24 ม.ค. 2021 เวลา 11:21 • กีฬา
ลิเวอร์พูลกับการทำประตูจากลูกเตะมุมที่หายไป
ลิเวอร์พูลเป็นจ้าวแห่งลูกเตะมุมของพรีเมียร์ลีกในฤดูกาลที่พวกเขาคว้าแชมป์
พวกเขาทำไปทั้งหมด 11 ประตู ซึ่งมากกว่าทีมชั้นนำอื่น ๆ ในลีก โดยทำประตูรวมจากลูกตั้งเตะ 17 ประตู อย่างไรก็ตามทุกอย่างย่อมมีการเปลี่ยนแปลง อาวุธที่ทรงพลังในเกมบุกของเจอร์เก้น คล็อปป์ได้ลดความเฉียบคมลงไปเยอะทีเดียว
เชลซีขึ้นเป็นผู้นำในด้านการทำประตูจากลูกเตะมุมในตอนนี้ซึ่งทำไว้ 8 ประตู ตาม มาด้วยวูล์ฟแฮมป์ตัน วันเดอเรอร์ส 7 ประตู ลิเวอร์พูลซึ่งได้ลูกเตะมุมมากกว่าเอฟเวอร์ตันคู่แข่งร่วมเมือง (121 ครั้ง) แต่ทำได้ 6 ประตูเท่ากัน
ในแง่ของการทำประตูจากลูกตั้งเตะทั้งหมดในปี 2020-21 เซาแธมป์ตัน, เชลซี, เวสต์แฮม ยูไนเต็ด, เอฟเวอร์ตัน และวูล์ฟส์อยู่ในอันดับต้น ๆ ทำไว้ 9 ประตู แอสตัน วิลล่า 8 ประตู ลิเวอร์พูลและแมนเชสเตอร์ซิตี้ 7 ประตู
ความใส่ใจในรายละเอียดของลิเวอร์พูลไม่ได้ลดลง ปีเตอร์ คราเวียท และเป็ป ลินด์เดอร์ ผู้ช่วยโค้ชของทีมยังคงใช้เวลาหลายชั่วโมงในแต่ละสัปดาห์ในการวิเคราะห์จุดอ่อนของคู่แข่งว่าจุดไหนที่สามารถโจมตีได้ และซักซ้อมเป็นประจำในสนามฝึกซ้อม อย่างไรก็ตาม การใช้แผนการในเรื่องดังกล่าวนั้นไม่ง่ายเหมือนก่อน โอกาสในการหวังผลจากลูกตั้งเตะลดลงจาก 2.56 ต่อเกมในฤดูกาลที่แล้ว (อันดับสามในลีก) เหลือเพียง 2.11 ในฤดูกาลนี้ (อันดับ 7) ฤดูกาลที่ผ่านมา โดยเฉลี่ยทุก ๆ 1 ประตูจากลูกเตะมุมของลิเวอร์พูลมาจากโอกาสในการเตะมุม 14 ครั้ง ในปี 2020-21 นั้นเพิ่มขึ้นเป็น 20 ครั้ง
ทั้งหมดทั้งมวลแล้วลิเวอร์พูลที่ปราศจากเวอร์จิล ฟานไดจ์ค ปราการหลังชาวดัตช์ที่ต้องพักยาวจากอาการบาดเจ็บเอ็นไขว้หน้าหัวเข่า (ACL) นั้นส่งผลกระทบอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นการสร้างสรรค์เกมรุกจากแนวหลัง รวมไปถึงการโจมตีกลางอากาศของทีม
มันเป็นปัญหาที่เกิดขึ้นในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา โจเอล มาติป ที่ไม่สามารถลงสนามได้จากปัญหาอาการบาดเจ็บที่โคนขาหนีบ ซึ่งฟานไดจ์ค และมาติปเป็นสองเซ็นเตอร์แบ็คชั้นนำในพรีเมียร์ลีกที่เอาชนะคู่แข่งได้มากที่สุดในการดวลดันกลางอากาศเมื่อฤดูกาลที่แล้ว ในปี 2020-21 มาติปยังคงอยู่ในสามอันดับแรก แม้จะลงเล่นได้เพียง 7 นัดตั้งแต่เริ่มลีก เนื่องจากมีปัญหาด้านความฟิต และต้องจำกัดการลงเล่น
ครั้งสุดท้ายที่ลิเวอร์พูลทำประตูจากลูกเตะมุมได้ คือ ในเกมที่ถล่มคริสตัล พาเลซ 7-0 ที่เซลเฮิร์สต์ พาร์คเมื่อเดือนที่แล้ว จากจังหวะที่เทรนต์ อเล็กซานเดอร์ อาร์โนลด์ เปิดลูกเตะมุมเข้าหัวของมาติป พุ่งไปยังโมฮาเหม็ด ซาลาห์ ที่โหม่งบอลระยะเผาขนเข้าประตูไป
ตั้งแต่นัดนั้นลิเวอร์พูลได้เตะมุมถึง 36 ครั้งจาก 4 นัด กับเวสต์บรอมมิช อัลเบียน, นิวคาสเซิล ยูไนเต็ด, เซาแธมป์ตัน และแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด พวกเขาไม่เพียงแค่ทำประตูไม่ได้ แต่ยังยิงเข้ากรอบแค่เพียงครั้งเดียว ในเกมที่เซนต์ เจมส์ พาร์ค คาร์ล ดาร์โลว์ใช้ไหวพริบอันสุดยอดในการป้องกันลูกโหม่งของโรแบร์โต้ เฟอร์มิโน
ในเกมกับแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด แผนการเล่นลูกตั้งเตะของลิเวอร์พูล คือให้ซาดิโอ มาเน่ และจอร์จินิโอ ไวจ์นัลดุม ยืนอยู่ใกล้กับดาบิด เดเคอา ขณะที่นักเตะที่เล่นลูกกลางอากาศได้ดีของคล็อปอย่าง จอร์แดน เฮนเดอร์สัน, ฟาบินโญ่ และโรแบร์โต เฟอร์มิโน่ หาจังหวะเข้าทำบริเวณเส้นจุดโทษ แต่พวกเขามีจำนวนผู้เล่นน้อยกว่าเนื่องจากนักเตะแมนฯ ยูไนเต็ด ลงมาป้องกันในกรอบเขตโทษทั้งทีม
อเล็กซานเดอร์ อาร์โนลด์เปิดบอลไปที่เสาแรก แต่วิคเตอร์ ลินเดอร์เลิฟกระโดดได้เหนือกว่าซาดิโอ มาเน่และเคลียร์บอลออกไปได้ โดยลูกเตะมุม 3 จาก 7 ครั้งของลิเวอร์พูลในวันนั้นเป็นการเล่นบอลสั้น ซึ่งเป็นแทคติกที่สต๊าฟโค้ชต้องการให้ลูกทีมเปลี่ยนวิถีบอล เพื่อหลอกแนวรับของคู่แข่ง
อย่างไรก็ตาม แมนฯ ยูไนเต็ดรับมือกับลูกตั้งเตะได้สบาย ๆ อีกทั้งลูกเตะมุมในอีกหลาย ๆ ครั้ง ถูกเคลียร์ทิ้งโดยสก็อตต์ แม็คโทมิเนย์ และพอล ป็อคบา ซึ่งไม่มีผู้เล่นของลิเวอร์พูลเข้ามากดดันเลย
แอนดี้ โรเบิร์ตสัน และอเล็กซานเดอร์ อาร์โนลด์รับผิดชอบลูกเตะมุมส่วนใหญ่ของลิเวอร์พูล ลูกเตะมุม 121 ครั้งในลีกฤดูกาลนี้ของทีมถูกจัดการโดยโรเบิร์ตสันซึ่งเปิดบอลด้วยเท้าซ้ายไป 61 ครั้ง และอเล็กซานเดอร์ อาร์โนลด์ 41 ครั้งด้วยเท้าขวา นั่นหมายความว่าลิเวอร์พูลมีความหลากหลายในการเล่นลูกเตะมุมในแต่ละฝั่ง
ช่วงครึ่งหลังในเกมกับแมนฯ ยูไนเต็ด มาเน่และไวจ์นัลดุมทั้งคู่เน้นโจมตีที่เสาแรกจากลูกเตะมุมของอเล็กซานเดอร์ อาร์โนลด์ แต่ก็เข้าไม่ถึงบอล และโดนแม็คโทมิเนย์เคลียร์บอลได้ตลอด
การหาจังหวะเข้าทำประตูที่เหมาะสมเป็นสิ่งที่ลิเวอร์พูบลให้ความสำคัญมาโดยตลอด แต่การเปิดบอลก็ทำได้น่าผิดหวังในบางครั้ง ในเกมกับเซาแธมป์ตัน คล็อปป์มีผู้เล่นถึง 6 คนที่พร้อมจะเข้าทำประตูจากลูกเปิดของโรเบิร์ตสัน ต่างจากเกมที่เจอแมนฯ ยูไนเต็ดตรงที่พวกเขาไม่ได้ให้ใครเข้าไปกดดันในพื้นที่กรอบเขตโทษ ในครึ่งหลังจังหวะที่ลูกเข้าใกล้เฟรเซอร์ ฟรอสเตอร์ นายทวารทีมนักบุญอยู่ในจังหวะที่กดดันเล็กน้อยตอนที่ขึ้นคว้าลูกเปิดของอเล็กซานเดอร์ อาร์โนลด์เพื่อป้องกันประตู
ลิเวอร์พูลได้ลูกเตะมุม 10 ครั้งที่เซนต์ แมรี่ แต่มีเพียงลูกเดียวที่เกือบเป็นประตูจากจังหวะที่ทีมต้องไล่ตามตีเสมอในช่วงทดเวลาเจ็บ โรเบิร์ตสันเปิดบอลเข้ามาได้ดี แต่มาเน่โหม่งบอลข้ามคานออกไป
เหตุการ์ณคล้าย ๆ กันที่เซนต์ เจมส์ พาร์ค ลิเวอร์พูลได้เตะมุมถึง 7 ครั้งในครึ่งแรก กองหลังของนิวคาสเซิลโหม่งบอลเคลียร์ได้ 4 ครั้ง อีก 2 ครั้งเป็นดาร์โลว์ ผู้รักษาประตูของสาลิกาดงที่จัดการได้อย่างสบาย ๆ มีเพียงจังหวะเดียวที่ได้ลุ้นจากฟาบินโญ่
ในครึ่งหลังลิเวอร์พูลมีโอกาสดีที่จะทำประตู จากจังหวะที่มาเน่โฉบเข้าไปโหม่งลูกเตะมุมของอเล็กซานเดอร์ อาร์โนลด์ที่เสาแรกแต่บอลพุ่งเข้าข้างตาข่าย อีกจังหวะคือโรเบิร์ตสันเปิดบอลไปที่เสาไกล ดาร์โลว์คว้าไม่โดนบอล เฟอร์มิโนได้โอกาสโหม่งโล่ง ๆ แต่หลุดกรอบออกไปอย่างเหลือเชื่อ
โรเบิร์ตสันได้จังหวะเปิดบอลเร็ว เฟอร์มิโนมีโอกาสแก้ตัวในช่วงท้ายเกม แต่ลูกโหม่งของเขาตรงตัวของดาร์โลว์ ลิเวอร์พูลทำได้แค่เสมอในเกมนี้ แต่ก็รู้สึกเหมือนพ่ายแพ้
เกมในบ้านกับเวสต์บรอมก็เช่นเดียวกัน ลิเวอร์พูลควรจะเก็บได้ 12 แต้มเต็ม แต่ก็จบลงได้แค่เพียง 3 แต้มเท่านั้น ลูกตั้งเตะไม่ได้ช่วยให้สถานการณ์ของลิเวอร์พูลดีขึ้นในคืนนั้น เมื่อไวจ์นัลดุมหาพื้นที่ว่างในกรอบเขตโทษได้ แต่ก็โหม่งบอลหลุดกรอบออกไปอย่างน่าเสียดาย
ในช่วงทดเวลาเจ็บแฟนบอลเกือบ 2,000 คนในสนามกระตุ้นให้ทีมโยนบอลครั้งสุดท้ายเข้าไปในกรอบเขตโทษ แต่เลือกที่จะจ่ายบอลสั้นไปที่เคอร์ติส โจนส์แทน เสียงนกหวีดดังขึ้น ลิเวอร์พูลเลือกทำแบบเดียวกับในช่วงท้ายเกมที่เซนต์ แมรี่ ซึ่งมันสายเกินไป
การกลับมาของมาติปน่าจะช่วยแก้ปัญหาในจุดนี้ของลิเวอร์พูลได้แน่นอน ไม่เพียงแค่ปัญหาในเกมรับเท่านั้น แต่ยังช่วยเสริมความแข็งแกร่งในแดนกลาง โดยให้ฟาบินโญ่หรือเฮนเดอร์สันมีอิสระในการเล่นตามบทบาทซึ่งจะทำให้ลิเวอร์พูลมีความอันตรายในลูกกลางอากาศมากขึ้น หลังจากที่หล่นหายไปอย่างน่าผิดหวัง
(เรียบเรียงจากบทความ “Why Liverpool have stopped scoring from corners” เขียนโดยเจมส์ เพียช และมาร์ค เครี่ ลงในเว็บไซต์ theathletic.com เมื่อ 19 มกราคม 2021 เรียบเรียงโดย Sarun Nuamjarit)
โฆษณา