“คลื่นไฟฟ้าหัวใจ” บอกอะไรเราได้บ้าง / ตรวจแล้วปกติคือหัวใจแข็งแรงไหม / ตรวจแล้วบอกว่าเส้นเลือดตีบได้ไหม - ลองมาฟังคำตอบดูครับ
ในปัจจุบันการตรวจ “คลื่นไฟฟ้าหัวใจ” (Electrocardiogram, ECG หรือบางที่เรียก EKG) มักจะถูกบรรจุอยู่ในโปรแกรมการตรวจสุขภาพประจำปี โดยที่หลายๆคนเข้าใจว่า หากการตรวจ ECG ปกติ นั่นหมายถึง สุขภาพหัวใจปกติ... แต่ความเข้าใจนี้ เป็นความเข้าใจที่ผิด ‼️
การตรวจ ECG นั้น เป็นการวัดการวิ่งของ “กระแสไฟฟ้า” ที่อยู่ในหัวใจ โดยขึ้นกับ “ทิศทาง” และ “ปริมาณ” (vector) ของประจุไฟฟ้า
ดังนั้น การตรวจ ECG สามารถตรวจจับกระแสไฟฟ้าในหัวใจที่ผิดปกติ หรือ “หัวใจเต้นผิดจังหวะ” ได้ดีมาก
ในการตรวจภาวะกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือดนั้น ใช้หลักการที่ว่า - เมื่อเส้นเลือดหัวใจตีบมากๆ ทำให้กล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด หรือกล้ามเนื้อตาย ส่งผลให้ประจุในเซลกล้ามเนื้อเปลี่ยนแปลงไป ทำให้ตรวจพบได้จากการทำ ECG - อย่างไรก็ตาม การตรวจนั่นเป็นการตรวจทางอ้อม หัวใจต้องมีเส้นเลือดตีบมากๆ และหัวใจขาดเลือดมากๆ จึงจะตรวจพบได้
ในบางครั้งเราอาจจะพบว่า แพทย์สามารถวินิจฉัย “ภาวะหัวใจโต” จาก ECG ได้ หลักการคือ ถ้าหัวใจห้องไหนโต ย่อมมีประจุไฟฟ้าอยู่ที่ห้องนั้นมาก ทำให้ความสูงของกราฟหัวใจสูงขึ้นตามไปด้วย (ซึ่งก็เป็นการวินิจฉัยทางอ้อมอยู่ดี)
สรุปแล้ว... สิ่งที่คลื่นไฟฟ้าหัวใจบอกเราคือ
1. มีหัวใจเต้นผิดจังหวะขณะตรวจหรือไม่ (ดูจากทิศทางกางวิ่งของกระแสไฟ)
2. มีความผิดปกติของโครงสร้างหัวใจอื่นๆ - เส้นเลือดตีบ/กล้ามเนื้อขาดเลือด/ห้องหัวใจโต - “ชนิดรุนแรงหรือมากพอที่ไฟฟ้าจะเปลี่ยนแปลง” หรือไม่
ดังนั้น หากตรวจ ECG ปกติ ไม่ได้หมายถึง หัวใจปกตินะครับ ต้องอาศัย ประวัติ/ความเสี่ยง/โรคร่วม/ตรวจร่างกาย/การตรวจทางห้องปฏิบัติการอื่นๆ ร้วมด้วยเสมอ
นพ. วีรพันธ์ วิวัฒน์วรพันธ์
อายุรแพทย์โรคหัวใจ อนุสาขาสรีระไฟฟ้าหัวใจ
(ช่างไฟฟ้าหัวใจ)
- 1
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2025 Blockdit
