กรณีศึกษาการลงโทษในยุคกลางที่แตกต่างจากสมัยใหม่ ในยุคกลางการลงโทษจะวางอยู่บนหลักความเชื่อศาสนา มีตัวเลือกแค่เพียง death หรือ grace แตกต่างจากศตวรรษที่ 19 ที่มีความระมัดระวังในการลงโทษอย่างมากและมีการสร้างระบบที่ได้มาตรฐาน กรณีตัวอย่างของฝรั่งเศสที่ยอมรับการตัดสินของกษัตริย์นั่นก็เพราะเชื่อมั่นในคุณความดีของกษัตริย์จึงไม่มีการตั้งคำถามกับการตัดสิน ทว่าในสมัยใหม่ซึ่งมีระบบการศาลที่มักจะเน้น grace มากกว่า death นั่นเพราะว่ามีความไม่มั่นใจในการตัดสินอยู่มาก อย่างไรก็ตาม การติดสินของกษัตริย์ก็ใช่ว่าจะเป็นเป็นการตัดสินไปตามความถูกต้องอย่างแท้จริง เพราะเชื่อว่าโดยธรรมชาติแล้วมนุษย์มีลักษณะสองจิตสองใจหรือมีความขัดแย้งในใจตัวเอง สะท้อนผ่านงานวรรณกรรมที่เรามักพบบ่อยๆ ว่ามีการเปลี่ยนคำตัดสินในขณะกำลังจะประหารนักโทษ ทำให้สังคมยุคกลางถูกมองว่าเป็นเพียง emotional life of men ในแง่นี้นักประวัติศาสตร์จึงได้ใช้ ambivalence of human feeling ในการกำหนดช่วงเวลา
Psychology, Psychoanalysis and Historical Thought
ทศวรรษ 1970 นักประวัติศาสตร์เริ่มหันเหจากการศึกษาสังคมศาสตร์ไปหามนุษย์ศาสตร์มากขึ้น ทว่าจิตวิทยาก็ยังคงไม่ได้รับความสนใจมากนัก นักประวัติศาสตร์ไม่สนใจปัญหาทางจิตวิทยากล่าวคือ ไม่สนใจศึกษาการเปลี่ยนรูปในบุคคลแต่ ทว่าประวัติศาสตร์หลายที่มักศึกษาก็มีส่วนเกี่ยวข้องกับอัตลักษณ์ของบุคคลและประสบการณ์ของบุคคล ทว่านักประวัติศาสตร์ก็เลือกที่จะละเลยคำถามพื้นฐานที่เกี่ยวข้อกับ human motivation
Freud พยายามสร้าง psychohistory เขาบอกว่าเพื่อทำความเข้าใจปัญหาทั้ง general history และ individual figure history ซึ่งกรณีของ Hitler ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ก็กระตุ้นให้นักประวัติศาสตร์เกิดความสนใจจิตวิทยามากขึ้น โดยมีการประชุมกันและมีการออก Journal of Psychohistory แต่ก็ยังคงถูกวิจารณ์อย่างมาก เนื่องจากจิตวิทยามีความเป็น objective และ scientific สูง อย่างไรก็ตาม DeMause ก็พยายามจะแก้ต่างให้ว่า การรวบรวมหลักฐานเกี่ยวกับแรงกระตุ้นทางประวัติศาสตร์ที่ทำให้เกิดสงครามโลกขึ้น และใช้ self-analysis เพื่อหาความหมายจากหลักฐาน โดยในแง่นี้ถือเป็นมุมมองที่เป็นอัตวิสัย ทว่าที่มีปัญหามากที่สุดคือ หลักฐานที่จะใช้ศึกษา มักโดนวิจารณ์ว่าเป็นการตีความจากหลักฐานที่มีข้อจำกัดและไม่เพียงพอ เป็นเหมือนการคาดเดาที่ไม่มีอะไรรองรับ (unsupported speculations)