เด็กหญิงไข่มุก (7)
พรุ่งนี้ 22 กันยายน 2561 เด็กหญิงไข่มุกจะมีอายุครบ 9 เดือน เหมือนกล้าดอกกุหลาบที่เพิ่งโผล่พ้นดินรับแสงอาทิตย์
เมื่อโพสต์เรื่องราวหลานสาวครั้งที่แล้ว ปู่ ตั้งใจจะรอให้ตั้งไข่ ยืนด้วยตัวเองได้ จึงจะเขียนถึงอีกครั้ง
แต่..ความเปลี่ยนแปลงของเทพธิดาตัวน้อย ๆ ครั้งล่าสุด ทำให้ปู่ต้องเปลี่ยนความตั้งใจ กลับมาเล่าเรื่องราวของชีวิต ซึ่งจะเป็นเจนเนอเรชั่นรุ่นต่อไปของปู่ก่อนเวลาตั้งใจ
ไข่มุก ในวัย 9 เดือน ปู่สังเกตเห็นหลานสาว เป็นเหมือนเครื่องจักรสำรวจที่มีความละเอียดสูง
13-14 กันยายน ปู่มีภารกิจบางอย่าง 2 คืน ที่เพชรบุรี และเลยไปค้างที่อุทยานแห่งชาติไทรโยค กาญจนบุรีอีก 1 คืน เป็นเวลาที่ห่างกันนานที่สุด ในระยะหลัง
16 กันยายน ปู่กลับจากเมืองกาญจน์ถึงบ้านบางปะหัน 5 โมงเย็น จอดรถยังไม่ได้ขึ้นบ้าน สาวน้อยของปู่ที่ยายกำลังอุ้มอยู่บันไดบ้าน ก็เหมือนเครื่องจักรกำลังเร่งสะปีด ขาและแขนน้อย ๆ ทั้ง 4 ข้าง ทั้งถีบทั้งไขว่คว้า
ปากก็อ้ากว้างจนเห็นเหงือก เพราะไม่ได้เพียงแต่ยิ้มเหมือนเคย แต่เปล่งเสียงออกมาเป็นการหัวเราะ ตาก็จ้องมองมายังปู่ที่ยืนอยู่ประตูรถ เหมือนกำลังจะกระโดดจากอกยายลงจากบันได มาหา
ปู่ รีบขึ้นไปรับมากอดแนบอก พรมจูบลงบนใบหน้า ศีรษะและเนื้อตัวหลานสาว คนสวยของปู่ส่งเสียงหัวเราะอ้อ แอ้ เป็นภาษาทารกฟังไม่ได้ศัพท์ ขณะที่ทั้งมือน้อย ๆ ก็ตบตามใบหน้าและศีรษะปู่ จนแว่นตาหลุดต้องรีบคว้าแทบไม่ทัน
พัฒนาการของกล้ามเนื้อมัดเล็ก อย่างนิ้วมือ นิ้วเท้า ของไข่มุกในวัย 9 เดือน สามารถหยิบหรือใช้นิ้วเท้าจับของเล็ก ๆ ได้ แต่ที่หลานสาวแสดงให้ปู่เห็น คือ ใช้มือ หยิกและตบตามใบหน้าปู่ ส่วนนิ้วเท้าเมื่อกำลังเล่นกันหรือกำลังป้อนนม ก็ถีบทุกส่วนบนตัวปู่
ไม่ใช่การสัมผัสแผ่วเบาอย่างที่เคยเป็น แต่มันรุนแรง จนบางครั้งปู่ได้แผลจากรอยข่วนของหลานสาวเลยทีเดียว
กล้ามเนื้อใหญ่ ที่ใช้ในการเคลื่อนไหว คุณหมอที่เป็นลูกศิษย์ของปู่คนหนึ่ง บอกปู่ที่กำลังหลงหลานสาวว่า เด็กวัยนี้ กล้ามเนื้อจะแข็งแรงขึ้น เริ่มใช้มือดึงตัวเองไปข้างหน้า ที่เรียกกันว่า การคืบ ก่อนจะถึงการคลานที่ใช้เข่ากับมือช่วย
คุณหมอยังแนะนำว่า ต้องระวังเป็นพิเศษ เพราะเด็กจะเริ่มเคลื่อนไหวด้วยตัวเอง พลิกตัวจากหงายเป็นคว่ำ คว่ำเป็นหงาย กลิ้งตัวและคืบไปด้วยตัวเอง ภาษาหมอเด็กบางท่านเรียกว่า วัยสำรวจ
ไข่มุกของปู่คงเข้าตำรา “วัยสำรวจ”อย่างที่หมอว่า เพราะปู่สังเกตเห็น หลานสาวเหมือน เครื่องจักรสำรวจ อย่างที่บอกไว้ข้างต้น
เรื่องราวล่าสุด ที่ทำให้ปู่ทั้งเหนื่อยทั้งขำ จนต้องเขียนถึงหลานสาวก่อนเวลาที่ตั้งใจคือเหตุการณ์เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา
คุณยายน้อย คุณยายแท้ ๆ ที่สละเวลามาเลี้ยงหลาน มีนัดต้องไปพบหมอ ย่าแดงกับย่าเป้า ที่คอยช่วยป้อนข้าวป้อนน้ำ ก็มีภาระบางอย่างในเมืองอยุธยา ดังนั้น ตั้งแต่บ่ายจนถึงเย็น ปู่ต้องขับรถจากอ่างทองไปรับหน้าที่เลี้ยงหลานตามลำพัง
คุณยายน้อย บอกก่อนส่งหลานสาวที่กำลังยิ้มโชว์เหงือก มือไขว่เมื่อเห็นปู่ว่า นอนตอนเช้าหลังป้อนข้าวแค่ครึ่งชั่วโมงและยังไม่ยอมหลับอีกเลย เวลานั้น บ่าย 2 โมง ปู่บอกว่า เดี๋ยวก็คงง่วง และจะกล่อมให้หลับเอง อย่างที่เคยเป็น
ปกติ เวลาอยู่กับปู่ ถึงเวลานอน ปู่จะใช้วิธีให้นอน ตัวเองนั่งข้างและป้อนนม ไม่นานคนสวยก็จะหลับพริ้มไปกับจุกนมในปาก เมื่อหลับสนิทจึงจะเอาขวดนมออก
ก่อนเดือนกันยายน พฤติกรรมการนอนก็เปลี่ยน พักหลังจะไม่ยอมนอนกับจุกนม แต่เมื่อมีอาการง่วงให้เห็น ปู่จะอุ้มพาดบ่า โยกตัวไปมา บางครั้งก็เดินรอบ ๆ บ้านหรือในห้อง จนหลับสนิท จึงจะค่อย ๆ วางลงบนที่นอน
วิธีสังเกตว่าหลับสนิทในการนอนพาดบ่าก็ดูไม่ยาก เสื้อตรงหัวไหล่ปู่เปียกด้วยน้ำลายเมื่อไร นั่นแหละแสดงว่า เทพธิดาตัวน้อยกำลังฝัน กลับไปเยี่ยมเมืองฟ้าชั่วคราวอีกครั้ง
แต่ ..บ่ายวันอังคารที่แล้ว ไม่ได้เป็นอย่างที่เคย
หลังเห็นหลานสาวขยี้ตา ปู่วางบนที่นอน ยื่นนมให้ดูด ปู่นั่งโยงโย่ มือซ้ายประคองหลานสาว มือขวาถือขวดนม เด็กหญิงไข่มุกดูดนมสักพัก ก็ปัดออก สายตาสอดส่ายไปรอบห้อง คว้ารีโมทข้างตัวขึ้นยัดเข้าปากแทนจุกนม ปู่รีบดึงออก นำไปวางที่อื่น
ปู่ยื่นขวดนมให้อีก คนสวยดูดนมสองอึก ก็ปัดออกอีก คราวนี้ พลิกตัวเป็นนอนคว่ำ สำรวจรอบตัวอีก ครั้งนี้คว้าพวงกุญแจรถ พอดึงกลับ ก็คืบไปริมเบาะที่นอน คว้าฝาขวดนมที่วางไว้ข้าง ๆ ยัดเข้าปากตัวเองอีก
ปู่รีบอุ้มกลับมานอนอีก ก้มลงไปจนชิดหน้าหลานสาว พูดคนเดียว ทำไมหนูไม่นอนล่ะลูก พูดยังไม่จบ คนสวยของปู่ ก็คว้าแว่นตาจากหน้าปู่ ขว้างลงบนที่นอน
ปู่พยายามจะให้นมอีก คราวนี้คนสวยทำในสิ่งที่ปู่เพิ่งเคยเห็น คือ ร้องไห้ มือสองข้างยื่นมาข้างหน้า ปู่รีบอุ้มขึ้นมาพาดป่าจึงหยุดเสียงร้องได้
เมื่อใช้วิธีนอนดื่มนมไม่ได้ผล ปู่จึงเปลี่ยนวิธีที่สองคืออุ้มพาดป่า แต่หลานสาวเหมือนเครื่องยนต์ เติมน้ำมันอ๊อกเทนสูง หันมองซ้าย มองขวา ดูทุกอย่างด้วยความสนใจ แม้กระทั่งผ้าม่านหรือหลอดไฟบนเพดานห้อง
เมื่อหมดปัญญา ปู่พาเดินออกนอกห้อง ออกมายืนหน้ามุขเรือนไทย ชี้ให้ดูแม่น้ำ ดูต้นไม้ ดอกไม้ริมฝั่ง สักพัก ตาก็ปรือและหลับคาไหล่
ปู่รีบเดินกลับเข้าห้อง ที่เย็นสบายเพราะแอร์คอนดิชั่น แต่พอวางลงบนที่นอน เทพธิดาน้อย ก็กลับจากสวรรค์อีกตื่นอีกครั้ง ครั้งนี้ ไม่ใช่ตื่นอย่างเดียว มีเบะปาก ตามด้วยเสียง แอ..แอ.. อีกด้วย
วันนั้น ปู่เล่นเอาเถิดกับหลานสาวตัวน้อยจนหมดแรง ปวดร้าวทั้งหัวไหล่ ในที่สุดก็ยอมแพ้ ปล่อยให้สำรวจทุกอย่างรอบตัว ทั้งขวดนม ผ้าอ้อม กล่องใส่เสื้อผ้า ตุ๊กตา แม้กระทั่งเสื้อผ้าบนร่างกายปู่
4 โมงเย็น คนสวยของปู่ ก็ยังเพลิดเพลินกับการสำรวจสิ่งของในห้อง หันมายิ้มกับปู่บางครั้ง ก็ก้มหน้าคืบ ไปหาของเล่นใหม่ จน ย่าแดง กับย่าเป้า มารับหน้าที่ป้อนข้าว นั่นแหละ ปู่จึงมีเวลาหายใจ
ความรักในสายโลหิต เป็นความรู้สึกพิเศษ บางคนบอกปู่ว่า มันเป็นแบบ “วันเวย์” รักข้างเดียว ไม่เบื่อหน่ายรำคาญ รักแบบไม่มีเหตุให้รัก
เช่นเดียวกับปู่ แม้จะเหน็ดเหนื่อยเพียงใด กับหลานสาวตัวน้อย แต่ยิ่งเหนื่อยก็ยิ่งรัก ยิ่งนานวัน ยิ่งมั่นคง และปู่คิดว่า มันคงเป็นรักชนิดเดียวที่หาเหตุผลง่ายที่สุด เพราะ มันคือ “รักเพราะรัก”
ปู่เชื่อว่า คนบนโลก ใบหน้าที่เราเห็น ทั้งที่งดงามหรืออัปลักษณ์ ผู้ยิ่งใหญ่ หรือผู้ต่ำต้อยติดดิน จะมีรอยจูบของ พ่อ แม่ ปู่ ย่า ตา ยาย ฝังอยู่เป็นหมื่นเป็นแสนรอยบนใบหน้า ด้วยเหตุ รักเพราะรัก
ความรักที่พวกเราได้รับจากบุพการี แม้ไม่อาจมองเห็น แต่มันฝังอยู่ในสำนึก แม้จะไม่อาจเห็นในเวลาปกติ แต่เมื่อถึงคราววิกฤตแห่งชีวิต มันจะกลับมา จนต้องเพรียกหา
ในวัยที่ถึงครึ่งหลังแห่งชีวิต ปู่ตั้งใจว่า แม้กาลเวลาจะพรากลมหายใจของปู่ไปตามวัฏจักรแห่งชีวิต แต่ วันเวลาที่เหลืออยู่บนโลก ปู่จะให้ความรักกับหลานสาวตัวน้อยทุกวัน
เพราะความรักของปู่ ที่มีให้เด็กหญิงไข่มุก..ก็เป็นความรักประเภท “รักเพราะรัก” เช่นกัน