ในประวัติศาสตร์การเสียดินแดนของสยามให้แก่ชาติตะวันตก มักจะขึ้นชื่อว่า “เกาะหมาก” หรือ “ปีนัง” คือการเสียดินแดนของไทยให้แก่ชาติตะวันตก แต่ว่าการเสียครั้งนี้ไทยเป็นเจ้าของเกาะหมากจริงหรือ??
.
ปีนังหรือตอนนั้นมีชื่อไทยว่าเกาะหมาก เป็นส่วนหนึ่งของอาณาจักรไทรบุรี ซึ่งแต่เดิมเมืองไทรบุรีนี้เป็นเมืองประเทศราชของอาณาจักรอยุธยา แต่ถึงจะขึ้นชื่อว่าเป็นเมืองประเทศราชแต่ความสัมพันธ์ของทั้งสองเมืองก็ค่อนข้างห่างเหินเช่นเดียวกับหัวเมืองใต้อื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นปัตตานี ตรังกานูหรือกลันตัน ซึ่งพวกเขาก็ยอมที่จะส่งเครื่องบรรณาการเป็นดอกไม้เงินดอกไม้ทองแต่โดยดี แต่ก็ไม่ยอมให้อยุธยาเข้ามาแทรกแทรงการเมืองภายในเช่นเดียวกัน ในขณะที่อยุธยาเองก็ไม่เข้าไปยุ่งกับกิจการภายใน ถ้าไม่ใช่เรื่องคอขาดบาดตายจริงๆ
.
เมื่อกรุงศรีอยุธยาแตกในปี 2310 ด้วยน้ำมือของพวกพม่า หัวเมืองปักษ์ใต้ต่างๆ ก็แยกตัวเป็นอิสระไม่ขึ้นตรงต่อเมืองธนบุรี ไม่ว่าจะเป็นปัตตานี ไทรบุรี กลันตันหรือตรังกานูทุกเมืองตั้งตนเป็นอิสระจากส่วนกลาง และปกครองกันเอง
.
ในช่วงสมัยกรุงธนบุรี เมื่อพระเจ้าตากสินมหาราชเริ่มจะรวมชาติได้สำเร็จลุล่วงแล้ว เหล่าหัวเมืองมลายูก็เริ่มที่จะส่งเครื่องบรรณาการมาถวาย ทั้งดอกไม้เงินดอกไม้ทองหรือปืนคาบศิลาถูกส่งไปยังกรุงธนบุรีเพื่อเป็นเครื่องบรรณาการ โดยเมืองที่ส่งไปประกอบด้วย กลันตัน ตรังกานูและไทรบุรี ส่วนปัตตานีปฏิเสธที่จะส่งบรรณาการ ซึ่งยังคงเป็นท่าทีเดิมเหมือนตอนสมัยกรุงศรีอยุธยา
.
แต่ว่าทุกอย่างก็มาเปลี่ยนแปลงเมื่อพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราชปราบดาภิเษกขึ้นเป็นพระมหากษัตริย์พระองค์ใหม่ โดยพระองค์ปราบพยศเจ้าเมืองนครศรีธรรมราช และพร้อมจะเตรียมบุกไปยังหัวเมืองมลายูทางตอนใต้อยู่ถ้ายังเกิดแข็งข้อเหมือนแต่ก่อน
.
ในตอนนั้นพระยาไทรบุรี(อับดุลเลาะห์โมกุลรัมซะ) ก็กลัวว่าจะสูญเสียอำนาจไป นั่นทำให้พระยาไทรบุรีต้องการกำลังสนับสนุน ซึ่งตอนนั้นอังกฤษก็กำลังสนใจในภูมิภาคนี้เช่นกัน พระยาไทรบุรีจึงไปขอความช่วยเหลือจากจักรวรรดิอังกฤษ
.
ถ้าถามว่าทำไมอังกฤษถึงให้ความสนใจในภูมิภาคอุษาอาคเนย์ และหมู่เกาะน้อยใหญ่ในถิ่นแถบของแหลมมลายู คงเริ่มตั้งแต่ราป์ส ฟิตช์ นักสำรวจชาวอังกฤษเดินทางมายังหงสาวดีจนถึงมะละกา และอังกฤษก็ได้เริ่มสำรวจภูมิประเทศตรงนี้มาโดยตลอด เพียงแต่ว่าเขตภูมิภาคนี้เป็นเขตอิทธิพลของดัชต์
.
เส้นทางค้าขายของช่องแคบมะละกาอยู่ภายใต้อิทธิพลของดัชต์ ซึ่งเมื่อเรืออังกฤษจอดเทียบเท่าก็มักจะโดนเก็บภาษีสูงริบ รวมถึงในตอนนั้นด้วยผลของสงครามประกาศอิสรภาพของอเมริกายังทำให้อังกฤษกับดัชต์อยู่ในวังวนความขัดแย้ง และยังส่งผลทำให้อ่าวเบงกอลที่เป็นพื้นที่คาบเกี่ยวไม่ปลอดภัยต่อกองเรืออังกฤษ ทำให้อังกฤษต้องการสถานีการค้าใหม่ของตัวเองเพื่อพักเรือ เตรียมเสบียง ซ่อมเรือ รวมถึงยังต้องรองรับการขยายตัวของบริษัทอีสต์อินเดียที่กำลังขยายตัวจากการค้าขายกับจีนอีกด้วย
.
สถานที่ที่อังกฤษเล็งจะสร้างท่าเรือใหม่มีอยู่ด้วยกันสามแห่งคือ บริเวณฝั่งตะวันตกของพม่า ชายฝั่งตะวันออกของสยาม และบริเวณเกาะสุมาตรา แต่อย่างไรนั้นหวยก็ไปตกที่เกาะปีนังซึ่งอังกฤษเชื่อว่าเป็นจุดยุทธศาสตร์ที่เหมาะสม มีความพร้อมในการสร้างท่าเรือ
.
อังกฤษจึงเริ่มไปหันเจรจากับเข้าเมืองไทรบุรีในฐานะผู้ครองเกาะปีนัง ในขณะที่เจ้าเมืองไทรบุรีก็ต้อนรับและต้องการเจรจาอยู่พอดี โดยอังกฤษต้องการให้ท่าเรือทั้งหมดบนเกาะปีนังและให้เมืองไทรบุรีซื้อของจากอังกฤษเป็นประจำในทุกปีด้วยราคาคงที่ ส่วนพระยาไทรบุรีก็ต้องการกำลังทหารสนับสนุนในการต่อต้านกองทัพจากพระนครที่อาจจะบุกเข้ามาตีเมืองได้ การเจรจาครั้งแรกค่อนข้างประสบคามยุ่งยากเพราะอังกฤษดำเนินนโยบายที่จะไม่ยุ่งการเมืองภายในบริษัทคู่ค้าทำให้การเจรจาครั้งแรกค่อนข้างล้มเหลว
.
แต่ต่อมาก็มาการเปิดเจรจาครั้งที่สอง และครั้งนี้อังกฤษได้วางยาพระยาไทรบุรีให้ตกลงทำสัญญาเช่าเกาะปีนัง โดยสัญญาว่าอังกฤษจะส่งทหารมาช่วยเหลือเมื่อไทรบุรีโดนรุกราน(แม้ในความจริงจะค่อนข้างประวิงเวลาให้นาน ตามนโยบายเดิมที่จะไม่ยุ่งกับการเมืองภายใน)
.
ซึ่งเมื่อกองทัพสยามตีเมืองปัตตานีแตก พระยาไทรบุรีที่ขอกำลังจากอังกฤษก็รู้ว่าตัวเองถูกหลอก เพราะอังกฤษแทบไม่มีความเคลื่อนไหวที่จะส่งกองกำลังทหารให้เลย พอรู้ว่าตัวเองถูกหลอกพระยาไทรบุรีจึงจำยอมที่จะยอมสวามิภักต์ต่ออำนาจสยามแต่โดยดี และพยายามไปยกเลิกสัญญาที่ทำไว้กับอังกฤษ
.
การเจรจาครั้งที่สามจึงเริ่มต้นในปี 2334 โดยอังกฤษขอเช่าเกาะปีนังเดือนละ 6000 เหรียญ แต่เจ้าเมืองไทรบุรีจะต้องยินยอมให้อังกฤษเป็นเพียงเจ้าเดียวที่จะค้าขายกบไทรบุรีได้ อีกทั้งยังต้องให้อังกฤษสามารถเข้าไปค้าขายกับไทรบุรีได้โดยไม่เสียภาษี ซึ่งทางพระยาไทรบุรีก็ตอบตกลง ซึ่งจากนั้นปีนังก็ไม่ได้ถูกส่งคืนให้กับไทรบุรีอีกเลย
.
จะเห็นได้ว่าการเสียปีนังหรือเหาะหมากนั้น สยามไม่ได้เสียไป แต่เมืองไทรบุรีต่างหากที่เสียไป และสยามเข้าครอบครองเมืองไทรบุรีอย่างแท้จริงก็หลังจากที่เจ้าเมืองไทรบุรีทำสัญญาตกลงกับอังกฤษไปเสียแล้ว เพราะฉะนั้น การพูดว่าสยามเสียปีนังไปอาจจะเป็นอะไรที่ไม่ถูกเสียหน่อย
.
เพราะเรายังไม่ได้ครอบครองเลย เราจะเสียสิ่งที่ยังไม่ได้ครอบครองไปได้เช่นไร