายอำเภอทุกคนยกมีอไหว้กล่าวคำสวัสดีเกือบพร้อมกัน ท่านรับไหว้ ขณะเดียวกันท่านยื่นมือมาโอบไหล่ผมพร้อมพูดว่า
" ขอบใจมากยุทธศิลป์ " แล้วท่านก็ใช้มือที่โอบไหล่ผมเคาะไหล่ผมเบา ๆ
ที่ท่านบอกขอบใจ ไม่ใช่ขอบใจเรื่องในวันนี้ แต่นั่นก็เป็นส่านหนึ่งที่เกี่ยวพันจนเกิดเรื่องในวันนี้ แต่คงไม่เล่าวันนี้ถ้าผมโม้เพลินจนไม่ได้เล่าอย่าลืมสะกิดเตือนด้วยเพราะผมได้ทำในหน้าที่ ในบทบาทนักส่งเสริม แต่ท่านดันไปบอกชาวบ้านว่า เอ้าพวกเราดูยุทธศิลป์ เล่นลิเกหน่อย เรื่องนี้ยังค้างคาใจผมอยู่
ขณะที่ท่านนายอำเภอไปสมทบกับหน่ายราชการต่างที่มาในวันนี้ ทันไดนั้น เฮลิคอปเตอร์ ลำเล็ก ๆของกระทรวงเกษตรสีขาวเขียวลำนั้นก็มาจอดที่ลานวัด ทุกคนที่กำลังพบปะประชาชน รีบมาต้อนรับท่านรัฐมนตรีกันหมด ทิ้งไว้ให้ไมโครโฟน อยู่เพียงผู้เดียว ท่านรัฐมนตรีลงจากเครื่อง เดินขึ้นไปบนศาลานั่งพักเหนื่อย พบปะกับบรรดาข้าราชการที่มาต้อนรับ
ในปีนั้นน่าจะเป็นปี 2526 เพราะช่วงนั้นกำลังอยูในระยะการหาเสียงเนื่องจากยุบสภาและมีการเลือกตั้งใหม่ ดังนั้นคณะรัฐมนตรีตอนนั้นน่าจะมาจากเมื่อตอนตั้งคณะรัฐมนตรีเมื่อปี 2524
ดังนั้นท่านรัฐมนตรีท่านนั้นคือใคร ไปสืบถามเอาครับ ผมไม่อยากเอ่ยชื่อท่านเพราะท่านไม่มีโอกาสโต้แย้งผม ถ้าผมผิดหรีอเพี้ยนไป ไม่ตรงกับความปราถนาของท่าน เพียงบอกใบ้ได้ว่าก็เป็น สส.ของสุพรรณบุรี นี่แหละ
เมื่อได้เวลาอันสมควรพิธีกรก็เรียนเชิญท่านรัฐมนตรีพบปะพูดคุยกับเกษตรกร และท่านก็เริ่มโดยการให้เกษตรกรเล่าเหตุการณ์ครั้งนี้ว่า เริ่มยังไงที่ไหน เกษตรกรก็เล่าโดยคนนั้นที คนโน้นที เขาบอกว่าพ่นสารเคมีแล้วเอาไม่อยู่ บางรายสองสามครั้งแล้วยังไม่หาย แล้วท่านรัฐมนตรีถามเกษตรต่อไปว่า
" แล้วพวกคุณทำอะไรต่อ "
" พวกเราก็แจ้ง เกษตรตำบลครับ "เกษตรกรตอบท่านรัฐมนตรีทันที แล้วท่านก็ถามว่า"
" ไหนเกษตรตำบลอยู่ไหน วันนี้มาไหม "
ผมลุกขึ้นทันที พอท่านเห็นท่านก็ถาม
" อ้อ. ว่ายังไงท่านเกษตร พอเกษตรกรมาแจ้งคุณ แล้วคุณทำอย่างไรต่อไป "
" ผมก็แนะนำสารเคมีที่สำหรับใช้กำจัดเพลี้ย ฯ และให้เขาไปซื้อมาพ่นกำจัด ครับ " ผมตอบตามธรรมเนียมปฏิบัติ
" ไม่ได้ คุณจะมัวให้เขาช่วยตนเองอยู่ไม่ได้ คุณต้องช่วยเขา "
ขณะที่ผมโต้ตอบกับท่านรัฐมนตรี สายตาผมก็กวาดหาคนช่วย เพราะที่ผมพูดไป นั่นคือหลักการที่ถูกต้องคนที่ผมต้องการมากที่สุดในขณะนี้นั่นคือ ผอ.กองป้องกันกำจัดศัตรูพืช ผมทราบว่าท่านก็มา เพราะเมื่อเช้าได้เจอกับท่านที่ร้านกาแฟหน้าวัด
แต่อนิจจาเงียบไม่มีอะไรเกิดขึ้น ในตอนนั้นผมทราบทันทีว่าก่อนที่ผมจะแนะให้เกษตรกร ช่วยตัวเองได้นั้น ในนาทีนี้ผมต้องช่วยตัวเองให้ได้เสียก่อน
" แต่ผมได้ขอความช่วยเหลือไปที่หน่วยป้องกันปราบปรามศรัตรูพืชทันทีหลังจากเกษตรกรรับมือไม่ไหว " ผมรีบแจ้งกรณีที่ได้ช่วยเกษตรกรไปแล้ว
ประโยคนี้ของผมทำให้ความกดดันหลุดพ้นไประยะหนึ่ง เพราะท่านหันไปถามนายอำเภอ และเกษตรอำเภอทันที
" เรื่องนี้เป็นอย่างไร ท่านเกษตรอำเภอ "
เกษตรอำเภอก็เริ่มอธิบายตั้งแต่เริ่มต้นจนกระทั่งเกษตรกรได้รับสารเคมี เมื่อเกษตรอำเภอพูดจบ ก็หันมาทางผมอีกครั้ง
" ทีหลังไม่ต้องรอนะท่านเกษตร เกษตรกรมีปัญหาต้องช่วยเขาทันที เรามัวรอไม่ได้เดี๋ยวมันไม่ทันการพืชผลเชาอาจเสียหายได้ "
"ครับผม "
หลังจากนั้นท่านก็ได้พูดคุยกับเกษตรกรในเรื่องทั่วไปในผลงานของรัฐบาล โดยเฉพาะผลงานของพรรคของท่านให้เกษตรกรฟัง แล้วท่านก็กล่าวคำอำลาเกษตรกร ซึ่งช่วงนี้ก็เป็นเวลา 14.30 แล้ว จากนั้นท่านนายอำเภอได้กล่าวขอบคุณที่ท่านมาเยี่ยมเยียนมาดูแลความเดือดร้อนของเกษตรกร สุดท้ายด้วยท่านเกษตรจังหวัด ดังนี้
" ผมในฐานะตัวแทนของเกษตรกรรู้สึกซาบซึ้งในน้ำใจของท่านรัฐมนตรีช่วยว่าการกนะทรวงเกษตรฯที่ได้ให้การดูแลและเอาใจใส่พวกเราพี่น้องเกษตรกร เราคงไม่มีโอกาสตอบแทนท่านได้ยากมาก แต่เราจะจำบุญคุณครั้งนี้ไว้ และจะตอบแทนท่านทันทีที่มีโอกาส พวกเราเห็นด้วยไหมครับ ถ้าเห็นด้วยปรบมือดัง ๆยาว ๆ ครับ ๊
เสียงปรบมือดังขึ้น ดัง ๆ ยาว ๆ แสดงถึงความพอใจในการมาเยี่ยมเยียนพี่น้องเกษตรกรในครั้งนี้ หรือเพราะคำพูดเกษตรจังหวัดก็ไม่ทราบได้
จากนั้นทุกคนก็ไปส่งรัฐมนตรีขึ้นเฮลิคอปเตอร์เพื่อเดินทางกลับแล้วเมื่อท่านรัฐมนตรีขึ้นเครื่องเรียบร้อย เสียงเครี่องบินดังกระหึ่มขึ้นยกตัวเองข้ึนฟ้าออกไปจากลานวัด ส่วนข้าราชการก็แยกย้ายกลับ เว้นแต่เกษตรอำเภอที่มากล่าวขอบคุณเกษตรกรที่มาต้อนรับทานรัฐมนตรีในครั้งนี้ และขอให้ทุกคนเดินทางกลับโดยสวัสดิภาพ
เพื่อนเกษตรตำบลช่วยผมเก็บพวกเครื่องเสียง เครื่องดื่มพร้อมพระลูกวัดอีกสององค์ เมื่อเรียบร้อยแล้วเพื่อนเกษตรตำบลขอตัวกลับ ผมก็กลับบ้านพักเกษตรตำบลซึ่งตั้งอยู่ในวัดแต่ห่างไปจากศาลาวัดไปอีกด้าน
สองวันต่อมา. เกษตรจังหวัดฝากเกษตรอำเภอมาบอกผมว่า ท่านรัฐมนตรีฝากมาให้บอกผมด้วย ไม่ต้องเสียใจ ท่านรัฐมนตรีเข้าใจดี แต่ท่านต้องพูดเช่นนั้น จริงแล้วถึงแม้ว่าจะไม่บอกไม่พูดผมก็ไม่ได้ติดใจ เพราะว่าการเป็นนักการเมืองก็ย่อมต้องเป็นเช่นนั้น แต่ที่ผมเสียใจมากคือข้าราชการประจำ
ทำไมผมต้องเสียใจ เขาทำอะไรผมหรือ ที่ผมต้องเสียใจคือเมื่อตอนที่ผมพูดว่าให้เกษตรกรช่วยตนเองนั้น แล้วโดนท่านรัฐมนตรีแกล้งตำหนิ ผมไม่โกรธท่านเรื่องโดนตำหนิ เพราะท่านอาจจะทราบหรือไม่ทราบก็ได้ แต่ในนาทีนั้นท่านก็ต้องพูดเช่นนั้น แต่คำว่าช่วยตัวเองก่อนนั้น มันเป็นหลัก เป็นแนวทาง เป็นปรัชญา ของงานส่งเสริมการเกษตร ที่ผมพูดเช่นนี้ไม่ต้องการให้แก้ตัวให้ผม
แต่ยอมรับกันไหมครับ เหตุการณ์วันนั้นคือการเล่นละครหลอกคนดู ผมเองก็ยินดีเป็นตัวละครและไม่จำเป็นต้องเป็นพระเอก แต่อย่าให้หลักการมันเสียไป ถ้าสมมุติว่าในวันนั้นมีใครซักคนช่วยผมสักนิด พูดว่า เราต้องให้ช่วยตนเองก่อนแต่เกษตรตำบลไม่ได้คิดว่าจะทำให้เกิดการระบาดใหญ่ได้ ก็เลยแนะนำเช่นนั้น หรือถ้าให้ดีขึ้นมาหน่อยก็รับเสียเลยว่าสอนเกษตรตำบลไว้เช่นนั้น
ในเมื่อมีการเล่นละคร ทำไมในบทที่เล่นต้องทำให้เสียหลักการ หลักปฏิบัติ ทำให้เจ้าหน้าที่อย่างผมต้องรับภาระถูกเกษตรกรกล่าวหาว่าทำไปโดยพละการ การที่ได้ช่วยนักการเมืองมาหาเสียงก็ไม่ว่า แต่ทิ้งภาระให้เกษตรตำบลมันใช่หรือ
วันนั้นที่เรากำลังเล่นละครกัน คนที่ชมหรือคนดู คนที่เราลงไปทำงานก็คือพวกนั้น แต่ถ้ามาพูดเช่นนั้นเขาก็ต้องเข้าใจว่า อ๋อ ที่ให้ข่วยตัวเองก่อนนั่นนะ เป็นความคิดของเกษตรตำบลเสียเอง ผู้ใหญ่เขาไม่ได้คิดเช่นนั้นด้วยเลย
พวกผมเกษตรตำบลก็ต้องมาแก้ตัวเรื่องนี้กันอีกหรือ เรื่องพวกนี้ ไม่ควรเป็นเจ้าหน้าที่ภาคสนามเพียงผู้เดียว แต่ผู้บริหารต้องประคับประคองให้เส้นทางการทำงานมันสะดวกสบาย อย่าไปเสนอหน้าเ แต่ไม่กล้าพูดความจริง
ถามว่า ความตั้งใจ แนวทาง ในการทำงานพวกนั้นเกษตรตำบลเป็นคนทำใช่ไหม ผู้ใหญ่ผู้บริหารไม่เกี่ยวใช่ไหม ผมไม่ต้องการคำตอบเพราะคำตอบคือตำแหน่งที่สูงขึ้นของข้าราชการแต่ละคนว่ามันคืออะไร ผมยังไม่กล่าวถึงมันวันนี้
เพืยงแค่จะบอกว่า ถ้าข้าราชการคือข้ารับใช้พระราชาเราก็คงทำงานตามพระราชดำริของพระราชา ตามที่เรามาเขียนไว้ในปรัชญากรมส่งเสริมการเกษตร ซึ่งทำไปเพื่อความอยู่รอดของพสกนิกรในพระองค์
ขฌะเดียวกันนักการเมีองก็ต้องทำในสิ่งที่ประชาชนได้รับผลอย่างรวดเร็ว เพื่อมีโอกาสได้รับการเลือกตั้งในครั้งต่อไป เปรียบเหมือนการส่งปลา ให้เขาไปกินเขาไปต้มไปแกงได้ทันที แต่เมื่อหมดปลาต้องรอคนเอาปลาตัวใหม่มาให้ แต่ขณะเดียวกันพระราชากลับสอนให้ตกปลา เพราะเมื่อได้ปลามาแล้วปลาหมดเมื่อไรก็สามารถไปตกปลามากินได้อีก
นั่นคือที่มาของคำว่า นักการเมืองยื่นปลา พระราชายื่นเบ็ด เหตุการณ์ครั้งนี้บอกว่านักการเมืองกำลังบอกประชาชนว่าเขาได้ยื่นปลามาให้แล้ว โดยที่ข้าราชการคนของพระราชาไม่ได้แสดงอาการคัดค้านอะไร เราไม่ได้ให้โต้แย้ง แต่เพียงแค่แสดงออกให้รู้ว่า เราทำงานกันแบบนี้
การนิ่งเงียบเหมือนการยอมรับว่าการที่เขาทำนั้นถูกต้อง เหมือนการยอมรับว่านั่นมันใช่แล้ว เพื่อประโยชน์ในตำแหน่งหน้าที่ของตัวข้าราชการเอง และทำให้ทุกวันนี้ เขาก็ยังคิดวๅเขาทำถูกตามแนวทางที่เราจะพัฒนาส่งเสริม
เคยมีข่าวงานทิ้งกระจาดที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา มีงานทิ้งกระจาด มีคนแย่งติ้วรับของในงานทิ้งกระจาดถึงกับมีคนตาย คุณเนาวรัตน์ พงศ์ไพบูลย์ กวีแห่งกรุงรัตนโกสินทร์ได้แต่งกลอน ไว้ในคอลัมน์ ข้างคลองคันนายาว หนังสือพิมพ์เดลินิวส์ มีบทหนึ่งซึ่งตรงกับแนวทางมี่ผมทำและยึดเป็นหลักในการทำงานตลอดมา นั่นคือ
การช่วยเหลือเผื่อแผ่เอาแต่ให้.
มันมิใช่เป็นทางสร้างกุศล
สอนให้คนตกปลาได้ไว้ช่วยตน.
มิใช่ขนปลาโปรยเพื่อโอยทาน
โฆษณา