24 ม.ค. 2021 เวลา 03:00 • การศึกษา
"ครูกับศิษย์ สนิทแค่ไหนดี"
'เช้าอันสดใสแบบนี้ อากาศที่ไร้ฝุ่นควัน บรรยากาศดีๆแบบนี้ การสอนของเราวันนี้ต้องยอดเยี่ยมแน่นอน' คุณครูแชมป์เดินเข้าไปในโรงเรียนพร้อมแก้วกาแฟคู่ใจของเขา
"ครูแช๊มมมมมมมมมม" เสียงที่ลากยาวมาแต่ไกล เมื่อคุณครูหันไปก็พบกับเด็กชายคนหนึ่งวิ่งโร่เข้ามาด้วยความเร็ว "เห้ยๆๆๆ" ความตกใจเข้ามาแทรกอย่างรวดเร็ว
ปัง!! โดนไปเต็มๆชายโครง "อะไรของคุณเนี่ย" คุณครูสวนกลับไปอย่างงงๆ พร้อมรอยฟกช้ำ "ไม่มีอะไรคับ ทักทายเฉยๆ" นักเรียนตาใสตอบกลับมาเหมือนเป็นเรื่องธรรมดา
'เกิดอะไรขึ้นเนี่ย แบบนี้คือทักทายรึไงเล่า' 'ไอ้เด็กนี่วอนซะแล้ว เล่นเราเจ็บตัวแต่เช้า' จากอารมณ์ดีๆของเราเปลี่ยนไปทันที หลังจากนั้นก็สวดนักเรียนไปหนึ่งจบเรื่องมารยาทและการวางตัว ผลคือวิ่งเข้ามาอย่างร่า เดินกลับไปอย่างร่วงเลยทีเดียว
1
แต่เหตุการณ์ประมาณนี้ไม่ได้เกิดขึ้นครั้งแรก ทำให้เรากลับมานั่งคิดว่ามันเป็นเรื่องที่ดีหรือไม่ดีกันแน่ ในทีแรกยอมรับว่าโกรธ เพราะทำเราเจ็บตัว แต่คิดไปคิดมา จริงๆแล้วเราก็รู้สึกดีที่นักเรียนไม่เคอะเขินกับเรา ทักทายเหมือนเราเป็นเพื่อนกัน หรือเราหน้าเด็กรุ่นเดียวกันกับนักเรียน 5555+
หลายต่อหลายครั้งความสนิทของครูกับนักเรียนของเรามีประโยชน์มาก เพราะการที่เราสนิทกับนักเรียนมาก เค้าพร้อมจะเล่าเรื่องราวต่างๆของเค้าให้เราฟัง ทุกปัญหาที่เกิดขึ้นเราจะรู้ตัวอยู่เสมอ ทำให้เราพัฒนาการสอนได้ดีขึ้น หรือเนื้อหาไหนที่เราสอนเร็วเกินไป เด็กๆจะคอยบอกเราให้เราช้าลงอีกนิด
1
แต่บางทีพอสนิทกันมากเกินไป เลยเกิดเหตุการณ์ปีนเกลียวบ่อยครั้ง จริงๆแล้วเราไม่ได้ให้ค่ากับอะไรพวกนี้เท่าไร แต่ภาพจากภายนอกมองมาจะทำให้นักเรียนของเราดูก้าวร้าวและปีนเกลียวคุณครู อีกอย่างคือเราเจ็บตัวอยู่บ่อยๆ ฮ่าฮ่า
เพราะฉะนั้นทางออกของเราคือเราต้องสร้างระยะห่างที่เหมาะสมระหว่างเรากับนักเรียนขึ้นมา ไม่ใช่แค่เรื่องคำพูดคำจา การทักทาย หรือกิริยามารยาท บางครั้งมีข้อความเข้ามาในเวลาส่วนตัวของเรา หรือคอลล์มาตอนดึกๆดื่นๆ แค่มาถามว่าพรู่งนี้ใส่ชุดอะไร 'จะบ้ารึไง ห้าหกทุ่มมาถามว่าใส่ชุดอะไร ปั๊ดโธ่!!!'
1
มาตรการการควบคุมระยะห่างระหว่างกัน
1. ลดการสัมผัสตัวเท่าที่เป็นไปได้
เมื่อมีการพูดคุย บางทีถึงพริกถึงขิงก็มีแตะไหล่โดนแขนกันบ้าง ส่วนนี้ต้องลดลง จะทำให้นักเรียนรู้ว่าเรามาพูดคุยกัน ความสนุกอยู่แค่ปากพอ ไม่ต้องมีการสัมผัสกันนะจ๊ะ รู้จักไหม โซเชี่ยล ดิสแท๊นส์ ยูโน้วว
1
2. คำพูดคำจาของเราจะใช้คำสุภาพมากเท่าที่ทำได้
ก็เข้าใจแหละ เรื่องบางเรื่องคุยกัน ภาษาวัยรุ่นมันโดนใจวัยลุงอย่างเรา แต่ๆๆ ถ้าเราพูดด้วยคำพูดที่สุภาพเสมอจะทำให้นักเรียนพูดสุภาพตาม เอ้าไม่เชื่ออะดิ ไปลองดูครับ "สวัสดีครับคุณมะขาม ผมว่าวันนี้คุณแต่งตัวเฟี๊ยวไปนิดนะครับ เอาเสื้อใส่ในกางเกงดีมั้ยครับท่าน" ได้อรรถรสไปอีกแบบครับผม
3. ถึงเวลาเมื่อไร เราจะตอบช้าทันที
อีกหนึ่งเรื่องเลยที่นักเรียนไม่ค่อยคิดคือไลน์หาครูเมื่อไรก็ได้ แล้วครูต้องตอบด้วย "เวลานี้ผมรู้ ครูยังไม่นอนหรอก" มันก็จริงอะนะ แต่ว่าบางทีเราก็มีเวลาส่วนตัวของเราบ้าง เราก็อยากพักบ้างอะไรบ้าง เพราะฉนั้นเราจะต้องทำเหมือนเป็นคนละคน ในช่วงเวลาปกติก่อนเลิกงาน ทักปุ๊ป ตอบปั๊ป เดินมาหา พร้อมคุยพร้อมปรึกษา พอระฆังดัง หมดเวลางาน เราก็จะเปลี่ยนไป 55
"ครูแชมป์ครับ การบ้านข้อ 4 ทำยังไงครับ" - น้องมะขาม
......... 1ชั่วโมงผ่านไป "ลองย้ายข้างตัวแปร......" - ครูแชมป์
"เอ่อ ครู ผมได้คำตอบแล้วล่ะ" - น้องมะขาม
"เก่งมากครับผม" - ครูแชมป์
แล้วก็หายตัวไป
1
หลักใหญ่ใจความคือเราแสดงออกถึงบทบาทชัดเจนว่าเราเป็นครูและเรามีหน้าทีอะไร ทำให้เค้าดูเป็นตัวอย่าง การเพิ่มระยะห่างบ้างอาจจะทำให้เราคิดถึงกัน ผิดๆๆ การเพิ่มระยะห่างบ้างอาจจะทำให้ความสัมพันธ์เราชัดเจนมากขึ้น มารยาทและกาลเทศะในสมัยนี้ทำไมจะสอนไม่ได้ นักเรียนเค้าโตพอแล้วที่จะรู้เรื่องราวพวกนี้ แต่สมัยนี้เด็กมักจะแสดงความเคารพต่อเมื่อเค้ารู้สึกเคารพจริงเท่านั้นเอง
1
โฆษณา