บางที......การตายแล้วไปเกิดใหม่ที่ต่างโลกอาจจะเกิดขึ้นจริงก็ได้นะ????
สาเหตุที่ผมคิดแบบนี้ผมต้องขอขอบคุณแอพ Blockbit สำหรับข้อมูลที่ทำให้ผมได้คำตอบในเรื่องนี้มากเลยนะครับ
แต่ก่อนที่จะเข้าเรื่องผมต้องขอปรับความเข้าใจกับคำว่า ‘เกิดใหม่ที่ต่างโลกกันก่อน’ นะครับ
เกิดใหม่ที่ต่างโลก ถูกอัญเชิญไปต่างโลก หรืออะไรที่เกี่ยวข้องกับการถูกพาไปยังสถานที่ที่ไม่ใช่ที่บัจจุบัน ช่วงเวลา หรือสิ่งแวดล้อมที่ต่างจากเดิม สิ่งเหล่านี้คือพลอตเรื่องที่สามารถเห็นได้บ่อยตามนิยายญี่ปุ่นในช่วงนี้ สำหรับคนที่รู้เรื่องนี้ผมคงไม่ต้องบอกอะไรมาก แต่สำหรับใครที่ยังงง ผมจะยกตัวอย่างที่ง่ายที่สุดเลย เช่น ‘บุพเพสันนิวาส’ วรรรณกรรมที่ถูกนำมาสร้างเป็นละครที่เป็นที่นิยมอย่างมากจนถึงตอนนี้ผมก็ยังเห็นมีมเรื่องนี้ตามเว็บบอร์ดอยู่เลย แต่เอาเข้าจริงพลอตเรื่องนี้ก็ไม่ต่างจากการที่ตายแล้วไปเกิดใหม่ที่ต่างโลกเช่นเดียวกัน
แล้วทำไมผมถึงบอกว่ามันมีสิทธิ์เกิดขึ้นได้ ที่ผมกล้าพูดแบบนั้นก็เพราะผมได้อ่านบทความนึงมาในหัวข้อที่ว่า ‘ความตายนั้นคืออะไร’ (ถ้าจำไม่ผิดอะนะ)
เท่าที่จำได้ ในเนื้อหานั้นได้บอกว่าเวลาที่คนเรากำลังจะตาย สมองพยายามตัดส่วนที่ไม่จำเป็นออกเพื่อดำรงชีพ ซึ่งเป็นสัญชาตญาณของมนุษย์ เริ่มจากร่างกายด้านชาและขยับไม่ได้ เพราะส่วนนี้จะเป็นส่วนที่กินพลังงานมากที่สุด จากนั้นก็สมองก็ตัดการจ่ายพลังไปยังส่วนอื่นๆเป็นลำดับของมัน จนกระทั้งการมองเห็นนั้นดับลง ทำให้ผู้ตายมีอาการคล้ายกับนอนหลับ เพียงแต่ว่าการหลับครั้งนี้จะไม่มีวันตื่นขึ้นมาอีกเท่านั้น
แล้วทำไมมันถึงเกี่ยวข้องกับต่างโลกละ นั้นก็เพราะถ้าสมองยังรับรู้ถึงความเจ็บปวดอยู่ทั้งๆที่ตัดประสาทสัมผัสไปหมดแล้ว สมองจึงเลือกที่จะใช้ความทรงจำที่ดีที่สุดของตัวมันมาฉายซ้ำเพื่อบรรเทาสภาพจิตใจของผู้ตาย นั้นแหละคือต่างโลกที่ผมหมายถึงละ
ถ้าให้ยกตัวอย่างก็คงจะเป็นกลุ่มคนที่ผ่านประสบการณ์เฉียดตาย แล้วเที่ยวมาบอกว่าเห็นสวรรค์หรือนรก หรือพระเจ้า สิ่งพวกนี้ล้วนแล้วเป็นสิ่งที่ไม่ว่าใครได้ยินก็จะรู้สึกสงบทั้งนั้น จึงไม่แปลกที่เวลาที่พวกเขาเฉียดตายในตอนนั้น สมองจะฉายภาพของสวรรค์นั้นแหละ
สรุปคือการไปต่างโลกที่เห็นในนิยายต่างๆที่เป็นกระแสในช่วงนี้ สุดท้ายมันอาจจะเป็นแค่ภาพลวงตาที่สมองสร้างขึ้นเพื่อบรรเทาความเจ็บปวด ความกลัวของผู้ตายเท่านั้น หรือไม่ก็สิ่งที่ท่านอ่านอยู่นี้ก็อาจจะเป็นภาพลวงตาที่สมองสร้างขึ้นมาก็ได้ใครจะไปรู้