24 ม.ค. 2021 เวลา 06:30 • นิยาย เรื่องสั้น
บันทึกวันที่ 9 : ความฝัน
อ่า แย่จังเมื่อวานไม่ได้เขียนบันทึกเลยแฮะ แต่เอาเถอะบันทึกแบบนี้ไม่เขียนซักวันก็ไม่มีใครมาว่าหรอก เพราะดูเหมือนคุณ Lisa เองก็ยุ่งจนไม่ได้มาอ่านแล้ว
ไหนๆวันนี้ก็วันหยุด และคงไม่ได้ออกไปไหน อยากนอนนิ่งๆมองเพดานบ้างเหมือนกัน เขียนเรื่องฝันเมื่อคืนไว้ละกัน
เมื่อคืนผมฝันถึงน้องของผม Lumine เรามาที่โลกนี้ด้วยกัน ตอนแรกเราคุยกันไว้ว่าพอเราเที่ยวที่นี่ซักระยะหนึ่งแล้ว เราก็อาจดูอีกทีว่าจะอยู่ต่อหรือไม่ แต่ว่า พอวันนั้นมาถึง เหมือนผมจะอยากอยู่ต่อ และความเห็นเราไม่ตรงกัน ตอนแรกผมตัดสินใจยอมไปต่อตามใจน้อง แต่เรื่องราวทั้งหมดก็เกิดขึ้น
วันนั้นเราออกเดินทางหลังจากที่ผมขอวนรอบๆ Liyue ซักหน่อย เราได้เดินทางเฉี่ยวขึ้นไปบนวิหารลอยฟ้า และที่นั่นเราพบกับเทพไร้นามองค์หนึ่งมาขัดขวางเราไว้ เอาเป็นว่าน้องของผมได้หายไปจากชีวิตผมนับตั้งแต่ตอนนั้น ส่วนผมก็กลายเป็นว่าต้องตามหา หรือรอคอยที่จะได้พบกับน้องของผมในซักวันหนึ่ง
เหมือนตลกร้าย ผมได้อยู่ในที่ๆอยากอยู่ โดยปราศจากน้องของผมที่ผมรัก นั่นคือราคาที่ผมต้องจ่ายในการอยู่โลกนี้
มาถึงความฝัน
วันนั้นมันเป็นวันที่อากาศสบายๆ แดดร่ม ลมพัดเอื่อยๆทำให้รู้สึกดีมาก ผมและน้องนั่งอยู่ในห้องโถงกว้างกลางบ้านหลังหนึ่ง ผมไม่รู้จักบ้านหลังนี้ แต่กลับคุ้นเคยอย่างน่าประหลาด ซึ่งเราไม่ได้อยู่ลำพัง แต่มีเพื่อนๆของเราอยู่ที่โถงนั่นหลายคน เหมือนเรากำลังมีงานพบปะสังสรรค์เล็กๆที่เพื่อนๆนัดมาเจอ กินข้าว หากิจกรรมร่วมกัน เวลานั้นผมนั่งหน้า Laptop ของผมและกำลังรัวนิ้วอย่างเมามันเพื่อเล่นเกม โดยมีน้องของผมและเพื่อนๆเล่นอยู่ด้วยกัน บางส่วนที่ไม่ได้เล่นก็ตั้งอกตั้งใจเชียร์ บางส่วนก็เหมือนเชียร์แต่ตั้งใจกับการกินมากกว่า ขนมขบเคี้ยววางอยู่ในจุดที่มือเอื้อมถึง พอเคล้ากับความสนุกของเกม มันช่างเพลิดเพลินจริงๆ ช่วงเวลานั้นเหมือนยาวนานเหลือเกิน ชั่วพริบตาแต่เหมือนนิรันดร์ ผมรู้สึกเหมือนเราเล่นกันไปเกมแล้วเกมเล่า มีเพื่อนมาสลับบ้าง เราสองคนเป็นคนดูบ้าง อย่านั้นเรื่อยๆ
ราวกับตอนจบของนิยายห่วยๆซักเรื่อง เรื่องที่ไม่มีใครได้อ่าน และไม่มีวันได้อ่าน แต่กลับเป็นตอนจบที่ผมเฝ้าฝันถึงนับล้านๆครั้ง และก็อิ่มเอมกับความฝันนั้นอยู่เสมอ
ผมถูกปลุกด้วยรอยเปียกบนหมอน ผมร้องไห้มั้ง หรือไม่ก็น้ำลายยืด หมอนจะเปียกด้วยอะไรก็ตาม แต่มันก็ได้ปลุกผมให้ออกจากความฝัน
ฝันที่ผมไม่รู้ว่าจะมีวันเป็นจริงมั้ย
หน้าตาความสิ้นหวังที่เลวร้ายที่สุด ก็คือความหวังนี่ล่ะนะ
โฆษณา