24 ม.ค. 2021 เวลา 12:30 • สุขภาพ
ไม่ใช่เท่านั้น
กายรูปพรหม
ที่อยู่ในพรหม ๑๖ ชั้นนะ
มีเห็นมีรู้แบบเดียว
กับมนุษย์นี่แหละ
ไม่ใช่เท่านั้น
กายรูปพรหมละเอียด
ที่อยู่ในรูปพรหมนั่นแหละ
มีเห็นมีรู้อีกเหมือนกัน
สูงขึ้นไปกว่านั้น
กายอรูปพรหม
ก็มีรู้มีเห็นอีกเหมือนกัน
กายอรูปพรหมละเอียด
ก็มีรู้มีเห็นเหมือนกัน
เอ๊ะ...ก็เป็น..อรูปพรหม
จะมีรูปอะไรอีกหรือ?
อรูปพรหมไม่มีรูปไม่ใช่หรือ?
เปล่า ...
ก็อมนุษย์มีถมไปไงล่ะ
อมนุษย์น่ะ
นอกจากมนุษย์
สัตว์เดรัจฉานก็อมนุษย์
เปรต อสุรกาย ก็อมนุษย์
เทวดา ๖ ชั้นฟ้า อมนุษย์เหมือนกัน
เป็นมนุษย์ก็มนุษย์นี่คนหนึ่ง
✨ก็อรูปพรหม ✨
มันไม่ใช่รูปพรหม
มันละเอียดกว่ารูปพรหม
เขาเรียกว่า..✨อรูปพรหม ✨
มันพ้นจากรูปพรหมไปเสีย
เรียกว่า✨อรูปพรหม ✨
🌕คือพระพุทธเจ้า🌕
👁✨ท่านเองเป็นผู้รู้ผู้เห็น 👁✨
รู้เห็นด้วยวิธีอย่างไร?
ต้องขึ้นไปอีก
เลยรูปพรหม
อรูปพรหมขึ้นไป
ก็มีกายธรรม
รูปพระปฏิมากรเกตุดอกบัวตูม
ใสเป็นกระจกคันฉ่อง
ส่องเงาหน้า
หย่อนกว่า ๕ วา
สูงหย่อนกว่า ๕ วา
กายธรรม
มีกายธรรมละเอียด
กายธรรมละเอียด
หน้าตัก ๕ วา สูง ๕ วา
นั่นกายธรรมนั่นแหละ
🌕เป็นพระตถาคตเจ้าทีเดียว 🌕
ที่พระองค์
ทรงกล่าวกับพระวักกลิว่า
✨วกฺกลิ หิ ✨
วักกลิๆ จงถอยออกไป
✨อิมํ ปูติกายํ ทสฺสนํ ✨
จะมาดูไยร่างกาย
ของตถาคตเป็นของเปื่อยเน่า
✨โย โข วกฺกลิ
ธมฺมํ ปสฺสติ โส มํ ปสฺสติ ✨
ว่าสำแดงวักกลิ
ผู้ใดเห็นธรรมผู้นั้นเห็นเรา
คือ ตถาคต
✨ธมฺมกาโย อหํ อิติปิ ✨
✨เราตถาคต คือ ธรรมกาย ✨
ธรรมกาย
เป็นตัวพระตถาคตเจ้าเชียวน่ะ
ธรรมกายโคตรภู
ธรรมกายหยาบ
ธรรมกายละเอียด
ธรรมกายหยาบ
ธรรมกายละเอียดโสดา
ธรรมกายหยาบ
ธรรมกายละเอียดของพระสกทาคา
ธรรมกายหยาบ
ธรรมกายละเอียดพระอนาคา
นั่นยัง
ยังไม่ได้เป็นพระพุทธเจ้า
✨ชานตา ปสฺสตา ✨
ธรรมกายหยาบ
ธรรมกายละเอียดของพระอรหัต
นั่นแน่
✨พระตถาคตเจ้า✨
พระองค์นี่แหละ
✨ที่ ๑๐ นี้แหละ ✨
นี่แหละ
ที่ท่านทรงรับสั่งว่า
✨อุทฺทิฏฺฐํ โข เตน
ภควาตา ชานตา
ปสฺสตา อรหตา
สมฺมาสมฺพุทฺเธน ✨
องค์นี้ๆ
เป็นผู้กล่าว
✨โอวาทปาติโมกฺขํ ตีหิ
คาถาหิ ✨
องค์นี้แหละเป็นผู้กล่าว
องค์นี้แหละ
ปฏิญาณตนว่าเป็นผู้รู้ผู้เห็น
นี้แหละผู้รู้เองเห็นเองแหละ
ชานตา รู้
ปสฺสตา เห็น
เห็นด้วยตาธรรมกาย
รู้ด้วยญาณธรรมกาย
เห็นจริงรู้จริง
ไม่ใช่คาดคะเนเล่นเดา
เห็นจริงรู้จริง
เมื่อเห็นจริงรู้จริง
จึงได้ทรงแสดงขึ้น
โดยพระคาถา ๓ พระคาถา
ดังจะพรรณนาต่อไป ว่า
✨ขนฺตี ปรมํ ตโป ตีติกฺขา ✨
นี้แหละจำไว้เถอะ
หญิงก็จำไว้เถอะ
ชายก็จำไว้เถอะ
พระพุทธเจ้า
ให้นิพพานไว้ชัดๆ ทีเดียว
ให้นิพพานไว้ชัดๆ ทีเดียว
หญิงจะไปนิพพาน
ก็ตั้งอยู่ในความอดทน
ชายจะไปนิพพาน
ก็ตั้งอยู่ในความอดทน
👎🏽ถ้าไม่อดทน👎🏽
👎🏽ไปนิพพานไม่ได้ 👎🏽
ต้องอดทนกันจริงๆ
เห็นด้วยตา ก็สักแต่ว่าเห็น
ได้ยินด้วยหู ก็สักแต่ว่าได้ยิน
ได้ทราบด้วยจมูก ก็สักแต่ว่าทราบ
ได้ทราบด้วยลิ้น ก็สักแต่ว่าทราบ
ได้ทราบด้วยกาย ก็สักแต่ว่าทราบ
ได้รู้แจ้งทางใจ ก็สักแต่ว่ารู้
จะไปเอาเป็นชิ้นเป็นอัน
ใช้ไม่ได้
ก็สักแต่ว่าไปเท่านั้นแหละ
มันจะเป็นอย่างไรก็ช่างมัน
ก่อนที่เราจะเกิดมา
รูป เสียง กลิ่น รส
โผฏฐัพพะธรรมารมณ์
มันก็มีอยู่แล้ว
กำลังจะเกิดมาปรากฏอยู่ในบัดนี้
รูป เสียง กลิ่น รส
โผฏฐัพพะ ธรรมารมณ์
เหล่านี้มันก็มีอยู่แล้ว
เราจะตายไปเสียแล้ว
รูป เสียง กลิ่น รส
โผฏฐัพพะ ธรรมารมณ์
เหล่านี้มันก็มีอยู่แล้ว
เราจะไปเป็นเจ้าของมัน
ไม่ได้หรอก
มันไม่ใช่ของใคร
มันเป็นของกลางๆ
ถ้าเราจะไปเป็นเจ้าของ
ของกลาง
มันจะเป็นอย่างไร?
เราจะต้องตระหนกละซิ
ไอ้นี่เห็นสติวิกาลไปเสียแล้ว
เราไปในทะเล
นั่งเรือใบ เรือกล
หรือเรือกลไฟใหญ่ก็ตาม
พอไปถึงทะเลละก็
ดีอกดีใจ
หัวเราะร่าเริง
นี่ของข้าๆ
ไม่ใช่ของใคร
ของข้าแท้ๆ
ใครจะมายุ่งไม่ได้
ทะเลของข้า
ไม่นะ
มันจะถือทะเลเอาเข้าแล้ว
เป็นของๆ มัน
เราจะว่าไงล่ะ
อีกคนหนึ่งไม่เช่นนั้น
เข้าไปในป่าใหญ่ๆ
มันก็ยืนหัวเราะร่าเริง
ว่าไอ้ป่านี่ของข้าๆ
เอาละซิๆ
จะว่าอย่างไรมัน
ไอ้นี่คนอย่างไรไม่ว่า
หากว่าหญิงเป็นอย่างไรไม่ว่า
หากว่าชายเป็นอย่างไรไม่ว่า
สติมันถึงได้วิกาลไปแล้วละเจ้า
นั่นแน่
เราจะหาว่ามันเข้านั้น
เพราะทะเลเป็นของใคร
มันก็เป็นของกลาง
ใครจะเอามันได้
ป่าก็เป็นของกลาง
ใครจะเอามันได้
มันไปในดินในอากาศ
ไปพบอากาศว่างๆ โอๆ
อากาศว่างๆ
เดินไปบนอากาศ
นี่อากาศของข้าของกู
ใครจะมายุ่งไม่ได้
มันก็ถือมันมั่นคงทีเดียว
เราก็จะเอาอีกแล้ว
ไอ้นี่
ไม่ได้กาลละโว้ย
จะต้องระวัง
กระโจนเครื่องบินระรอก
นี่เราจะต้องตกใจอย่างนี้
นี่ฉันใด
เรามาถือเอารูปเป็นของๆ เรา
เป็นอย่างไรบ้าง
เออ ไอ้รูปนี่ของข้า
ของข้าล่ะ
เราจะเป็นอย่างไรบ้างนึกดูซิ
รูปของข้า
รูปใครล่ะ?
รูปสามีภรรยา
รูปบุตรเล็กดา
รูปถ้วยโถโอชามันอย่างนี้แหละ
นี่ของข้าของข้า
เออ..อ้ายนี่มันจะเป็นอย่างไรล่ะ
ใจคอมันจะเป็นอย่างไรแล้วหรือ
เราจะถามใจคอเป็นอย่างไรแล้วนี่
เพราะไม่รู้จักของกลาง
ไปถือว่าของข้าไปเสียหมด
นี่ไปยึดถือเอาอย่างนี้
โฆษณา