ย้อนกลับไปในปี 1879 ด้วยความเป็นห่วงสวัสดิภาพและสุขภาพอันเกิดจากการเสพติดฝิ่นของแรงงานเหมืองแร่ “ยู กง” ชายชาวจีนจากมณฑลกวางตุ้ง ที่อพยพมารัฐเปรัก มาเลเซียได้เปิดร้านยาแพทย์แผนจีนเล็ก ๆ ชื่อ Eu Yan Sang ขึ้นเพื่อหวังดึงแรงงานให้หันมาใช้ยาจีนแผนโบราณแทนการใช้ฝิ่นรักษาอาการเจ็บป่วย
จนกระทั่ง “ยู ตง เซน” บุตรชายของยู กงเข้ารับช่วงธุรกิจราวทศวรรษ 1910 มีการพัฒนาธุรกิจจนสามารถขยายสาขาไปยังสิงคโปร์ ฮ่องกง และจีน เมื่อ ยู ตง เซนเสียชีวิตในปี 1941 ธุรกิจก็ตกอยู่ภายใต้การบริหารของทีมผู้บริหาร และเปลี่ยนสถานะเป็นบริษัทจำกัดภายใต้ชื่อ Eu Yan Sang International Ltd. โดยมีริชาร์ด ยู เหลนของยู กงเป็นผู้เข้ามาดูแล
คำถามคืออะไรที่ทำให้ร้านขายยาแพทย์แผนจีนเป็นที่ยอมรับ นั่นคือการผสมผสานระหว่างภูมิปัญญาดั้งเดิมซึ่งก็คือตัวสินค้าที่เป็นยาสมุนไพรต่าง ๆ เข้ากับกระบวนการที่ทันสมัยและมีเทคโนโลยีเข้ามาช่วย ในปี 2009 Eu Yan Sang ร่วมกับสถาบันนันทาง โพลีเทคนิกก่อตั้งห้องแบบการแพทย์แผนจีนแห่งแรกของสิงคโปร์ขึ้น และยังร่วมมือกับองค์กรต่างๆ เผยแพร่ผลวิจัยเกี่ยวกับการทำงานของยาจีนโบราณกับยาแพทย์แผนปัจจุบัน
จากที่ถูกมองว่าเป็นธุรกิจดาวร่วง และแพทย์แผนจีนกำลังจะตกยุค ในช่วงศตวรรษที่ผ่านมา Eu Yan Sang กลับเติบโตและขยายตัวมากขึ้น โดยในปี 2018 บริษัททำกำไรถึง 39 ล้านดอลลาร์สิงคโปร์ จากรายได้ไม่ถึง 300 ล้านดอลลาร์
การอยู่รอดของ Eu Yan Sang เกิดจากหลายปัจจัย รวมถึงการปรับตัวตามยุคสมัยที่เปลี่ยนไป การปรับภาพลักษณ์แบรนด์และร้านค้าให้ร่วมสมัย การขยายฐานลูกค้าจากกลุ่มเก่าที่เป็นวัยกลางคนไปยังคนหนุ่มสาว และการขยายตลาดจากประเทศตะวันออกไปยังประเทศตะวันตก ตลอดจนการไม่หยุดนิ่งอยู่กับที่ นี่เองที่ทำให้องค์กรยังขับเคลื่อนต่อไปได้จนถึงทุกวันนี้