26 ม.ค. 2021 เวลา 13:30 • หุ้น & เศรษฐกิจ
3 ปัญหาโลกแตกของการลงทุน
ไม่ว่าจะเป็นมือใหม่หรือมือเก่าล้วนแต่ต้องเจอปัญหา 3 ข้อนี้ด้วยกันทั้ง นั่นคือ ซื้ออะไรดี? ถือนานเท่าไหร่? ขายตอนไหน?
1) ซื้ออะไรดี?
ปัญหาแรกหลังจากเราเปิดพอร์ตใส่เงินพร้อมลงทุนเรียบร้อยแล้ว คือ เราจะซื้อหุ้นอะไรดี
จะซื้อตามมาร์เกตติ้ง ซื้อตามเซียน ซื้อเพราะฟังข่าวอินไซด์ ซื้อตามเพื่อน ซื้อตามเทคนิค หรือซื้อตามพื้นฐาน ฯลฯ มีเหตุผลมากมายในการซื้อ
สิ่งที่เราควรทำคือ ศึกษาแนวทางในการลงทุนต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นแนววีไอ เทคนิคอล หรือจะผสมผสานกันก็ตาม แต่สิ่งที่เราต้องรู้ให้ชัด คือ เราซื้อหุ้นตัวนี้เพราะอะไร ต้องเขียนออกมาให้ได้
เพราะความแข็งแกร่งของงบการเงิน ราคาหุ้นไม่แพงเมื่อเทียบกับมูลค่าของกิจการ ทิศทางและแนวโน้มของธุรกิจกำลังไปได้ดี กิจการนั้นมีข้อได้เปรียบทำให้คู่แข่งเข้ามาแข่งขันยาก และทำให้แนวโน้มกำไรของธุรกิจเติบโตต่อเนื่อง ฯลฯ
เพราะกราฟมีแนวโน้มขาขึ้น อินดิเคเตอร์ชี้ชัดว่าราคาหุ้นจะขึ้นต่อไป มีโวลุ่มการซื้อขายเข้ามามากน่าจะเป็นที่สนใจของตลาดเหมาะกับการเก็งกำไร ฯลฯ
ถ้าเราไม่รู้ว่าซื้อหุ้นตัวนี้เพราะอะไร และตอบคำถามข้อนี้ไม่ชัด อีกสองคำถามที่เหลือบอกได้เลยว่าเราจะตอบไม่ได้เช่นกัน ถ้าเราติดกระดุมเม็ดแรกผิด เม็ดต่อๆ ไปก็จะผิดไปด้วย
2) ถือนานเท่าไหร่?
หลายคนเจอปัญหานี้อีกเช่นกัน เมื่อซื้อหุ้นไปแล้ว มักจะกระวนกระวายใจ เปิดจอดูพอร์ตตัวเองแทบจะทุกสิบนาที ไม่มีสมาธิทำงาน ไม่แน่ใจว่าจะต้องถือนานขนาดไหน
ผมก็ไม่สามารถบอกเป็นช่วงเวลาได้ชัดเจนว่าต้องถือนานขนาดไหน อาจจะเป็นปี อาจจะเป็นเดือน อาจจะเป็นวัน หรือบางคนถือเพียงแค่ไม่กี่นาทีเท่านั้นเอง
การจะตอบคำถามนี้ได้ว่าควรถือนานเท่าไหร่ เราควรย้อนกลับไปดูคำตอบที่ข้อแรกว่าเราซื้อหุ้นนี้เพราะอะไร ถ้าให้ตอบแบบกำปั้นทุบดินคือ ระยะเวลาในการถือจะนานไปจนกว่าเหตุผลในการซื้อของเราจะเปลี่ยน
อาจจะเป็นข้อได้เปรียบของธุรกิจนั้นไม่มีอีกแล้ว แนวโน้มของอุตสาหกรรมที่เราซื้อไม่สดใส ราคาหุ้นขึ้นมาเกินมูลค่าที่เราคำนวณไว้ หรือทรงของกราฟหุ้นที่เราซื้อเปลี่ยนแปลงไปในทางไม่ดี
3) ขายตอนไหน?
เมื่อเหตุการณ์เปลี่ยนแปลงไม่เป็นไปตามที่เราคิดไว้ตอนซื้อหุ้น เราต้องขายหุ้นออกมา แต่การขายออกมาก็มีหลายแบบ
อาจจะขายออกมาทีเดียวเลยก็ได้ หรือเมื่อราคาหุ้นขึ้นไปเกินมูลค่ากิจการแล้ว ก็อาจจะขายออกมาบางส่วน ที่เหลือยังคงไว้อยู่เพื่อรอดูสถานการณ์ต่อไป
บางคนใช้กราฟเทคนิคในการเข้าซื้อแล้วยังมีกำไรอยู่ ก็อาจจะแบ่งขายออกมาบางส่วนแล้ว ปล่อยที่เหลือ Let profit run ต่อไปโดยขยับ Trailing stop ขึ้นตามราคาหุ้นก็สามารถทำได้
แต่สิ่งที่หลายคนพลาด คือ เมื่อเหตุการณ์เปลี่ยนแปลงไม่เป็นไปตามที่เราคิดตอนที่ซื้อหุ้น หรือเมื่อกราฟมีสัญญาณขายออกมาแล้ว เรากลับไม่ยอมขายหุ้นออกมา กลับทนถือไว้
ทำใจขายไม่ได้เพราะเกิดจากการขาดทุนหนัก หรือความโลภเข้าครอบงำทำให้คิดเข้าข้างตัวเองว่าราคาหุ้นอาจจะขึ้นต่อเนื่อง ไม่มีทางลงมา ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไร การไม่ทำตามแผนการที่เราวางไว้ ทำให้พอร์ตเราเจ็บหนักด้วยกันทั้งนั้น
จากกำไรอาจกลับกลายเป็นขาดทุน จากที่ขาดทุนอยู่แล้วอาจจะดำดิ่งกู้พอร์ตกลับมาไม่ได้อีกเลยจนต้องออกจากตลาดไปก็เป็นได้
3 ปัญหานี้เป็นพื้นฐานที่ทุกคนต้องเจอในการลงทุน ดังนั้นก่อนการซื้อหุ้นแต่ละครั้ง เราต้องตอบตัวเองให้ได้ว่าเราซื้อหุ้นเพราะอะไร และเราจะขายเมื่อเหตุการณ์เปลี่ยนแปลงไปอย่างไร
เขียนแผนการลงทุนของเราออกมาให้ชัดเจน และสิ่งที่สำคัญที่สุดคือ เมื่อเหตุการณ์เป็นไปตามแผนนั้น ไม่ว่าเราจะถูกหรือผิด เราต้องปฏิบัติตามแผนของเรา ขายหุ้นนั้นออกมาเพื่อไม่ให้พอร์ตของเราเสียหายอย่างหนัก
โฆษณา