21 ม.ค. 2021 เวลา 09:04 • ดนตรี เพลง
📌ปีที่ยากลำบากของ Bee gees📌
ซ้ายมาขวา มอริส กิ๊บ- แบรี่ กิ๊บ- โรบิน กิ๊บ
พูดถึงศิลปินเพลงสากล ยุค70 หรือ 80 หนึ่งในวงที่อยู่อยู่ในอันดับต้นๆที่ผมนึกถึงเลยก็คือ วงที่เอกลักษณ์เป็นผู้ชาย3คน ร้องเพลงประสานเสียงกัน+ด้วยการบีบเสียงที่แหลมเป็นพิเศษจนเป็นเอกลักษ์ นั่นก็คือ วง Bee gees ด้วยเสน่ห์ของความเป็นเอกลักษณ์ไม่เหมือนใครนี้ และ เนื้อทำนองเพลงที่แต่งมาได้อย่างลงตัว ทำให้วงBee Gees ถูกดันขึ้นแท่น เป็นวงระดับตำนานของยุค70-80
ซ้ายมาขวา แบรี่-โรบิน-มอริส
แต่ก่อนจะถึงจุดของความสำเร็จที่เราเห็นๆกันในปัจจุบัน น้อยคนจะรู้ว่า Bee gees ที่เรารู้จัก ก็เคยมีช่วงขาลง ถึงขนาดเป็นวงที่เล่นใน คลับเล็กๆ อยู่ช่วงหนึ่งเลยทีเดียว ขาลงที่ว่านี้ไม่ใช่ช่วงก่อนจะดังด้วยนะครับ แต่มันเกิดขึ้นหลังจากBee gees ดังแล้วออกอัลบั้มมา เกือบ 10 อัลบั้ม แล้วด้วยซ้ำ ดังนั้นผมเลยอยากเขียนให้ได้อ่านกัน ถึงช่วงปีที่ยากลำบากของBee gees ที่หลายๆคนอาจจะยังไม่เคยรู้
ย้อนกลับไปปี1973 3ปีหลังจากที่ โรบิน กิ๊บ กลับมารวมวงเป็น Bee gees อีกครั้งหนึ่ง Bee gees ออกอัลบั้ม Life in a Tin Can ในวันที่19 มกราคม 1973 ซึ่งสามพี่น้องกิ๊บ ต้องพบกับความผิดหวังเป็นครั้งแรก เพราะยอดขายรวมทั้งโลกแล้วขายได้เพียง 1แสนกว่าแผ่นเท่านั้น ไม่เพียงเท่านั้น เพลงในอัลบั้มนี้ มีเพียงแค่เพลง Saw a New Morning เท่านั้นที่ไปติด อันดับใน US bill board ซึ่งก็ติดในอันดับ 98 จาก 100 อันดับแรก นับเป็นครั้งแรกตั้งแต่ bee gees ตั้งวงมาเลยที่เพลงของพวกเค้า หลุดโผ ขนาดนี้
ผมได้ลองกลับไปไล่ฟังเพลงในอัลบั้มนี้ ต้องบอกว่าเพลงก็ไม่ได้ย่ำแย่อะไรมาก แต่ก็ต้องบอกตามตรงว่าเพลงไม่ได้อยู่ในระดับคุณภาพ ตามระดับของพี่น้องกิ๊บจริงๆ และมันก็ไม่ใช่เพลงที่น่าจะติดอันดับ top chart ได้เลย สาเหตุหนึ่งที่เพลงชุดนี้ไม่ได้ระดับตามมารตราฐานของ Bee gess อาจจะเพราะเพลงอัลบั้มนี้ใช้เวลาจัดทำเพียง 3เดือนเท่านั้น (Bee gees ออกอัลบั้มล่าสุดก่อนหน้านี้ คือ To Whom It May Concern ในเดือน เดือนตุลาคม 1972) ห่างเพียงแค่3เดือน ก็ออกอัลบั้ม Life in a Tin Can ด้วยระยะเวลาอาจจะทำให้เพลงในอัลบั้มออกมาได้ไม่ดีนัก
ปกอัลบั้ม Life in a Tin Can
ยังไงก็แล้วแต่ ถ้าแค่ออกอัลบั้มเดียวแล้วขายไม่ดีก็คงไม่ได้พาชีวิต3พี่น้องกิ๊บลงสู่ขาลงอะไรขนาดนั้น แต่มันไม่จบเพียงแค่นั้นหน่ะสิครับ เพราะตลอดปี1973 bee gees ไม่มีผลงานอะไรใหม่ๆออกมาเลย แม้ว่าพวกเค้าจะพยายามแต่งเพลงออกมาเสนอให้ค่ายต่างๆ แต่ก็ไม่มีค่ายๆไหนสนใจซื้อเพลงของพวกเค้ามาทำเลยแม้แต่ค่ายเดียว (เมื่อก่อนขอแค่บอกว่าเป็น bee gees ก็มีค่ายต่างๆแย่งกันเสนอขอซื้อเพลงพวกเค้าไปทำแทบจะตะลุมบอนกันเลยก็ว่าได้ ) พวกเค้าเลยทำได้เพียงแค่ทัวคอนเสริต ซึ่งผลตอบรับก็ไม่ดีเท่าไหร่ เพราะสุดท้าย ทัวของพวกเค้าก็มาจบลงที่ การเล่นในคลับเล็กๆแห่งหนึ่ง ในช่วงต้นปี1974 ตอนนี้พี่ชายคนโต แบรี่ ก็มีพูดกับน้องๆทำนองพูดเล่นๆ ว่า “ เราคงจบแล้วละ พวกนายเคยได้ยินคลับที่ชื่อ Batley's the variety ในอังกฤษ มั้ย? ประมาณว่าเราน่าจะไปเล่นที่นั่นนะอย่างน้อยคลับที่นั่นก็ใหญ่กว่าที่นี่ (เลิกหวังเรื่องการออกอัลบั้มใหม่ไปแล้ว )
Batley's the variety Club
แต่ความหวังของ3พี่น้องกิ๊บก็ยังไม่สิ้นหวังซะทีเดียว เมื่อ Ahmet Ertegun เจ้าของค่ายเพลง Atlantic Records เสนอให้3พี่น้องกิ๊บองมาทำเพลงกับเค้าดู โดยมี โปรดิวเซอชื่อดังอย่าง Arif Mardin มาร่วมงานด้วย ซึ่งดูแล้วน่าจะเป็นข่าวดี เว้นเสียแต่ Atlantic Records และ Arif Mardin นั้นมีความชำนาญและชื่อเสียงด้านเพลง soul และ R&B ซึ่งเป็นแนวเพลงที่3พี่น้องกิ๊บไม่เคยเล่นมาก่อนเลยในชีวิต
แต่ Ahmet Ertegun ก็คะยั่นคะยอให้พี่น้องกิ๊บ ลองดูเพราะการเปลี่ยนแนวเพลงมันอาจจะดังก็ได้ ใครจะไปรู้
ภาพ Ahmet Ertegun นักธุรกิจ/นักแต่งเพลงชาวตุรกี
ในเดือน กรกฎาคม ปี1974 Bee gees เลย ได้ออกอัลบั้มชื่อว่า Mr. Natural เป็นอัลบั้มที่เล่นเป็นแนว R&B + Soul ซึ่งก็ได้รับการตอบรับจากแฟนๆไม่ดีเท่าไหร่ โดยอัลบั้มนี้ ไม่ได้ปรากฎยอดขายแน่ชัด แต่คาดว่าจะไม่ต่างกับอัลบั้มก่อนหน้าเท่าไหร่ เพราะอัลบั้มนี้ ติดอยู่อันดับ 178 จาก 200 อัลบั้ม อัลบั้มของ US bill board ซึ่งก็ถือว่า ไม่ประสบความสำเร็จเท่าไหร่ (จริงๆตอนAhmet Ertegun บอกว่าให้ลองเปลี่ยนแนวเพลงอาจจะแนะนำผิดแนวไปหน่อย เพราะถ้าให้ Bee gees เปลี่ยนมาเล่นแนว ดิสโก้ตั้งแต่ตอนนั้นนะ ดังไปแล้ว) หลังจากออกอัลบั้มนี้แล้ว Bee gees ก็กลับไปเป็น วง เล่นสด ตามคลับต่างๆ เหมือนเดิม
จนถึงปี 1975 Eric clapton ก็ชวนBee gees ย้ายมาที่ ไมอามี่ รัฐฟอริด้า เพื่อมาร่วมงานกับ Criteria Studiosและภาคต่อไปคือการก้าวเข้าสู่เพลง ดิสโก้ song ของพี่น้องตระกูลกิ๊บ จนกลายมาเป็นตำนานจนถึงทุกวันนี้ (ไว้ผมจะเขียนในบทความถัดไป)
นับเป็นช่วงเวลา เกือบๆ 2 ปีเต็มๆ ตั้งแต่ 1973-1975 Bee gees ต้องบากหน้าตะเวนไปตามสตูดิโอต่างๆ เพื่อขายเพลง หาค่ายเพลงที่จะซื้อเพลงของพวกเค้าไปทำ หรือยอมไปเล่นในร้านเล็กๆ โดยไม่สนใจ ยี่ห้อ Bee gees ที่อยู่บนหน้าผาก เพื่อแลกกับเงินที่จะนำมาใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน ยอมถึงขนาดที่จำเปลี่ยนแนวเพลง ที่ตัวเองเคยมั่นใจเคยถนัด ไปเล่นในแนวอื่น เพื่อหาโอกาสใหม่ๆ
สิ่งที่ผมเห็นคือ สามพี่น้องตระกูลกิ๊บ ไม่เคยย่อท้อเลย และไม่เคยปฎิเศษโอกาสต่างๆที่เข้ามา แม้จะไม่เคยทำไม่เคยลอง แต่เค้ายินดีที่จะลองทำมัน และในที่สุด Beegees ก็กลับมาสร้างตำนานที่ยิ่งใหญ่และดังกว่าเดิมได้ กับแนวเพลงที่เรียกกันว่า ดิสโก้ ซึ่งBee gees ก็ถือเป็นวงดนตรีรุ่นบุกเบิกเพลงแนวนี้วงแรกๆเหมือนกัน
เพลง Stayin' alive เพลงดิสโก้ สุดฮิตจากวง Bee Gees
#วณิพกราตรี
#เรื่องเล่าเพลงดังในอดีต
โฆษณา