Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
เรื่องเล่าจากอินทนิลขวาง
•
ติดตาม
23 ม.ค. 2021 เวลา 13:11 • นิยาย เรื่องสั้น
เรื่องเล่าจากอินทนิลขวาง
ตอนที่ 2 ลุยป่าอินทนิลขวาง
ข่าวการเข้าไปในพื้นที่อินทนิลขวางของนายอำเภอก็เก็บเงียบได้ไม่นาน เมื่อจ่าดำคนที่ร่วมเดินทางมากับนายอำเภอในครั้งนั้นย้อนกลับเข้ามาในอินทนิลขวางพร้อมลูกน้องและคนงานอีกนับสิบคน
“คนนี้มันเคยมากับนายอำเภอ ฉันจำมันได้” พี่นุ้ยขับรถมอเตอร์ไซค์เข้ามาบอกข่าวคราวกับพรานมิตร
“แล้วมันเข้าไปกี่วันแล้ววะนุ้ย”พรานมิตรถามพี่นุ้ยขณะนั่งมวนใบจากสูบ
“ถ้านับวันนี้ก็ห้าวันแล้วนะ”พี่นุ้ยบอกกับพรานมิตรถึงพวกที่เข้าไปในอินทนิลขวาง
“ชักแปลกๆ เดี๋ยวกูลองแอบเข้าไปดูหน่อยดีกว่า”พรานมิตรบอกกับพี่นุ้ยถึงความผิดปกติที่คนพวกนั้นหายเข้าไปในพื้นที่อินทนิลขวาง
คืนนั้นพรานมิตรเดินออกจากบ้านในเวลาค่ำจากนั้นก็เดินตัดเนินเขาบริเวณหน้าบ้านมาออกยังบริเวณถนนที่มุ่งสู่บ้านพี่นุ้ยซึ่งย่นระยะทางกว่าการขับรถยนต์กว่า 10 กม.
จากนั้นก็เดินผ่านสวนยางของพี่นุ้ยมาถึงบริเวณที่ลำคลองที่ขวางกั้นพื้นที่อินทนิลขวางไว้
แต่แทนที่พรานมิตรจะเดินตามเส้นทางเดิมที่เคยพาคณะของนายอำเภอเข้าไป พรานมิตรกลับข้ามลำคลองด้านซ้ายมือเดินไปยังพื้นที่ของพม่าและเลียบลำคลองเส้นนั้นเข้าไปยังพื้นที่อินทนิลขวางอย่างเงียบๆ
จนเวลาสว่างพรานมิตรเห็นแคมป์ของจ่าดำคนที่เคยเข้ามาพร้อมกับนายอำเภอกำลังนั่งกินกาแฟกับลูกน้อง
ช่วงสายๆจ่าดำก็สั่งให้คนงานเริ่มทำงานกันต่อ
พรานมิตรแอบดูเห็นจ่าดำสั่งให้คนงานพ่นสีบริเวณต้นไม้ไว้ที่อยู่บริเวณลำคลอง
“มันมาจองที่ดินนี่หว่า” พรานมิตรรำพึงเบาๆเมื่อรู้จุดประสงค์ของคนกลุ่มนี้
“แล้วดันบอกให้เราเงียบ”พี่มิตรนึกถึงคำของนายอำเภอที่บอกกับเขาไว้
1
จากนั้นพรานมิตรก็เดินทางกลับลงมาและแวะพักยังบ้านพี่นุ้ย
“อ้าวพรานมิตร ไปล่าสัตว์มาเหรอ ดวงไม่หมานล่ะสิถึงมาตัวเปล่า”พี่นุ้ยทักทายพรานมิตรพลางเดินมาส่งแก้วกับน้ำร้อนส่งให้
“เข้าไปดูพวกนั้นมาว่ะ” พรานมิตรบอกกับพี่นุ้ยขณะที่ฉีกซองกาแฟแล้วรินน้ำร้อนใส่แก้ว
“แล้วเป็นไงบ้าง พวกนั้นเข้าไปทำอะไรกันตั้งหลายวัน”
พี่นุ้ยถามถึงกลุ่มคนแปลกหน้าที่เข้าไปในป่าอินทนิลขวางซึ่งปกตินอกจากพรานมิตรกับพวกหาไม้หอมแล้วก็ไม่มีใครเข้าไปในป่าอินทนิลขวางกันเลย
“พวกนั้นเข้าไปจองที่”พรานมิตรบอกกับพี่นุ้ยขณะยกกาแฟขึ้นดื่ม
“มันชัดเจนแล้วเหรอ ผมเห็นคนรุ่นเก่าๆก็บอกว่าเป็นที่ของไทย มีหลักเขตแดนแต่ก็ไม่มีใครเคยเห็น แถมยังไม่มีใครเข้าไปทำกินเลย”
พี่นุ้ยคุยกับพรานมิตรถึงเรื่องราวคนเฒ่าคนแก่ที่บอกว่าพื้นที่แถบนั้นเป็นของประเทศไทย
“ชัดสิวะ กูได้ยินนายอำเภอพูดกับจ่าดำเรื่องสนธิสัญญาอะไรนี่แหละ ไม้งั้นพวกนั้นมันจะกล้าเข้าไปจองที่เหรอ”
พรานมิตรเล่าให้ฟังถึงการนำทางนายอำเภอเข้าไปในอินทนิลขวางครั้งก่อน
“แล้วพรานมิตรจะทำยังไง”พี่นุ้ยถามเมื่อเห็นพรานมิตรกำลังครุ่นคิดอะไรบางอย่าง
“กูก็ต้องไปจองไว้บ้างสิวะ แต่ต้องหาพรรคพวกก่อน ขอบใจสำหรับกาแฟนะ ไปก่อนล่ะ”
พรานมิตรบอกกับพี่นุ้ยจากนั้นก็เดินจากไป
หลังจากนั้นพรานมิตรก็พาลูกเมียกลับไปเยี่ยมบ้านเดิมที่แม่สอดเกือบสองเดือนโดยไม่รู้ว่าในเวลาสองเดือนนี้มีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้นบ้าง
เมื่อพรานมิตรกลับมายังบ้านในจังหวัดระนองแล้ว
วันถัดมาพรานมิตรก็ขับรถยนต์ออกมายังบ้านปากจั่นเพื่อพบใครคนหนึ่ง
“สบายดีมั้ยวะเนาว์ ช่วงนี้ทำอะไรอยู่”พรานมิตรซึ่งวันนี้แต่งตัวดูดีเป็นพิเศษทักทายพี่เยาว์ซึ่งรู้จักกันมานาน
“อ้าวพรานมิตร ไม่เจอกันนาน วันนี้ไงมาถึงนี้ได้ ออกมาขายตัวนิ่มเหรอ” พี่เนาว์กล่าวทักทายอย่างแปลกใจเพราะไม่ได้พบกับพรานมิตรกันมานานแล้ว
“ป่าวหรอก ออกมาหาเนาว์นี่แหละมีเรื่องจะคุยกันนิดหน่อย”พรานมิตรบอกกับพี่เนาว์อย่างเคร่งเครียด
“แสดงว่าเรื่องสำคัญ”พี่เนาว์ส่งกาแฟซองกับน้ำร้อนให้พรานมิตรก่อนจะพามานั่งที่โต๊ะปูนบริเวณหน้าบ้าน
“มีคนเข้าไปจองที่ดินในอินทนิลขวางแล้วว่ะ” พรานมิตรบอกกับพี่เนาว์เบาๆ
“อ๋อพวกจ่าดำน่ะเหรอ” พี่เนาว์บอกพรานมิตรเหมือนไม่แปลกใจ
“รู้ข่าวแล้วเหรอ” พรานมิตรเป็นฝ่ายแปลกใจมากกว่า
“พี่เขยผมน่ะไปถางป่าลงกล้ายางอีกฝั่งนึงของอินทนิลขวางตรงคลองในน่ะพวกจ่าดำเป็น ตชด.อยู่แถวนั้นก็เข้ามาดู เห็นว่าพานายอำเภอเข้าไปด้วยนิ” ดูเหมือนว่าพี่เยาว์จะรู้ข้อมูลล่วงหน้าแล้ว
“แล้วเราเข้าไปจองที่ดินบ้างได้มั้ยวะ” พรานมิตรเป็นฝ่ายที่ต้องถามข้อมูลของพี่เนาว์แทน
“ทางนี้เขาเตรียมตัวกันมานานแล้ว กะว่าจะเข้าไปวันพรุ่งนี้ พรานมิตรสนใจมั้ยล่ะ” กลายเป็นว่าพี่เนาว์เป็นคนชวนพรานมิตรเข้าไปจองที่ดินเสียเอง
รุ่งเช้าอีกวันพี่เนาว์ขับรถยนต์เข้ามาหาพรานมิตรพร้อมกับชาวบ้านอีกหลายคน
“ซื้อสีสเปรย์มาเพียบเลย”พี่เนาว์บอกกับพรานมิตรพร้อมโชว์ถุงพลาสติกที่ใส่สีกระป๋องมาหลายอัน
“งั้นไปกันเลย”พรานมิตรคว้าปืนลูกซองไบคาลคู่ใจพร้อมสายกระสุนขึ้นรถกระบะทันที
เมื่อทั้งหมดถึงถึงจุดที่จอดรถยนต์เพราะสุดถนนก็ต้องแปลกใจ
“ทำไมรถมันเยอะจังวะ”รถยนต์กระบะจากต่างจังหวัดเกือบยี่สิบคันจอดเรียงรายกันเต็มไปหมด
“ชักจะไม่ค่อยดี”พรานมิตรสังหรณ์ใจว่าอาจจะไม่ใช่เรื่องที่ดี
“รีบไปดูดีกว่า”พี่เนาว์บอกกับพรานมิตรเพราะคิดว่าอาจจะเกิดเรื่องร้ายกับพี่นุ้ยซึ่งอยู่ในบ้านเพียงลำพัง
จากนั้นทั้งหมดก็กึ่งวิ่งกึ่งเดินไปยังบ้านของพี่นุ้ย
แต่ปรากฏว่าบ้านพี่นุ้ยไม่มีใครอยู่
“นุ้ยโว้ย อยู่ไหนวะ”พรานมิตรรีบตะโกนหาพี่นุ้ยบริเวณบ้านทันที
“อยู่นี่โว้ย” เสียงพี่นุ้ยตะโกนตอบจากบนเนินเขาจากนั้นก็ถือถังพลาสติกสีดำที่ใส่ปุ๋ยเม็ดเดินลงมาหาพรานมิตร
“หิวกาแฟเหรอ”พี่นุ้ยทักพรานมิตรซึ่งเป็นปกติที่พรานมิตรจะแวะมาดื่มกาแฟทุกครั้งที่ผ่านมาทางนี้
“วันนี้ไม่กินแล้วว่ะ ว่าแต่รถของใครเยอะแยะวะที่จอดข้างนอกนั่น”พรานมิตรถามพี่นุ้ยทันทีที่เห็นว่าปลอดภัยดี
“พวกเข้ามาจองที่ในอินทนิลขวางน่ะ เข้ามากันทุกวันจนข้างในนั้นจะเป็นตลาดแล้วมั้ง”พี่นุ้ยบอกกับพรานมิตรถึงเรื่องของคนที่ทะลักเข้าไปในอินทนิลขวาง
“ไม่เอากันหมดแล้วเหรอวะ”พรานมิตรรู้สึกหวั่นๆเพราะสองเดือนนี้เขาไม่ได้อยู่บ้านเลยไม่รู้ว่ามีคนทะลักเข้ามาจับจองที่ดินมากมายพียงนี้
“มาแล้วก็เข้าไปดูก่อน เหลือแค่ไหนก็เอาแค่นั้น” พี่เนาว์บอกกับพรานมิตร
“แล้วพวกจ่าดำยังเข้ามาอีกป่าวะ”พรานมิตรถามถึงกลุ่มคนพวกนั้น
“ตั้งแต่ออกไปครั้งก่อนก็ยังไม่เห็นเข้ามาอีกเลยนะ”
พี่นุ้ยบอกกับพรานมิตร
“สงสัยถอดใจแล้วมั้ง”พรานมิตรหันไปพูดกับทุกคน
จากนั้นกลุ่มของพรานมิตรก็เดินทางเข้าสู่พื้นที่ของอินทนิลขวางซึ่งตอนนี้เส้นทางเตียนโล่งเดินกันแบบสบาย
“แหม่พอคนเยอะหน่อยทำตัวแข็งไม่ไหวสิมึง”พรานมิตรหันไปเห็นช้างของตาไข่ที่นำไปล่ามไว้ฝั่งพม่าแล้ว คงเพราะมีคนเข้ามาในพื้นที่นี้มากเกินไปเจ้าของจึงย้ายช้างไปล่ามอีกฝั่งคลอง
เมื่อทั้งหมดเดินทางเข้าไปไม่นานก็แทบไม่เชื่อสายตาตัวเอง สภาพป่าที่ไม่มีใครอาศัยอยู่ตอนนี้ได้กลายสภาพเหมือนค่ายพักแรมขนาดใหญ่ ผู้คนทั้งหลายพากันจับจองพื้นที่แผ้วถางป่ากันอย่างมากมายเหมือนเป็นมหกรรมอะไรสักอย่าง
“กูว่าต้องยาวไปถึงต้นอินทนิลแน่ๆ”พรานมิตรบอกกับพี่เนาว์เมื่อเห็นผู้คนระหว่างทางที่มากมายจนเกินบรรยาย
หลังจากที่พรานมิตรและพี่เนาว์เดินผ่านผู้คนระหว่างทางจนในที่สุดก็มาถึงบริเวณต้นอินทนิลซึ่งเคยพานายอำเภอมาสำรวจครั้งก่อน
“ตรงนี้ยังไม่มีคนจองว่ะ รีบกันแนวเขตไว้ก่อน”พรานมิตรบอกให้ทุกคนรีบพ่นสีจับจองที่ดินก่อนที่จะมีผู้คนเข้ามาจับจองอีก
“ตรงนี้มีคนจองแล้ว เขาพ่นสีชื่อจ่าดำ” พี่เนาว์บอกกับพรานมิตรเมื่อเห็นต้นไม้มีสีพ่นอยู่ก่อนแล้ว
“เขาคงไม่กลับมาแล้วแหละ”พรานมิตรบอกกับพี่เนาว์ไม่ให้ใส่ใจกับชื่อของคนที่จองไว้ก่อน
หลังจากพ่นสีจับจองที่ดินเสร็จทั้งหมดก็เดินกลับลงมา
“ของฉันด้านบนนะ ถ้าใครจะจับจองต่อก็ข้ามของฉันไปได้เลย” พรานมิตรบอกกับทุกๆคนที่เดินผ่าน
หลังจากที่พรานมิตรกลับลงมาจากอินทนิลขวางได้ไม่กี่วัน จ่าดำและลุกน้องก็กลับเข้ามาในอินทนิลขวางอีกครั้ง
“ฉิบหาย ทำไมคนมันเยอะจังวะ สงสัยข่าวรั่ว” จ่าดำพูดกับลูกน้องเมื่อเห็นว่าที่ดินของตนเองที่จับจองไว้มีคนอื่นเข้าไปยึดครองแล้ว
“เอาน่าพื้นที่ตั้งกว้าง มันคงเอากันไม่หมดหรอก ใจเย็นๆ” จ่าวรซึ่งเป็นเพื่อนตำรวจตระเวนชายแดนรุ่นเดียวกันปลอบเพื่อน
เมื่อทีมของจ่าดำเดินเข้าไปถึงต้นอินทนิลก็พบว่าชื่อของตนเองที่พ่นสีจับจองไว้ถูกชื่อคนอื่นพ่นทับไว้ซึ่งชื่อใหม่ก็คือ พรานมิตร..!!!
“ไอ้มิตรมึงอยากจะลองดีกับกูเหรอวะ”จ่าดำพูดขึ้นมาอย่างอารมณ์เสียเมื่อที่ดินของตนเองที่จองไว้มีคนแอบเข้ามาถือสิทธิ์ซ้อน เพราะเลยจากต้นอินทนิลขึ้นไปก็มีชาวบ้านคนอื่นเข้าไปจับจองหมดแล้ว
หลังจากนั้นจ่าดำก็พาลูกน้องคนอื่นๆกลับออกมาจากอินทนิลขวาง โดยที่ไม่ลืมแวะหาพรานมิตรเพื่อสะสางบัญชี..
เย็นวันนั้นรถกระบะของจ่าดำก็ได้จอดลงหน้าบ้านพรานมิตร
เมื่อเห็นชายชุดดำถืออาวุธสงครามเข้ามาที่บ้านพรานมิตรก็รู้ดีว่าจะเกิดเรื่องอะไร พรานมิตรชำเลืองมองไปที่เสาบ้านที่มีปืนลูกซองเดี่ยวแขวนอยู่”อย่าแม้แต่จะคิดนะมึง พรุนเป็นรังผึ้งแน่”เสียงจ่าดำตวาดลั่นขณะที่เดินเข้ามาหาพรานมิตรโดยมีลูกน้องถือปืนM16 เล็งมายังพรานมิตร
“ครั้งนี้กูเตือน ถ้าครั้งหน้ากูเห็นมึงบนโน้นอีก รับประกันได้ว่ากูคือคนสุดท้ายที่มึงจะได้เห็น” จ่าดำขู่พรานมิตรโดยที่พรานมิตรไม่ได้ตอบดต้อะไรเพราะรู้ดีว่าเสียเปรียบทั้งกำลังคนและอาวุธ
หลังจากนั้นพรานมิตรก็ไม่กล้าเข้าไปในป่าอินทนิลขวางอีก
ปี พ.ศ.2549
ผมทำงานอยู่ในกรุงเทพฯ
“เดือนนี้เราลาออกแล้วนะ”ผมบอกกับกุ้งซึ่งเป็นแฟนหลังจากยื่นใบลาออกจากบริษัทที่ทำงาน
“งานบ้าอะไรวะ ตีสองแม่งยังนั่งประชุม มึงไม่กลับบ้านกลับช่องบ้างหรือไง” ผมบ่นหัวหน้างานที่ตีสองแล้วยังให้ลูกน้องนั่งประชุมงานจนเป็นฟางเส้นสุดท้ายที่ตัดสินใจลาออก
“เดี๋ยวค่อยหางานใหม่ก็ได้ อยู่เล่นกับจอนนี่ก่อน”แฟนผมปลอบใจหลังจากที่ผมเริ่มเบื่อๆ ผมจึงลาออกจากงานมาเลี้ยงแมวที่เพิ่งเก็บมาเลี้ยงที่ผมตั้งชื่อว่า”จอนนี่”
ช่วงเช้าวันหนึ่งหลังจากที่ผมลาออกจากงาน
“พี่ชายเธอโทรมาน่ะ” แฟนผมส่งโทรศัพท์ให้เมื่อเห็นว่ามีสายโทรเข้ามา
“ว่างป่าววะ มาบอกทางให้หน่อย รออยู่แถวหลักสี่นี่จะไปมีนบุรี” พี่ชายผมโทรมาให้ผมไปช่วยบอกทางเนื่องจากพี่ชายไม่ชำนาญเส้นทางในกรุงเทพฯ ซึ่งพี่ชายมักจะขับรถบรรทุกหกล้อเข้ามาซื้ออะไหล่รถของบริษัทบ่อยๆ
“ได้ๆรอแป๊บนึงเดี๋ยวไปหา” ผมวางสายแล้วรีบเรียกแท๊กซี่ไปยังหลักสี่ที่พี่ชายจอดรถรอภายในปั๊มน้ำมัน
เมื่อไปถึงผมก็เปิดประตูรถหกล้อเข้าไปหาพี่ชาย
“ติดเวลาว่ะ รถบรรทุกยังวิ่งไม่ได้”พี่ชายผมบอกกับผมเมื่อเปิดประตูขึ้นมานั่ง
“นี่เพื่อนกู ชื่อเนาว์ “พี่ชายผมแนะนำให้รู้จักกับเพื่อนที่มาด้วยซึ่งผมก็ยกมือไหว้
ผมและพี่ชายและเพื่อนของพี่นั่งคุยรอเวลาไปเรื่อยๆ
“มีที่ดินเหมือนเป็นเกาะมีลำคลองขนาบสองเส้นเกือบพันไร่ ตอนนี้ผู้คนเข้าไปจับจองกันเต็มเลย สนใจมั้ย”พี่เนาว์พูดขึ้นมาทำให้ผมสนใจทันที
“น่าสนใจมากพี่” ผมตั้งหน้าตั้งตาหันไปฟังพี่เนาว์ทันที
“แต่ที่ดินมีปัญหา พวกตชด.ลูกน้องนักการเมือง ถือปืน M16 มาแย่งที่ดินของเราไป ถ้าเรามีอาวุธไปต่อรองกับมันบ้างก็คงดี”พี่เนาว์พูดเหมือนสิ้นหวัง
“ผมมีพี่ จะเอาเท่าไหร่ล่ะ” พี่เนาว์หันมามองหน้าผมเหมือนไม่เชื่อคำพูดผมแล้วหันไปมองหน้าพี่ชายผมซึ่งพี่ชายผมพยักหน้าเพื่อยืนยันว่าเป็นเรื่องจริง
“งั้นเราก็เข้าไปลุยในอินทนิลขวางกันเลย”
บันทึก
5
3
5
3
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย