ธุรกิจชุดอาหาร ให้ลูกค้าปรุงเอง กำลังเติบโต
เมื่อ 10-20 ปีที่แล้ว ถ้าพูดถึงคำว่า “อาหารกึ่งสำเร็จรูป” หรือ “อาหารพร้อมปรุง” ในบ้านเรา
ก็อาจจะนึกออกแค่ บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป อย่าง มาม่า หรือ ไวไว
หรือถ้าเป็นของสดขึ้นมาหน่อย ก็อย่างเช่น เมนูสุกี้ที่จัดเป็นเซตในซูเปอร์มาร์เกต หรือตามร้านสะดวกซื้อ
มาในวันนี้ คำว่า “กึ่งสำเร็จรูป” ไม่ได้ถูกจำกัดอยู่แค่ เมนูบะหมี่ หรือสุกี้เท่านั้น
แต่เมนูของคาว และของหวานอื่นๆ ก็เป็นเมนูกึ่งสำเร็จรูป หรือพร้อมปรุงได้เช่นเดียวกัน
ซึ่งตอนนี้มีธุรกิจอาหารกึ่งสำเร็จรูปแนวใหม่ ที่มีชื่อเรียกว่า “Meal Kit”
Meal Kit คืออะไร และน่าสนใจอย่างไร ?
ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง
Meal Kit แปลตรงๆ ก็คือ “ชุดทำอาหาร”
พูดง่ายๆ คือ บริษัทที่ขาย Meal Kit ก็คือขายชุดอาหารที่จัดเซตสำเร็จรูปไว้
เพื่อให้ลูกค้านำไปประกอบอาหารกินเองที่บ้าน
โดยที่มาของโมเดลชุดอาหารแบบนี้ มาจากธุรกิจสตาร์ตอัปแห่งหนึ่งในสหรัฐอเมริกา
โดยปี 2012 บริษัทสตาร์ตอัปชื่อ “Blue Apron” ในนิวยอร์ก ถือเป็นเจ้าแรกๆ ที่เริ่มผลิตและจำหน่ายอาหารแบบ Meal Kit อย่างจริงจัง
เพื่อตอบโจทย์พฤติกรรมของคนยุคใหม่ ที่อยากทำอาหารเองที่บ้าน
และต้องใช้เวลาไม่นานในการประกอบอาหารมื้อนั้นด้วย
เช่น เวลาที่เราอยากทำเมนูเนื้อพันเบคอน
Meal Kit ของ Blue Apron ก็จะเตรียมวัตถุดิบทั้งหมดมาให้ในกล่อง
ตั้งแต่เนื้อ ซอสปรุงรส ที่จัดตามสูตรไว้ให้แล้ว
รวมไปถึงใส่คู่มือ ที่มีวิธีการทำอาหารไว้ให้ด้วย
Cr. Fortune
ซึ่งข้อดีของชุดอาหารแบบนี้
คือไม่ต้องเสียเวลาเดินไปหาซื้อวัตถุดิบแต่ละอย่างเอง
อีกทั้งช่วยลดขั้นตอนในการเตรียมอาหารได้ค่อนข้างมาก
การกำเนิดขึ้นของธุรกิจ Meal Kit ตั้งแต่นั้นมา
ได้สร้างการเติบโตให้กับสตาร์ตอัป Blue Apron ได้อย่างน่าสนใจ
โดยพวกเขาสามารถทำรายได้กว่า 602 ล้านบาทต่อเดือน ภายในเวลา 3 ปี
จนในปี 2017 Blue Apron ก็สามารถจดทะเบียนเข้าระดมทุนในตลาดหุ้นนิวยอร์กได้สำเร็จ
หลังจากนั้นมา ก็เริ่มมีบริษัทที่ทำธุรกิจ Meal Kit ในสหรัฐฯ เกิดขึ้นอีกมากมาย
เช่น HelloFresh Group, Sun Basket, Splendid Spoon
เรื่องที่น่าสนใจคือ วิกฤติโรคระบาดในปีที่ผ่านมา
ได้กลายเป็นโอกาสทอง ที่ทำให้ธุรกิจอาหารแบบ Meal Kit ได้รับความสนใจเพิ่มขึ้น
Cr. Financial Times
ข้อมูลจากการสำรวจของ Food Safety Tech
บริษัทที่สำรวจข้อมูลและสถิติทางด้านอาหารในสหรัฐฯ ระบุว่า
ผู้บริโภคจำนวนมากค้นพบความสุขใหม่ในช่วงวิกฤติโควิด 19 คือ “การทำอาหาร”
โดยชาวอเมริกันกว่า 54% บอกว่า พวกเขาทำอาหารเองมากขึ้นตั้งแต่โควิด 19 ระบาด
และ 35% บอกว่า สนุกกับการทำอาหารมากกว่าที่เคย
อีกสถิติที่น่าสนใจจากเว็บไซต์ Statista ก็ได้ชี้ให้เห็นว่า
ปีที่ผ่านมามูลค่าตลาด Meal Kit ทั่วโลก เติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ปี 2018 มีมูลค่าตลาดอยู่ที่ 2.9 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ
ปี 2019 มีมูลค่าตลาดอยู่ที่ 3.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ
ปี 2020 มีมูลค่าตลาดอยู่ที่ 4.1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ
ทำให้หลายธุรกิจเห็นโอกาสการเติบโตของตลาด Meal Kit ว่าเป็นหนึ่งในสินค้าที่ผู้บริโภคกำลังต้องการ
และมีการคาดการณ์ว่า ยอดขาย ของอาหารประเภท Meal Kit จะมีอัตราการเติบโตต่อปีเฉลี่ย อยู่ที่ 12-17% ในช่วงปี 2020-2027
และถ้าพูดถึงในประเทศไทย
ก็มีหลากหลายแบรนด์ ที่เริ่มทำเมนู Meal Kit โดยเฉพาะในช่วงโควิด 19
ตัวอย่างเช่น
ก๋วยเตี๋ยวเรือทองสมิทธ์ ได้ออกชุด D.I.Y. พร้อมปรุง
ประกอบด้วย ลูกชิ้น, เนื้อสด ,เนื้อตุ๋น, เครื่องใน, ผักสด, กากหมูเจียว, แคปหมู
โดยลูกค้าสามารถเลือกเส้น และระดับความเผ็ดของซุปน้ำตกได้
และปรุงอาหารตามขั้นตอนที่เขียนไว้ในคู่มือ
Cr. Cupcake Love
ร้านขนมหวาน Cup Cake Love ออกชุด D.I.Y. สำหรับเมนูคัปเค้ก และคุกกี้
ลูกค้าสามารถเลือกรสชาติ และตกแต่งขนมได้ด้วยตัวเอง
ร้านพาสตาเส้นสดชื่อดัง La Dotta ก็ทำอาหารพร้อมปรุง D.I.Y. จากเมนูยอดฮิต
อย่างเมนู Tortelloni 4 Cheese โดยเตรียมแป้งที่ห่อด้วยชีส และซอสต่างๆ ไว้ให้ในเชต
ทั้งหมดนี้ ก็เพื่อตอบโจทย์ลูกค้าที่อยากสนุกกับการทำอาหารกินเอง
แต่ต้องการลดขั้นตอนที่ซับซ้อน และยุ่งยากออกไป
และที่สำคัญยังได้อาหารที่รสชาติอร่อย โดยที่ไม่จำเป็นต้องมีความชำนาญในการทำอาหารมาก่อน
จากเรื่องนี้เราจะเห็นได้ว่า
การเติบโตของธุรกิจอาหาร Meal Kit ไม่ได้มาจาก การให้ลูกค้าได้บริโภคแค่ความอร่อยของอาหารเท่านั้น
แต่สิ่งสำคัญที่ทำให้ธุรกิจอาหารแบบ Meal Kit เริ่มได้รับความนิยม และเติบโตได้ดี
คือการขาย “ประสบการณ์” ที่ให้ลูกค้าได้ปรุงอาหารด้วยตัวเอง
เพราะการได้ปรุงเองกินเอง อาหารมื้อนั้น ก็คงอร่อยขึ้นกว่าเดิม ไม่น้อยเลย..
References
- 100
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2024 Blockdit
