24 ม.ค. 2021 เวลา 11:52 • วิทยาศาสตร์ & เทคโนโลยี
Java RMI ตอนที่ 2: การเขียนโปรแกรมฝั่งเซิร์ฟเวอร์
หมายเหตุ: ดาวน์โหลดโค้ดได้ที่ https://github.com/ajsarun/basicJavaRMI
หลังจากเข้าใจว่าจาวาอาร์เอ็มไอ (Java RMI) คืออะไรแล้วจากตอนที่ 1 ในตอนนี้เราจะเริ่มมาพัฒนาโปรแกรมกันครับ โดยเราจะเริ่มจากฝั่งเซิร์ฟเวอร์กันก่อน โดยเราจะต้องคิดว่าอ็อบเจกต์ที่เราจะพัฒนาขึ้นจะให้บริการอะไรบ้าง โดยเราจะต้องเขียนรายการแอ็บแสตรกท์เมท็อด (abstract method) ที่จะให้บริการข้ามเครื่องในรูปแบบอินเทอร์เฟซ (interface) และไม่ใช่อินเทอร์เฟซธรรมดาจะต้องเป็นอินเทอร์เฟซระยะไกล (remote interface) ด้วย
การประกาศอินเทอร์เฟซระยะไกลทำได้ง่ายมากด้วยการใช้รูปแบบการประกาศอินเทอร์เฟซของจาวาตามปกติ แต่ให้อินเทอร์เฟซนั้นเอ็กซ์เทนด์ (extend) อินเทอร์เฟซที่จาวาเตรียมไว้ให้แล้วที่ชื่อว่า Remote สรุปก็คือรูปแบบการประกาศอินเทอร์เฟซระยะไกลมีรูปแบบดังนี้
interface extends Remote {...}
ไม่เอาดีกว่าอธิบายแบบนี้อาจไม่เข้าใจ มาดูตัวอย่างกันดีกว่า สมมติเราจะสร้างอ็อบเจกต์ที่จะให้บริการขึ้นมาสักตัวหนึ่ง เราจะสร้างอะไรกันดีครับ เอา Hello Wolrd ดีไหม... ไม่ดีนะครับน่าเบื่อ
เอาอย่างนี้แล้วกันสร้างอ็อบเจกต์ที่ให้บริการบวกลบเลขดีไหมครับ น่าเบื่อน้อยลงหน่อย เอาตามนี้นะครับ มาสร้างกันเลย จากอ็อบเจกต์ที่เราต้องการสามารถสร้างอินเทอร์เฟซระยะไกลได้ดังนี้ครับ
1: import java.rmi.Remote;
2: import java.rmi.RemoteException;
3: interface MyMath extends Remote {
4: public int add(int num1, int num2) throws RemoteException;
5: public int subtract(int num1, int num2) throws RemoteException;
6: }
จากโค้ดตัวอย่างก็คือเราสร้างอินเทอร์เฟซระยะไกลชื่อ MyMath เราทำให้มันเป็นอินเทอร์เฟซระยะไกลด้วยการให้มันสืบทอดคุณสมบัติ (extend) มาจากอินเทอร์เฟซชื่อ Remote MyMath มีแอ็บสแตรกท์เมท็อดสองตัวคือ add() และ subtract() ให้สังเกตว่าแต่ละเมท็อดที่เราจะให้ถูกเรียกใช้จากระยะไกลได้จะต้องโทรว์ (throw) เอ็กซ์เซปชัน (Exception) ที่ชื่อว่า RemoteException ด้วย
ตอนนี้เราจะเริ่มสร้างคลาสกันครับ ซึ่งคลาสที่เราจะสร้างบนฝั่งเซิร์ฟเวอร์นี้เรามักจะสร้างแบ่งเป็นสองคลาสครับ คือคลาสที่เรียกว่าคลาสผู้รับใช้ (servant class) และคลาสผู้บริการ (server class) คลาสผู้รับใช้เป็นคลาสที่เราอิมพลีเมนต์อินเทอร์เฟซ หรือพูดง่าย ๆ ก็คือมันเป็นคลาสที่สร้างอ็อบเจกต์ที่จะถูกเรียกใช้จากไคลเอนต์ นี่คือเหตุผลที่เราเรียกมันว่าคลาสผู้รับใช้
นอกจากนี้สตับและสเกเลตันจะถูกสร้างจากคลาสนี้เช่นกัน ส่วนคลาสผู้บริการจะเป็นคลาสที่ใช้ในการลงทะเบียนคลาสผู้รับใช้เข้ากับอาร์เอ็มไอรีจีสตรี (RMI Registry) เอาละครับมาเขียนคลาสผู้รับใช้กันดีกว่า
01: import java.rmi.RemoteException;
02: import java.rmi.server.UnicastRemoteObject;
03: public class MyMathImpl extends UnicastRemoteObject implements MyMath {
04: public MyMathImpl() throws RemoteException {
05: super();
06: }
07: public int add(int num1, int num2) throws RemoteException {
08: return num1+num2;
09: }
10: public int subtract(int num1, int num2)throws RemoteException {
11: return num1-num2;
12: }
13: }
ข้อสังเกตสำหรับคลาสนี้มีสามเรื่องครับ เรื่องแรกก็คือชื่อของคลาส (บรรทัดที่ 3) นักเขียนโปรแกรมที่พัฒนาจาวาอาร์เอ็มไอนิยมตั้งกันคือคลาสจะมีชื่อเดียวกับอินเทอร์เฟซตามด้วย Impl จากโปรแกรมที่เรากำลังพัฒนาอินเทอร์เฟซของเรามีชื่อว่า MyMath ดังนั้นเราจึงตั้งชื่อคลาสนี้ว่า MyMathImpl
เรื่องที่สองก็คือคลาสนี้สืบทอดคุณสมบัติมาจากคลาส UnicastRemoteObject ซึ่งเป็นคลาสที่จาวาเตรียมเอาไว้เพื่อสนับสนุนการเรียกอ็อบเจกต์ข้ามเครื่อง
เรื่องที่สามก็คือเราต้องมีคอนสตรักเตอร์ (constructor) บรรทัดที่ 4-6 ที่โทรว์ RemoteException และเรียกคอนสตรักเตอร์ของคลาส UnicastRemoteObject เอาละครับเรียบร้อยครับ เห็นไหมครับว่าง่ายมาก
คราวนี้มาดูคลาสผู้ให้บริการกันครับ
1: import java.net.*;
2: import java.rmi.*;
3: import java.rmi.registry.Registry;
4: import java.rmi.registry.LocateRegistry;
5: public class MyMathServer
6: {
7: public static void main(String[] args)
8: {
9:
10: try
11: {
12: MyMathImpl myMathObj = new MyMathImpl();
13: Registry registry = LocateRegistry.getRegistry();
14: registry.bind("MyMathServer", myMathObj);
15: System.out.println("MyMath Server ready");
16: }
17: catch (Exception re) {
18: System.out.println("Execption in MyMathServer: " + re);
19: }
20: }
21: }
1
สำหรับชื่อคลาสของคลาสผู้ให้บริการ ก็นิยมตั้งชื่อด้วยชื่อของอินเทอร์เฟซตามด้วยคำว่า Server ดังแสดงในบรรทัดที่ 5
จากโปรแกรมจะเห็นว่าเราสร้างอ็อบเจกต์เรฟเฟอร์เรนซ์ (object referennce) ของคลาส MyMathImpl ในบรรทัดที่ 12 จากนั้นบรรทัดที่ 13 ประโยค
Registry registry = LocateRegistry.getRegistry();
เป็นการค้นหาอาร์เอ็มไอรีจิสตรีที่รันอยู่ในระบบ นั่นหมายความว่าก่อนจะรันโปรแกรมเซิร์ฟเวอร์เราต้องรันอาร์เอ็มไอรีจิสตรีก่อนซึ่งจะรันยังไงนั้นจะอยู่ในตอนต่อไปครับหลังจากเขียนฝั่งไคลเอนต์เสร็จแล้วนะครับ บรรทัดที่ 14 ประโยค
registry.bind("MyMathServer", myMathObj);
เป็นการลงทะะเบียนอ็อบเจกต์เรฟเฟอร์เรนซ์ดังกล่าวในชื่อ MyMathServer ซึ่งโปรแกรมฝั่งไคลเอนต์ที่เราจะเขียนในตอนต่อไปจะค้นหาอ็อบเจกต์นี้โดยใช้ชื่อนี้ครับ
ตอนนี้ก็ลองคอมไพล์โปรแกรมดูนะครับ ถ้าไม่มีข้อผิดพลาดใด ๆ ก็พักสักนิด แล้วเตรียมตัวไปต่อกันฝั่งไคลเอนต์ และรันโปรแกรมกันครับ
หมายเหตุ:
1. บทความนี้ปรับปรุงมาจากบทความจากบล็อกของผมที่นี่ครับ https://computingblog.intakosum.net/2015/04/java-rmi-2.html
2. ถ้าใครสนใจบทความทางด้านการพัฒนาโปรแกรมสามารถอ่านเพิ่มเติมได้จากบล็อกนี้ของผมครับ https://computingblog.intakosum.net/

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา