28 ม.ค. 2021 เวลา 13:30 • หุ้น & เศรษฐกิจ
คำถาม 9 ข้อก่อนเลือกซื้อหุ้นของวอร์เรน บัฟเฟต์
การวิเคราะห์ธุรกิจก่อนการลงทุนของวอร์เรน บัฟเฟต์เพื่อแยกธุริกิจที่ดีกับไม่ดี ด้วยคำถามง่ายๆ 9 ข้อก่อนตัดสินใจในการลงทุนทุกครั้ง ดังนี้
1) เป็นธุรกิจสินค้าผูกขาดหรือไม่
อาจจะไม่ใช่ธุรกิจผูกขาดเท่านั้น แต่ธุรกิจนั้นต้องเป็นธุรกิจที่แข็งแกร่ง สินค้าดีมีคุณภาพ ดึงดูดผู้บริโภค มี Brand Loyalty ที่แข็งแกร่ง และคู่แข่งใหม่ๆ เข้ามาแข่งได้ยาก นอกจากธุรกิจที่แข็งแกร่งแล้ว ต้องมีผู้บริหารที่มีความรู้ความสามารถ พาธุรกิจเติบโตในอนาคตได้เช่นกัน
2) กำไรแข็งแกร่ง และมีการเติบโต
เมื่อเราเลือกธุรกิจที่แข็งแกร่งแล้ว ต้องดูแนวโน้มของธุรกิจว่าเติบโตในระยะยาวหรือไม่ สินค้าที่ขายยังเป็นที่ต้องการของผู้บริโภคหรือไม่ ความได้เปรียบของบริษัทยังมีอยู่ยาวนานหรือไม่ ไม่ใช่ว่าเราซื้อธุรกิจที่ตลาดกังจะวายแล้ว ทำกำไรได้แค่ 2-3 ปี แล้วยอดขายตกลง ก็คงไม่ใช่การลงทุนที่ดี
3) มีโครงสร้างทางการเงินแข็งแกร่ง
หลักๆ แล้ววอร์เรนจะเลือกบริษัทที่มีหนี้น้อย โดยเฉพาะหนี้ระยะยาว เพราะภาระหนี้จะเป็นตัวถ่วงของบริษัทในการจ่ายดอกเบี้ย ฉุดรั้งอัตราการเติบโตของกำไร
และหากบริษัทมีแผนจะลงทุนก้อนใหญ่เพื่อซื้อกิจการใหม่ ต้องวิเคราะห์ต่อว่าไปลงทุนธุรกิจที่ดีหรือไม่ ทำกำไรได้ในอนาคตหรือไม่ ไม่เช่นนั้นการลงทุนนั้นจะกลายเป็นภาระของบริษัททันที
4) มี ROE สูงสม่ำเสมอหรือไม่
เราลงทุนเพื่อต้องการผลตอบแทน ดังนั้นควรเลือกลงทุนในธุรกิจที่ให้ผลตอบแทนต่อส่วนผู้ถือหุ้นสูง โดยวิเคราะห์จากการเปรียบเทียบกับ ROE ของบริษัทอื่นที่อยู่ในอุตสาหกรรมเดียวกัน และ ROE ของตลาด หากธุรกิจนั้นให้ ROE สูงกว่าค่าเฉลี่ยก็น่าสนใจในการลงทุน
5) ธุรกิจเลือกทำอะไรกับกำไรสะสม
โดยปกติเมื่อธุรกิจทำมาหากินได้กำไรแล้ว มีทางเลือกสองทางสำหรับกำไรที่ได้รับมา คือ จ่ายออกมาเป็นเงินปันผล หรือนำกำไรนั้นสะสมไว้เพื่อเอาไปลงทุนต่อ บริษัทที่วอร์เรนสนใจเลือกลงทุนจะต้องไม่มีข้อผูกมัดว่าต้องจ่ายเงินปันผลในระดับสูงตลอดเวลา แต่สามารถเลือกได้ว่ากำไรที่ได้นั้นจะจ่ายออกมาเป็นเงินปันผลหรือ เอาไปลงทุนใหม่ๆ ก็ได้
6) ธุรกิจมีค่าใช้จ่ายเพื่อรักษาสถานภาพในการทำธุรกิจหรือไม่
ในบางธุรกิจ เช่น ธุรกิจโทรคมนาคม ต้องมีค่าประมูลใบอนุญาต ค่าดูแลโครงข่ายเสาไฟ และสายไฟ หรือธุรกิจอุตสาหกรรมที่ต้องมีค่าใช้จ่ายดูแลรักษาเครื่องจักร และโรงงาน
ต้องตรวจดูว่าค่าใช้จ่ายเหล่านี้กระทบต่อกำไรหรือไม่ เช่น ถ้าบริษัททำกำไรได้ปีละ 10 ล้านบาท แต่ต้องมีค่าใช้จ่ายในการดูแลรักษาเครื่องจักรทุก 3 ปีรอบละ 10 ล้าน ดังนั้นกำไรที่ได้จากการทำงาน 3 ปีนี้จะเหลือแค่ 20 ล้านบาทเท่านั้นเอง ดังนั้นถ้าธุรกิจต้องมีค่าใช้จ่ายเพื่อรักษาสภาพธุรกิจมูลค่ามากๆ อาจเป็นธุรกิจที่ไม่น่าสนใจมากนัก
7) ผู้บริหารทำอะไรกับกำไรสะสมบ้าง
ตามที่กล่าวมา กำไรของบริษัทเลือกได้ว่าจะจ่ายเงินปันผล หรือเอาไปลงทุนต่อ สิ่งที่เราต้องตามต่อคือ หากผู้บริหารเลือกเอาเงินไปลงทุนต่อนั้น สามารถทำกำไรจากการลงทุนนั้นได้หรือไม่ หากการลงทุนนั้นขาดทุน การเลือกจ่ายเงินปันผลอาจจะเป็นทางเลือกที่ดีกว่า แต่ถ้าการลงทุนช่วยส่งเสริมบริษัทให้แข็งแกร่ง และมีกำไรมากขึ้น ก็เหมาะสมที่จะนำเงินไปลงทุแทนที่จะจ่ายเงินปันผล
8) บริษัทขึ้นราคาสินค้าได้หรือไม่
ด้วยภาวะเงินเฟ้อ ทุกๆ ปีต้นทุนของบริษัทมีแต่จะเพิ่มขึ้น เช่น เงินเดือนพนักงาน ค่าเช่า ค่าวัตถุดิบ ดังนั้นสิ่งที่เราต้องวิเคราะห์คือบริษัทมีอำนาจในการขึ้นราคาสินค้าหรือไม่ หากไม่มี บริษัทอาจจะไม่สามารถรักษากำไร และการเติบโตได้ในระยะยาว
9) ราคาหุ้นเพิ่มตามมูลค่าของธุรกิจหรือไม่
ในระยะสั้นแล้ว ราคาหุ้นของธุรกิจจะผันผวนตามการเก็งกำไรของนักลงทุนระยะสั้น แต่ในระยะยาวแล้วราคาของหุ้นจะสะท้อนมูลค่าที่แท้จริงของธุรกิจ ดังนั้นวอร์เรนจะเลือกลงทุนในธุรกิจที่ราคาสะท้อนมูลค่าของกิจการ มากกว่าจะลงทุนในธุรกิจที่ราคาขึ้นสูงเพราะเกิดจากการเก็งกำไร
คำถาม 9 ข้อนี้เป็นจุดเริ่มต้นของวอร์เรน บัฟเฟต์ก่อนลงทุนในธุรกิจใดๆ ก็ตาม ดังนั้นเราก่อนเราซื้อหุ้นอะไรก็ตาม ลองใช้คำถามเหล่านี้คัดกรองเบื้องต้นก่อน เพื่อให้พอร์ตของเรามีหุ้นดี ผลตอบแทนที่เหมาสมในการลงทุนของเรา
โฆษณา