Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
เรื่องเล่าจากอินทนิลขวาง
•
ติดตาม
23 ม.ค. 2021 เวลา 10:49 • นิยาย เรื่องสั้น
เรื่องเล่าจากอินทนิลขวาง
ตอนที่ 1 จุดเริ่มต้นของหมู่บ้านอินทนิลขวาง
1
พรานมิตรเป็นคนภาคอีสานที่ย้ายมาตั้งรกรากที่หมู่บ้านในกรังชายแดนไทยติดกับพม่าในจังหวัดระนองมาหลายสิบปี
1
พรานมิตรดำรงชีวิตด้วยการล่าสัตว์จนใครๆต่างก็ชื่นชมในฝีมือการล่าสัตว์และเดินป่าซึ่งป่าแถบนี้อุดมไปด้วยวัวกระทิง ช้างป่าและตัวนิ่มที่มีมากเป็นพิเศษ
ด้วยการประกอบอาชีพเป็นพรานป่าทำให้พรานมิตรรู้จักป่าแถบนี้เป็นอย่างดีรวมถึงป่าในอินทนิลขวางด้วย
เช้าวันนึงในปี 2548 ขณะที่พรานมิตรกำลังลูบน้ำไก่ชนอยู่กับลูกชายอยู่บริเวณหน้าบ้านก็มีรถยนต์จำนวนสองคันแล่นเข้ามาจอดบริเวณหน้าบ้านของพรานมิตร
เมื่อประตูรถยนต์เปิดออก คนก้าวออกมาจากรถซึ่งพรานมิตรรู้จักกันเป็นอย่างดีนั่นคือผู้ใหญ่บ้านของที่นี่
“มาหาถึงบ้านมีเรื่องอะไรด่วนเหรอผู้ใหญ่” พรานมิตรทักทายผู้ใหญ่ซึ่งกำลังเดินไปเปิดประตูรถยนต์ของอีกคัน
“ผมพานายอำเภอมาพบพรานมิตรน่ะ ท่านมีธุระอยากจะคุยด้วย”
“นายอำเภอ” พรานมิตรอุทานด้วยความตกใจเพราะหมู่บ้านชายแดนห่างไกลแบบนี้ ไม่เคยมีคนใหญ่คนโตเคยเข้ามาเยี่ยมเยียนชาวบ้านถึงที่นี่
“คนนี้เหรอพรานมิตร”นายอำเภอถามผู้ใหญ่บ้านขณะเดินเข้ามาหาพรานมิตรที่กำลังใช้เสื้อของตนเองปัดกวาดบริเวณแคร่ใต้ต้นไม้ให้สะอาดเพื่อให้นายอำเภอนั่ง
“ใช่ครับนาย คนนี้คือคนที่ชำนาญพื้นที่มากที่สุดในแถบนี้” ผู้ใหญ่บ้านบอกกับนายอำเภอถึงกิตติศัพท์ของพรานมิตรที่เลื่องลือ
“อืม...งั้นเข้าเรื่องเลยแล้วกันนะ ฉันอยากให้พรานน่ะนำทางฉันเข้าไปในป่าที่เขาเรียกว่า”อินทนิลขวาง”สักหน่อย”นายอำเภอบอกกับพรานมิตรถึงจุดประสงค์ที่ดั้นด้นมาหาพรานมิตรถึงในหมู่บ้านแห่งนี้
“ได้ครับนาย ว่าแต่นายจะเข้าไปล่าสัตว์เหรอครับ ช่วงนี้ลูกไทรกำลังสุก พวกค่างป่าลงมาที่ต้นไทรเป็นฝูงเลยครับ” พรานมิตรบอกกับนายอำเภอเพราะคิดว่านายอำเภอต้องการเข้าไปล่าสัตว์
“งั้นไปกันเลยได้มั้ย เวลามีน้อย” นายอำเภอรวบรัดทันที
“ได้ๆครับ “พรานมิตรรีบตกลงทันที จากนั้นก็เข้าไปในบ้านหยิบสิ่งของบางอย่างใส่เป้จากนั้นก็เดินไปคว้าเสื้อลายพรางทหารตัวเก่งมาสวมใส่จากนั้นก็คว้าปืนลูกซองเดี่ยวไบคาลคู่ชีพพร้อมสายคาดกระสุนพาดบ่าออกจากบ้านทันที
“ปืนพวกนั้นถ้าไปยิงค่างเนื้อจะเละครับ” พรานมิตรบอกกับนายอำเภอเมื่อเห็นเจ้าหน้าที่ อส.อีกหลายคนต่างยืนถือปืน HK 33 กันหลายคนที่รถยนต์ของนายอำเภอ
“พรานมิตรไปนั่งในรถกับฉันก็ได้” นายอำเภอบอกกับพรานมิตรขณะที่กำลังก้าวเข้าไปในรถยนต์กระบะ4wd
“ไม่เป็นไรครับท่าน ผมแพ้แอร์ โดนแอร์ทีไรจามไม่หยุด ผมนั่งกระบะหลังดีกว่า”
จากนั้นพรานมิตรก็กระโดดขึ้นกระบะหลังไปนั่งรวมกับพวกเจ้าหน้าที่ อส. ที่มาด้วยกันอีกหลายคน
“ผู้ใหญ่ไปทำธุระก่อนก็ได้ ไม่เป็นไรฉันไปกับพรานมิตรก็ได้ ขอบใจมากที่มาส่ง” นายอำเภอบอกกับผู้ใหญ่บ้านที่ยืนส่งนายอำเภอบริเวณหน้าบ้านพรานมิตร
จากนั้นรถยนต์ของนายอำเภอจึงแล่นออกจากบ้านของพรานมิตรไปตามถนนลูกรังสีแดงเข้าสู่พื้นที่ชายแดนพม่า
“รถยนต์มาไกลสุดได้เท่านี้ครับพวกเราต้องเดินเท้ากันต่อ” พรานมิตรกระโดดลงจากหลังกระบะแล้วรีบเดินมาบอกกับนายอำเภอหลังจากสุดถนน
“เดินไกลมั้ยพราน อืมไม่น่าถามเนอะ” นายอำเภอทำท่าจะถามพรานมิตรแต่ก็คิดขึ้นมาว่าระยะทางที่เดินต่อจากนี้คงจะไม่ใช่ระยะทางสั้นๆแน่
“ครับนาย”พรานมิตรบอกกับนายอำเภอเป็นนัยๆว่าต่อจากนี้พวกเขาทั้งหมดต้องเดินเท้ากันอีกยาวไกล
จากนั้นนายอำเภอและคณะทั้งหมดก็เดินตามพรานมิตรไปตามเส้นทางแคบๆที่ใช้คนขุดผ่านภูเขาเลาะข้างแม่น้ำไปซึ่งเป็นถนนเพียงเส้นเดียวที่ผู้คนแถบนั้นใช้สัญจรกัน
“ชาวบ้านแถบนี้เอาปุ๋ยมาใส่สวนยางยังไงนี่” นายอำเภอถามพรานมิตรเพราะรู้สึกสงสัย เพราะเส้นทางค่อนข้างแคบที่มีเฉพาะคนเท่านั้นที่ผ่านได้ พวกรถมอเตอร์ไซค์คงหมดสิทธิ์
“ใช้แบกเอาครับท่าน”พรานมิตรบอกกับนายอำเภอ
“แม่น้ำนี้เหรอที่เป็นเส้นพรมแดน “นายอำเภอถามพรานมิตรถึงแม่น้ำที่ขนานกับเส้นทางสัญจรของชาวบ้านตลอดระยะทางที่เดินผ่านมา
“ใช่ครับท่าน มีแม่น้ำเส้นนี้เส้นเดียวที่เป็นพรมแดนไทย-พม่า ยกเว้นพื้นที่ที่จะเข้าไปสู่ป่าอินทนิลขวางที่มีแม่น้ำสองเส้นมาบรรจบกันซึ่งผมก็ยังไม่แน่ใจว่าแม่น้ำเส้นไหนกันแน่ที่เป็นพรมแดน” พรานมิตรบอกกับนายอำเภอขณะที่จูงมือนายอำเภอเดินบนขอนไม้ที่พาดข้ามห้วยเล็กๆ
จากนั้นคณะของนายอำเภอทั้งหมดก็เดินมาถึงบ้านของพี่นุ้ยซึ่งเป็นบ้านหลังสุดท้ายก่อนที่จะเข้าสู่ป่าอินทนิลขวาง
“พาใครมาเยอะแยะล่ะพรานมิตร”เสียงพี่นุ้ยทักทายพรานมิตรเมื่อเห็นกลุ่มคนเดินเข้ามาที่บ้านของพี่นุ้ยโดยมีพรานมิตรเดินนำมา
“นายอำเภอมาน่ะ ว่าจะเข้าไปในอินทนิลขวางกันหน่อยว่ะนุ้ย”พรานมิตรบอกกับพี่นุ้ย
“นายอำเภอ” พี่นุ้ยถึงกับตกใจเพราะปกตินอกจากพรานมิตรแล้วจะไม่มีใครผ่านมาทางนี้อีกเลย
“สวัสดีครับ เชิญนั่งก่อนครับ เดี๋ยวผมหาน้ำหากาแฟให้ก่อนครับ” พี่นุ้ยรีบกูลีกูจอปัดกวาดโต๊ะใต้ถุนบ้านพร้อมนำน้ำใส่ขันสีเงินมาส่งให้นายอำเภอ
“เย็นชื่นใจดีจัง น้ำฝนเหรอ” นายอำเภอถามเจ้าบ้านหลังจากดื่มน้ำเสร็จแล้ว
“ไม่ใช่ครับ น้ำบ่อครับ”พี่นุ้ยบอกกับนายอำเภอเพราะปกติชาวบ้านแถบนี้จะอาบน้ำใช้น้ำในลำคลอง แต่น้ำดื่มน้ำหุงข้าวจะขุดบ่อไว้ใช้ต่างหาก
“น้ำในคลองเมื่อก่อนเอามากินได้ครับ แต่ตอนนี้ไอ้ไข่เอาช้างมาล่ามไว้ ช้างมันขี้ลงในคลองจะให้เอาน้ำมากินก็คงไม่ไหว” พี่นุ้ยบอกกับนายอำเภอถึงช้างที่ชาวบ้านนำมาล่ามไว้บริเวณทางเข้าป่าอินทนิลขวาง
“ช้างบ้านเหรอ” นายอำเภอถามด้วยความสงสัย
“ใช่ครับ ไข่มันเอามาหากินแถวนี้ตั้งนานแล้วครับ ถ้าเดินผ่านไม่ต้องตกใจนะครับ ช้างตัวนี้มันจะแอบเงียบๆไม่ทำร้ายคน เราแค่ทำเป็นไม่สนใจมันก็พอ”
พี่นุ้ยบอกกับนายอำเภอ
“ว่าแต่นายอำเภอจะเข้าไปในป่าอินทนิลขวางเหรอครับ”พี่นุ้ยถามด้วยความแปลกใจ
“ทำไมเหรอ มีทหารพม่าอยู่เหรอ” นายอำเภอถามด้วยความแปลกใจ
“อ๋อไม่ครับ ปกตินอกจากพรานมิตรกับพวกที่หาไม้หอมแล้ว ผมก็ไม่เคยเห็นใครเขาเข้าไปในอินทนิลขวาง
ส่วนทหารพม่านั้นนานๆจะผ่านมาครับแต่ถ้าผ่านมาเขาจะมาขออนุญาตเดินผ่านสวนของผมครับ เพราะฝั่งพม่าทางมันรก” พี่นุ้ยบอกกับนายอำเภอให้คลายความกังวล
“แล้วทำไมเขาเรียกว่าอินทนิลขวางล่ะ” นายอำเภอถามพี่นุ้ยถึงชื่อที่มา
“สมัยสิบกว่าปีก่อน ท่านปลัดบุญจริงได้นั่งเรือเข้ามาสำรวจป่าในนั้น แต่ไปได้แค่ต้นอินทนิลต้นใหญ่ริมคลองที่เอนขวางลำคลองไว้ ทำให้เรือไม่สามารถแล่นไปต่อได้ เมื่อปลัดบุญจริงกลับลงมามีคนถามท่านว่าเข้าไปลึกแค่ไหนท่านจึงบอกกับทุกๆคนว่าไปได้แค่ตันอินทนิลขวาง จากนั้นทุกๆคนจึงเรียกพื้นที่แห่งนั้นว่า อินทนิลขวาง ครับ”
พี่นุ้ยเล่าถึงเรื่องราวของปลัดอำเภอคนก่อนที่เข้ามาสำรวจพื้นที่แห่งนี้
“อ๋อ มันเป็นอย่างนี้นี่เอง 555” นายอำเภอหัวเราะอย่างชอบใจเมื่อทราบถึงที่มาของชื่อ
“เราออกเดินทางกันต่อมั้ยครับ ถ้าช้าอาจจะกลับมามืดค่ำและจะเดินทางลำบาก” พรานมิตรบอกกับทุกๆคนเมื่อเห็นว่าเป็นเวลาเกือบเที่ยงแล้ว
“เอ้า ไปก็ไป ชักอยากเห็นต้นอินทนิลต้นนั้นแล้วสิ”นายอำเภอบอกกับพรานมิตรอย่างอารมณ์ดี
จากนั้นนายอำเภอกับเจ้าหน้าที่ อส.พร้อมอาวุธครบมือก็เดินทางออกจากบ้านของพี่นุ้ยโดยที่พรานมิตรเริ่มสังเกตถึงชายคนหนึ่งที่มากับนายอำเภอที่มีลักษณะแปลกกว่าคนอื่นๆ..!!!
เมื่อทั้งหมดเดินทางออกจากบ้านของพี่นุ้ยได้ไม่นานก็มาถึงพื้นที่ที่ทุกคนพูดถึง
พื้นที่ด้านหน้ามีลักษณะคล้ายเกาะขนาดใหญ่ที่มีลำคลองสองเส้นพาดผ่านและมาบรรจบกัน
“ข้ามคลองนี้ไปก็คือพื้นที่ของอินทนิลขวาง ด้านซ้ายมือเป็นพม่า 100% ด้านขวามือเป็นประเทศไทย 100%
ส่วนอินทนิลขวางอยู่ตรงกลางผมไม่รู้ว่าของใคร “
พรานมิตรบอกกับนายอำเภอถึงพื้นที่สามเหลี่ยมตรงกลางขนาดใหญ่
1
“จะของใครล่ะ มันก็ต้องของเราสิ “ นายอำเภอบอกกับพรานมิตร
จากนั้นพรานมิตรเห็นชายคนที่มากับนายอำเภอก็นำเอาอุปกรณ์บางอย่างที่คล้ายกับโทรศัพท์มือถือขนาดใหญ่ออกมาเปิดดู เสร็จแล้วก็หันไปพูดอะไรบางอย่างกับนายอำเภอเบาๆ
“พรานมิตรนำทางไปเลย” นายอำเภอบอกกับพรานมิตรให้นำทางเข้าไปในพื้นที่อินทนิลขวางทันที
เมื่อข้ามลำคลองที่ขวางระหว่างพื้นที่อินทนิลขวางกับสวนยางของพี่นุ้ยแล้ว ทั้งหมดก็เดินไปตามทางเรื่อยๆโดยมีพรานมิตรนำหน้า
“เดินเงียบๆเบาๆ อย่าส่งเสียงดัง”พรานมิตรหันมาบอกกับทุกคนพลางชี้ให้ดูช้างตัวหนึ่งซึ่งยืนนิ่งเป็นตุ๊กตาขนาดใหญ่ข้างกอไผ่ ห่างจากทุกคนไม่ถึงสองเมตร
โดยที่งวงของช้างยังคงถือกิ่งไผ่ค้างไว้คล้ายกลัวว่าจะมีคนเห็นว่ามันยืนอยู่ตรงนี้
“ทำไมมันนิ่งจัง” เจ้าหน้าที่ อส.คนหนึ่งซึ่งเดินใกล้กับพรานมิตรได้เอ่ยปากถามกับพรานมิตร
“ช้างเลี้ยงน่ะ เจ้าของฝึกมาดี มันชอบตัวตัวแข็งนิ่งๆเวลามีคนเดินเข้าใกล้ “ พรานมิตรบอกกับทุกคนอย่างอารมณ์ดี
จากนั้นทั้งหมดก็เดินลัดเลาะข้ามลำคลองไปมาอีกหลายรอบโดยสภาพส่วนใหญ่ของพื้นที่แห่งนี้ไม่มีต้นไม้ใหญ่ มีเพียงต้นไม้เล็กๆและต้นไผ่ที่ขึ้นอยู่มากมาย
1
“ใครมาตัดต้นไม้ไปหมดแล้วล่ะ” นายอำเภอถามพรานมิตรเมื่อเห็นตอไม้เก่าขนาดใหญ่จำนวนหลายตอ
“เจ้าของโรงเลื่อยข้างล่างแหละครับ ไม่ต้องจ่ายค่าสัมปทานให้พม่า ไม่ต้องจ่ายภาษีให้ฝ่ายไทย ตัดเสร็จก็ล่องไปตามคลองแล้วก็ใช้เรือชักลากเข้าโรงเลื่อยของตัวเองสบายเลย”พรานมิตรเล่าให้นายอำเภอฟังถึวเรื่องของการเข้ามาทำไม้ของนายทุนเมื่อเกือบยี่สิบปีก่อน
ในระหว่างที่พรานมิตรเดินนำทางไปนั้นพรานมิตรก็สังเกตเห็นชายคนนั้นนำอุปกรณ์มาเปิดดูเป็นระยะๆ
“อีกไกลมั้ยพรานมิตร”นายอำเภอถามพรานมิตรเมื่อเห็นว่าเดินมาค่อนวันแล้วยังไม่ถึงจุดหมายสักที
“ก็อีกสักพักใหญ่แหละครับ เส้นทางมันต้องเดินข้ามลำคลองไปมาอีกหลายรอบ”พรานมิตรบอกนายอำเภอขณะใช้มีดพกขนาดใหญ่ฟันไม้ไผ่ที่ขวางทางอยู่
“สงสัยวันนี้เราจะกลับกันไม่ทัน” นายอำเภอหันไปบอกกับชายคนนั้นซึ่งเขาก็ได้แต่พยักหน้า
2
เวลาผ่านไปจนเย็น คณะของนายอำเภอก็ได้เดินทางมาถึงจุดหมายปลายทาง
“ถึงแล้วครับ นั่นคือต้นอินทนิลที่เป็นชื่อเรียกของพื้นที่ที่นี่ครับ” พรานมิตรบอกกับนายอำเภอพร้อมชี้ให้ดูต้นอินทนิลขนาดใหญ่ประมาณสองคนโอบที่เอนลงมาขวางลำคลองที่ใหลลงสู่พื้นที่ด้านล่าง
“ตันใหญ่เหมือนกันนะ”นายอำเภอเดินเข้าไปดูต้นอินทนิลต้นนั้นอย่างละเอียด
“ถ้าเรายึดลำคลองเส้นนี้เป็นพรมแดน ไม่ใช่เส้นที่ข้ามมาจากบ้านนายนุ้ย พื้นที่ทั้งหมดนี้เป็นของประเทศไทยใช่มั้ยจ่า” นายอำเภอหันไปพูดกับชายคนนั้น ทำให้พรานมิตรรู้โดยทันทีว่าชายคนนั้นไม่ใช่เจ้าหน้าที่ อส. แต่อาจจะเป็นทหารหรือตำรวจก็ยังไม่แน่ใจ
“แล้วคืนนี้เราจะนอนกันตรงไหน อย่าบอกว่านอนใต้ต้นอินทนิลนะ ผีหลอกตาย 555” นายอำเภอหันกลับมาถามพรานมิตร
“ย้อนกลับไปสักนิดดีกว่าครับ ตรงโน้นเป็นหมอนไม้เก่าที่พวกตัดไม้ใช้วางไม้ซุง สูงกว่าตรงนี้ดูปลอดภัยกว่า”
พรานมิตรหันไปบอกกับนายอำเภอจากนั้นก็นำคณะทั้งหมดย้อนกลับมายังพื้นที่ที่ใช้พักแรมในคืนนี้
“แล้วเย็นนี้เราจะกินอะไรกันล่ะ ฉันคิดว่าจะกลับออกไปทัน เลยไม่เตรียมอะไรมาเลย” นายอำเภอหันกลับมาถามทุกๆคนในคณะด้วยความกังวล
“ผมเตรียมมาแล้วครับ เข้าป่าเข้าดงของกินมีดพร้าอย่าให้ขาด”
พรานมิตรเปิดกระเป๋าเป้ออกด้านในมีข้าวสาร 1 ถุงที่ใส่มาในหม้อสนามแบบทหารและพริกแกงเผ็ด 1 ถุง จากนั้นก็หยิบปลากระป๋องออกมาวางไว้
พรานมิตรเดินไปหากาบไม้ไผ่แผ่นแห้งขนาดใหญ่ที่ร่วงอยู่เต็มบริเวณกอไผ่มา 2 ชิ้น จากนั้นนำไม้ไผ่แห้งมาผ่าออกก่อนจะใช้มีดพกเล่มใหญ่บรรจงขูดไม่ไผ่แห้งให้เป็นฝอยเล็กๆ
จากนั้นก็นำฝอยของไม้ไผ่มาวางบนกาบไม้ไผ่และวางเศษไม้ไผ่ที่เหลือด้านบน จากนั้นก็ใช้ไฟเช็คจุด
สักพักไฟก็ลุกโชนขึ้นมาคล้ายกับราดน้ำมันลงไป พรานมิตรจึงหยิบไม้ที่อยู่บริเวณนั้นมาสุมไฟให้ลุกท่วม
จากนั้นพรานมิตรก็เดินไปตัดไม้ไผ่มาสองท่อนแล้วตัดเป็นท่อนเล็กๆยาวขนาดศอกนึงจากนั้นจึงเดินไปตักน้ำบริเวณริมคลองบริเวนใต้ต้นอินทนิล
เมื่อกลับมาพรานมิตรจึงนำข้าวสารใส่ลงไปในกระบอกไม้ไผ่แล้วใส่น้ำ ก่อนจะใช้ใบไผ่มาปิดปากกระบอกไม่ไผ่แล้วนำไปวางข้างกองไฟ
“ใครว่างไปตัดใบกล้วยให้หน่อย” พรานมิตรบอกกับเจ้าหน้าที่ อส. ที่ยืนถือปืนคุ้มกันนายอำเภออยู่
1
เมื่อได้ใบกล้วยมาแล้ว พรานมิตรจึงวางใบกล้วยกับพื้นจากนั้นก็เขี่ยถ่านไฟออกจากกองไฟแล้วใช้หม้อสนามไปวางบนถ่านและใส่พริกแกงซึ่งผสมน้ำมันพืชไว้แล้วลงไปคั่ว จากนั้นจึงเปิดปลากระป๋องลงไปตั่วกับพริกแกงและใส่น้ำลงไป
เมื่อได้ที่แล้วก็ยกลงจากไฟ จากนั้นก็นำกระบอกไม้ไผ่มาผ่าแล้วเทข้าวลงบนใบกล้วยทั้งหมดแล้วจึงเทหม้อสนามที่มีปลากระป๋องนั้นราดลงไปบนข้าว
“เชิญนายอำเภอทานข้าวได้ครับ”พรานมิตรบอกให้นายอำเภอเข้ามากินข้าวราดปลากระป๋องที่วางอยู่บนใบกล้วย
“ท่าทางน่าอร่อยนะ เอ้าทุกคนมากินข้าวด้วยกันเร็ว”นายอำเภอบอกกับทุกคนในคณะสิบกว่าคนให้เข้ามากินข้าว แต่ดูเหมือนทุกคนจะไม่กล้าเข้ามา
2
“กินข้าวโว้ย นี่เป็นคำสั่ง” นายอำเภอเริ่มเสียงดังขึ้นเมื่อเห็นว่าทุกๆคนยังคงยืนนิ่งไม่ขยับ
จากนั้นทุกคนก็ล้อมวงกันเข้ามาใช้มือจ้วงข้าวกองนั้นอย่างเอร็ดอร่อยโดยมีพรานมิตรยืนดูระวังหลังให้
“ไม่น่าเชื่อว่าแค่ปลากระป๋องมันจะอร่อยขนาดนี้ เปิดร้านอาหารได้เลยนะเนี่ย”เสียงนายอำเภอเอ่ยปากชมพรานมิตรไม่หยุด
หลังจากมื้อเย็นผ่านไป พรานมิตรก็ตัดใบของหยวกปุดมาปูให้นายอำเภอได้นอนโดยก่อกองไฟไว้ใกล้
“เดี๋ยวคืนนี้ผมจะออกไปล่าสัตว์ ถ้าได้ยินเสียงปืนทีล่ะนัดไม่ต้องตกใจนะ แต่ถ้าดังเป็นชุดนี่ไม่ใช่ปืนของผมแน่นอนให้รีบดับไฟแล้วหนีข้ามเขาไปทางตะวันออกนะ” พรานมิตรบอกกับเจ้าหน้าที่ อส.ซึ่งยืนยามรักษาความปลอดภัยให้นายอำเภอ
จากนั้นพรานมิตรก็หยิบกระสุนปืนลูกซองบรรจุใส่รังเพลิงและเดินออกไปในความมืด
จนเวลาเกือบสว่างพรานมิตรก็กลับมาพร้อมมูสังหรืออีเห็นจำนวนหลายตัว
รุ่งเช้านายอำเภอตื่นขึ้นมาก็เห็นพรานมิตรกำลังรินน้ำร้อนจากกระบอกไม้ไผ่ที่ผิวไฟไว้ลงในแก้วไม้ไผ่เล็กๆ จากนั้นพรานมิตรก็หยิบกาแฟซองสำเร็จรูปเทลงไปในแก้วและม้วนซองกางแฟให้กลมก่อนจะใช้คนกาแฟในแก้วไม้ไผ่ให้ละลาย
“เป็นกาแฟที่อร่อยที่สุดในชีวิตที่เคยกินมา” นายอำเภอบอกกับพรานมิตรอย่างอารมณ์ดี
“เราคงต้องกลับออกไปเร็วหน่อยนะครับเพราะข้าวสารผมหมดแล้ว เดี๋ยวเราจะกลับไปกินข้าวกันที่บ้านไอ้นุ้ยครับ” พรานมิตรบอกกับนายอำเภอซึ่งนายอำเภอก็เห็นด้วย
1
จากนั้นคณะของนายอำเภอทั้งหมดก็เดินทางกลับลงมา
“ไอ้ช้างตัวนี้มันยืนตัวแข็งทื่ออีกแล้วว่ะ 555”นายอำเภอบอกกับทุกคนเมื่อเห็นช้างตัวเดิมยืนนิ่งเมื่อเห็นคนเดินผ่านมา
จากนั้นพรานมิตรก็พานายอำเภอเข้าไปบ้านพี่นุ้ยซึ่งพี่นุ้ยก็หุงข้าวทำกับข้าวไว้แล้วเพราะรู้ว่านายอำเภอต้องหิวแน่ๆ
“คั่วมูสังให้นายอำเภอด้วย”พรานมิตรบอกกับพี่นุ้ยและส่งมูสังที่ยิงมาได้ให้พี่นุ้ยไปทำอาหาร จากนั้นกับข้าวและอาหารทั้งหมดก็ถูกยกมาให้นายอำเภอได้รับประทานกันอย่างเต็มที่
หลังจากทุกคนกินข้าวกันอิ่มหนำสำราญกันแล้ว
“กับข้าวอร่อยมาก ขอบใจมากๆนุ้ย ไปธุระที่อำเภอเมื่อไหร่อย่าลืมแวะไปหากันบ้างนะ ฉันจะพาไปเลี้ยงข้าวขอบคุณนุ้ยบ้าง” นายอำเภอบอกกับพี่นุ้ยอย่างอารมณ์ดี
“ไม่เป็นไรครับ อาหารบ้านๆ ผมกลัวว่าจะไม่ถูกปากนายอำเภอด้วยซ้ำ”พี่นุ้ยบอกกับนายอำเภอแบบเกรงใจ
“นี่น่ะอร่อยที่สุดในชีวิตฉันเลยตั้งแต่เคยกินมา “พลันสายตานายอำเภอก็เหลือบไปมองพี่มิตรที่เพิ่งเอ่ยปากชมว่าทำอาหารอร่อยอยู่เมื่อวาน
“รวมทั้งฝีมือของพรานมิตรด้วย” นายอำเภอพูดพลางเดินมาตบบ่านายพรานมิตรซึ่งทำให้พรานมิตรยิ้มอย่างดีใจ
1
หลังจากที่นายอำเภอรับประทานอาหารกันเสร็จแล้วทุกคนก็ออกเดินทางกลับกัน
หลังจากที่เดินมาถึงจุดจอดรถยนต์แล้วทั้งหมดก็นั่งรถยนต์มาถึงบ้านพรานมิตร
“พรานมิตร ฉันขออะไรอย่างสิ” นายอำเภอเดินเข้าไปส่งพรานมิตรถึงบริเวณหน้าบ้าน
“ครับนาย มีอะไรก็บอกผมมาได้เลย” พรานมิตรรับปากนายอำเภออย่างแข็งขัน
“พรานมิตรอย่าเพิ่งบอกเรื่องที่ฉันเข้าไปที่ตันอินทนิลขวางกับใครนะ” นายอำเภอกำชับพรานมิตรก่อนจะเดินกลับไปขึ้นรถยนต์แล้วขับออกไปจากบ้านของพรานมิตร
4 บันทึก
6
12
4
6
12
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย