Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
เรื่องเล่าเขย่าโลก-World Wide Wow! Stories
•
ติดตาม
24 ม.ค. 2021 เวลา 12:46 • ประวัติศาสตร์
เปิดตำนาน เซี่ยวกาง ทวารบาลจีนผู้เฝ้าประตูสถานที่สำคัญ
การมีเทพประตู หรือ ทวารบาล นั้นมีอยู่แทบจะในทุกพื้นที่ของโลกเลยครับ เพื่อคอยเฝ้าสถานที่สำคัญต่างๆไม่ให้ความชั่วร้ายใดๆสามารถย่างกายเข้าไปได้ ซึ่งหนึ่งในชาติที่มีการใช้เทพเฝ้าประตูมากที่สุดนั้นก็คงจะหนีไม่พ้นจีนนั่นเองแถมความเชื่อนี้ยังส่งอิทธิพลไปยังหลายๆที่รวมถึงในไทยด้วยเช่นกัน ฉะนั้นในบทความนี้ผมจะพาทุกท่านไปรู้จักกับตำนานของ “เซี่ยวกาง” เทพเจ้าสององค์ผู้ทำหน้าที่เฝ้าประตูด้วยกันเลยครับ
มีตำนานกล่าวว่า ย้อนกลับไปในอดีตสมัยราชวงศ์ถังของจีน รัชสมัยของจักรพรรดิถังไท่จง มีพญามังกรตนหนึ่ง ผู้ครองท้องน้ำ และคอยทำหน้าที่บันดาลน้ำฝนให้ตกลงมายังโลกมนุษย์ ได้สังเกตเห็นว่าช่วงหลังมานี้เหล่าสัตว์น้ำบริวารของท่าน ถูกชาวประมงมนุษย์จับไปมากเกินกว่าปกติ จึงแปลงกายขึ้นมายังโลกมนุษย์เพื่อสืบหาคำตอบ จนได้รู้ความว่ามีหมอดูผู้หนึ่งได้ทำนายเวลาน้ำขึ้นน้ำลงรวมไปถึงเวลาที่สัตว์น้ำวางไข่ และนำไปบอกให้ชาวบ้านได้ทราบ จนเหตุให้นำไปสู่การจับสัตว์น้ำจำนวนมาก พญามังกรเมื่อทราบเรื่องดังนั้นก็โกรธมากที่เหล่าบริวารของตนมากมายต้องถูกฆ่าและอยากสั่งสอนให้รู้สำนึก จึงได้แปลงกายเป็นมนุษย์และเข้าไปหาหมอดูผู้นั้น จากนั้นเจ้ามังกรได้ยื่นขอเสนอท้าประลองกับหมอดู โดยให้แข่งกันทำนายลมฟ้าอากาศในวันพรุ่งนี้ โดยถ้าหากหมอดูนั้นทายผิด จะต้องหันหลังให้กับอาชีพหมอดูไปตลอดชีวิต
หมอดูตกลงรับคำท้า และทำนายว่าในวันรุ่งพรุ่งนี้จะมีฝนเทลงมาอย่างหนัก พญามังกรในร่างมนุษย์ได้ยินดังนั้นก็ยิ้มอย่างได้ใจ เพราะตนนั้นมีอำนาจในการสั่งฟ้าฝนได้ หมอดูทำนายว่ายังไงก็แค่ทำตรงกันข้าม เป็นเช่นนี้แล้วชัยชนะจะไปไหนเสียได้
แต่แล้วแผนการกลับไม่เป็นเช่นนั้น เมื่อพญามังกรได้รับคำสั่ง เป็นราชโองการจากเง็กเซียนฮ่องเต้ ผู้เป็นใหญ่แห่งสรวงสวรรค์ว่าให้บันดาลฝนให้ตกลงมาในวันรุ่งขึ้น คำสั่งจากเบื้องบนก็สำคัญ แต่ตนนั้นก็ได้ออกปากท้าพนันไปแล้ว ท้ายที่สุดเจ้ามังกรจึงตัดสินใจขัดราชโองการ และไปบันดาลฝนให้ตกในพื้นที่อื่นแทน โดยเว้นพื้นที่ของตนไว้ไม่ให้มีฝนตก ซึ่งการที่ไปสร้างฝนในพื้นที่อื่นนั้น มันไปทับซ้อนกับฝนที่ถูกสร้างโดยมังกรตนอื่นที่ได้รับโองการมาให้บันดาลฝนเช่นกัน จึงก่อเกิดเป็นฝนที่ตกลงมาหนักกว่าปกติ และกลายเป็นภัยพิบัติน้ำท่วมที่สร้างความเสียหายไปทุกหย่อมหญ้า
แม้ความวุ่นวายในครั้งนี้จะเกิดขึ้นจากตน แต่พญามังกรก็หาได้เกรงกลัวในความผิดไม่ กลับไปทักทวงสัญญาที่เคยทำไว้กับหมอดู โดยหารู้ไม่ว่าหมอดูที่ตนท้าแข่งแต่แรกนั้นไม่ใช่มนุษย์ธรรมดา หากแต่เป็นเทพหรือเซียนจากสวรรค์ที่แปลงกายลงมาเช่นกัน
หมอดูจำแลงเมื่อได้ยินดังนั้น ก็แปลงร่างกลับคืนเป็นเซียนและได้ประกาศความผิดจากการที่พญามังกรขัดราชโองการสวรรค์ จนสร้างความเดือดร้อนไปทั่ว ซึ่งเบื้องบนนั้นได้ตัดสินให้ประหารเจ้ามังกรทิ้งเสีย โดยกำหนดให้มีการประหารในคำ่ของวันนั้นเลย
เมื่อได้ยินดังนั้นเจ้ามังกรก็ขวัญหนีดีฝ่อ ขอโทษขอโพยรวมถึงร้องขอชีวิตจากเซียนผู้นั้น ท่านเซียนได้ฟังดังนั้นจึงบอกว่า เขานั้นไม่ได้เป็นคนมีหน้าที่ประหารเจ้ามังกร หากแต่เป็นขุนนางผู้หนึ่งที่ชื่อ เว่ยเจิง ทำหน้าที่นี้ ให้ไปขอร้องกับเขาผู้นั้นแทน
กล่าวถึงเว่ยเจิงนั้น เขาเป็นขุนนางคนสนิทของพระเจ้าถังไท่จง มีสมญานามว่า กระจกส่องเงาของฮ่องเต้ เนื่องจากเขาเป็นคนที่เถรตรง กล้าพูดกล้าวิจารณ์ฮ่องเต้อย่างตรงไปตรงมา โดยไม่เกรงกลัวบทลงโทษ ด้วยอุปนิสัยนี้ จึงทำให้ได้รับความไว้วางใจจากสวรรค์เบื้องบนให้ควบคุมการประหารพญามังกรในครั้งนี้
1
เว่ยเจิง
การจะขอร้องเว่ยเจิงที่เป็นคนเที่ยงตรงนั้นคงเป็นไปได้ยาก พญามังกรจึงได้ไปเข้าฝันพระเจ้าถังไท่จง ผู้เป็นฮ่องเต้และเจ้านายของเว่ยเจิงให้ช่วยเหลือตนแทน แต่ฮ่องเต้ก็ช่วยอะไรไม่ได้มากขนาดนั้นครับ เพราะอย่างที่กล่าวไปว่าเว่ยเจิงนั้น เป็นคนตงฉินและไม่ได้เกรงกลัวอะไรต่อฮ่องเต้ อีกทั้งยังเป็นคนที่สวรรค์แต่งตั้งให้ทำหน้าที่คุมการประหาร เวลาที่มีชาวสวรรค์ทำผิดกฎอีกด้วย ซึ่งแม้แต่องค์ฮ่องเต้เองก็ไม่อาจฝืนโองการแห่งสวรรค์ไปได้ พญามังกรจึงขอแค่เพียงให้พระเจ้าถังไท่จงช่วยถ่วงเวลาเว่ยเจิง ให้การประหารนั้นหลุดเลยช่วงเวลาหัวค่ำ ซึ่งเป็นฤกษ์ประหาร เท่านั้นก็เรียบร้อยแล้ว ฝ่ายพระเจ้าถังไท่จงนั้นก็สองจิตสองใจ ถ้าไม่ให้ความช่วยเหลือพญามังกรตนเองก็อาจจะมีภัย แต่ถ้าหากช่วยเหลือแล้วทำการสำเร็จ พญามังกรก็จะติดหนี้บุญคุณตน ซึ่งจะส่งผลดีในภายภาคหน้า เช่นนั้นจึงตบปากรับคำเจ้ามังกรไป
เมื่อใกล้เวลาประหาร พระเจ้าถังไท่จงก็ดำเนินการตามแผน โดยการไปเชิญเว่ยเจิงให้มาเล่นหมากรุกเป็นเพื่อนตนหน่อย และจะเล่นแบบต่อเนื่องไม่มีหยุดพัก ซึ่งแผนการทุกอย่างนั้นกำลังไปได้สวย แต่ในช่วงท้ายของแผนการพระเจ้าถังไท่จงนั้นชะล่าใจคิดว่าทำสำเร็จแล้ว จนเผลอทำตัวหมากที่เล่นตัวหนึ่งหล่นไปจากโต๊ะ ฝ่ายเว่ยเจิงเห็นดังนั้นก็ก้มลงไปใต้โต๊ะเพื่อหยิบให้ ชั่วขณะนั้นเองฮ่องเต้ก็เหมือนกับได้ยินเสียงแผ่วๆเบาๆ ดังขึ้นมาจากใต้โต๊ะ ฟังแล้วคล้ายกับความว่าประหาร เมื่อเว่ยเจิงหยิบหมากและเงยหน้ากลับขึ้นมา ฮ่องเต้จึงถามออกไปว่าเมื่อกี้นี้ท่านพูดว่าอะไรหรือ เว่ยเจิงจึงตอบกลับไปว่าตนนั้นได้รับหน้าที่จากสวรรค์ให้ประหารพญามังกร ที่สร้างความเดือดร้อนให้แก่โลก เมื่อกี้ตอนก้มลงไปเห็นว่าถึงฤกษ์ประหารแล้วพอดี ชั่วพริบตานั้นจึงได้ถอดจิตไปที่สวรรค์และสั่งประหารเรียบร้อยแล้ว ฝ่ายฮ่องเต้นั้นเมื่อรู้ว่าแผนการล้มเหลวและตนทำไม่สำเร็จ หลังจากนั้นก็เป็นกังวลใจ เครียดหนัก ไม่สามารถหลับนอนได้ เพราะถูกผีของเจ้ามังกรที่มีความแค้นมาตามรังควานและอาฆาต
พระเจ้าถังไท่นั้นมีขุนศึกคู่พระทัยอยู่สองคนด้วยกัน คนหนึ่งชื่อฉินซู่เป่า ส่วนอีกคนนั้นชื่ออวี้เฉินกง ทั้งสองเห็นผู้เป็นเจ้านายเป็นกังวลและไม่สามารถนอนหลับได้ เพราะหวาดระแวงผีของพญามังกร จึงได้อาสามาช่วยยืนเฝ้าหน้าประตูห้องบรรทมขององค์ฮ่องเต้ เพื่อให้คลายความกังวลลง ซึ่งก็ได้ผล เพราะตั้งแต่นั้นพระเจ้าถังไท่จงก็นอนหลับได้สนิทไม่มีปัญหาอีกเลย แต่จะให้ขุนศึกทั้งยืนเฝ้ายามไปตลอดก็คงจะไม่ได้เช่นกัน ฉะนั้นจึงได้มีการวาดภาพของท่านทั้งสองเอาไว้ที่ประตูห้อง ซึ่งก็ใช้ได้ผลเหมือนกัน ตั้งแต่นั้นมาจึงมีธรรมเนียมการวาดรูปของท่า ฉินซูเป่าและท่านอวี้เฉินกงไว้ที่ประตู เพื่อป้องกันสิ่งชั่วร้าย จนเป็นที่มาของชื่อ เซี่ยวกาง ที่มาจากภาษาจีนว่า เซ่ากัง ที่แปลว่า เฝ้ายาม หรืออีกชื่อคือ หมึ่งซิ้ง ที่แปลว่าเทพประตูนั่นเอง
6 บันทึก
5
8
6
5
8
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย