26 ม.ค. 2021 เวลา 09:58 • นิยาย เรื่องสั้น
#นิยายวาย
TEA COFFEE AND RAIN.
ตอนที่5 เป็นเด็กโจงแดงก็จะวุ่นวายประมาณนี้แหละ!
ผมนั่งมาบนรถของพี่คินก็นานพอควรอยู่ แหง่ละข้ามจากฝั่งธนมาเชียวนะ กว่าจะมาถึงเขตพระนครอมรสถานวิมานเมฆมิ่งแก้ว อันเป็นที่ตั้งของมหาลัยอันเป็นที่รักของผมก็ปาเข้าไปหนึ่งชั่วโมงถ้วน และแน่นอน สายยยย!
"โดนอิธีร์กินหัวแน่" ผมบ่น
"ขอโทษครับ พี่ไม่คิดว่ารถจะติดขนาดนี้ ไม่น่าชวนเรานั่งรถมาเลย ว่าจะทำฟีลโรแมนติกซักหน่อย แฮะๆ" พี่คินยิ้มแหยๆให้ผม คงจะรู้สึกผิดจริงๆแหละ ผมอยากตะโกนออกไปดังๆว่า เออ! พี่มึงง! รู้วทัวก็ดีย์! มาก แต่ทำแบบนั้นไม่ได้ เสียลุคคุณหนูผู้ดีจากหัวเมืองนครศรีธรรมาโศกราช*¹หมด จึงได้แต่ตอบไปแกนๆว่า
" ไม่เป็นไรครับพี่ แต่วันหลังมาMRTนะครับเชื่อผม สิ่งที่สะดวกสะบายอยู่ปลายจมูกขนาดนั้นแล้วอะเน้อะ ฮ่าฮ่าฮ่า" ผมพูดกับพี่คิน แต่ดูเหมือนพี่คินจะไม่ค่อยโอเคสักเท่าไหร่
"เออ ไม่มีไรครับ" พี่คินตอบ
"พี่คินครับ มีอะไรพี่คินบอกผมได้นะครับ เราเพิ่งเริ่มคุยกันวันเดียวเอง ถ้าอะไรที่พี่อยากรู้ในตัวผมพี่ต้องถามสิครับ ถ้าพี่มัสแต่คิดอยู่คนเดียวแบบนี้อย่าคิดจะจีบผมให้เสียเวลาเลยครับ" ผมตอบออกไปยาวยืด เพื่อบอกให้พี่เค้ารู้ความคิดของผม
" ไม่ใช่แบบนั้นนะครับ คือพี่แค่... "
"... "ผมเอียงคอรอคำตอบ
" แค่... "พี่คินยังคงอ้ำอึ้งอยู่ นิพ่อคนคูล ช่วยคูลให้เหมือนตอนชงโกโก้ให้ดื่มเมื่อวานหน่อย ขอร้อง
" คือพี่แค่รู้สึกว่า... "
" อีปัณณณณณณณณณ!"
"เวรเอ้ยยย" พี่คินกำลังจะตอบอยู่แล้วเชียว อิเพื่อนเหี้ย อิตัวมาร อิสันดานเอ้ยยย
" อะไร? อีธีร์! เสียมารยาทนะมึงเนี้ยกูคุยธุระอยู่" ผมหันไปขานเพื่อนโดยที่พี่คินยังคงยืนอ่าปากจะพูดอยู่
"แหม่! คนมาสายอย่างมึงมีสิทธิว่ากูเสือกด้วยเหรอวะ ทั้มจีงงง"
" ขอโทษนะครับคุณนทีทัตต์ ประโยคใหนที่ผมว่าคุณเสือกไม่ทราบครับ" ผมถามพร้อมเอามือกอดอก
"อินเนอร์มึงมันบอกอย่างนั้น อุ้ย! นั้นใครอะผัวใหม่เหรอ?" อิธี อีปากเสียนี่ รับประทานตีนกูสักข้างเป็นมื้อก่อนเที่ยงมั้ยอิสัส
" เปล๊าาา พี่เค้า ที่กู เอ่อออ รู้จักอยู่อะ กำลัง เอ่อออ คุยๆกัน"ผมตอบแบบเรียบง่าย ไร้พิรุธสุดๆ
" เหรอ ไม่เลิ้กลั้กเลยเน้อะ ธรรมชาติมาก แล้ววว ไม่คิดจะแนะนำให้เพื่อนรู้จัก? "อีนี้ควรไปเป็นนักข่าวอะ เลิกเรียนเห้อะนาฏศิลป์กูว่าไม่รุ่ง
"พี่ชื่อคินครับ กำลังจีบปัณณ์อยู่ฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะครับ" แหนะพ่อ ที่งี้พูดเก่งเชียว ส่อแววกลัวเมียนะเราเนี้ย แต่ก็ดีแล้วละ เอ้ย เดียวก่อน อิพี่ไม่ต้องเจาะรายละเอียดขนาดนั้นก็ด้ายยยย นั้น อีเพื่อนจากหัวเมืองเดียวกับผมมันเริ่มยิ้มแล้ววว ลางไม่ดีอีกแล้วววววว
" เหรอครับ ผมธีร์นะครับ นทีทัตต์ เป็นเพื่อนสนิทม๊ากกกกก ของปัณณ์ครับ ยินดีที่ได้รู้จักนะครับพี่คิน" มันหันสายตามาทางผมพร้อมกับสื่อสารอะไรบางอย่างที่ผมรู้ดี อ่า ลางร้ายของผมแม่นจริงๆ ผมจึงสบตามันกลับไปพร้อมกับประโยคที่ว่า 'กูเพื่อนมึงนะ'ในสายตา แต่ดูเหมือนว่าสารของผมจะช้าไปองคตน่าจะแวะฉี่แหละ ทศกัณฐ์ตัวร้าย​แม่มเลยไม่รู้เห็นอะไรที่พระรามสื่อไปทั้งสิ้น*²
"ผมมีความลับของปัณณ์เยอะเลยนะครับ เราอาจจะคุยกันสนุก" มันยิ้มร้ายมากบอกตรงนี้
"เหรอครับ งั้นคงต้องฝากเนื้อฝากตัวด้วยมากๆนะครับน้องธีร์ ฮ่าฮ่าฮ่า" พี่คินก็จ้อจี้เล่นด้วยกับมันนะ หมดกันคนคูลที่ชั้นใฝ่ฝัน
"เอาละ พอเลยทั้งคู่ อีธีร์ใหนมึงบอกสาย ไปได้แล้ว พี่คินก็ไปทำงานได้แล้วครับ ขอบคุณสำหรับแซนวิชนะครับ" ผมหันไปบอกพี่คินเมื่อคุยกับเพื่อนที่น่ารักของผมจบเพื่อเป็นการตัดบทสนทนาของทั้งคู่ ผมดันหลังให้ธีรีบถอยออกมาพร้อมกับคว้าถุงกระดาษรักโลกจากพี่คินมาถือไว้แล้วเดินไปพร้อมๆเพื่อน
" เดียวพี่แวะมาใหม่ได้มั้ยครับ?" พี่คินตะโกนถามตอนที่ผมเดินห่างมาสักระยะ
" ม่ะ....."
"ได้ครับ แต่ก่อนเที่ยงนะครับช่วงบ่ายมีงานนอก เผื่อพี่สะดวกไปด้วยก็มานะครับ" จะให้กูกล่าวเกริ่นเล่นตัวอะไรก็มิได้เน้อะ
"โอเคครับ เจอกันนะครับ น้องปัณณ์" พี่คิณตะโกนกลับมาอีก ผมไม่ตอบอะไรได้แต่เดินก้มหน้าเขินเดินไปเรื่อยๆ
"อีน่าสัส! เล่นกูแต่เช้าเลยนะมึงเนี้ย" ผมว่าเพื่อน
" ช่วยไม่ได้ เพื่อนใช่จะมีผัวบ่อยสักหน่อย" มันตอบหน้าระรื่น
" มึงอย่าพูดไปนะอิสัส กูกับพี่เค้ายังไม่คบกันกูกลัวนก"
" ไม่! สมาคมสาวงามแห่งเกาะรัตนโกสินทร์​ต้องรู้เรื่องนี้" มันว่า
อีธีร์ มึงอย่าให้อีพวกห้าคนนั้นรู้เชียว ไม่งั้นรู้กันหมดทั้งบางแน่อิดอก กูกลัว!" ผมว่า
"มึงจะห้ามอะไรกูได้ ปากก็ปากกูกูจะพูด! "มันกอดอกทำท่ามั่นหน้าใส่ผม ผมยิ้มมุมปากก่อนจะบอกมันไปด้วยเสียงที่ดังกว่าปกติสองเวลว่า
"งั้นกูก็จะบอกทุกคนด้วยเหมือนกันว่ามึงกินเด็กปีหนึ่งที่ชื่อ... "
" ไปจ้าาา สายแล้วจ้าาา ไปซ้อมเถอะจ้าาาา เดียวต้องแต่งหน้า แต่งองค์ละกะทรง ทรงเครื่องอีก ไปเน้อะไปๆ แหม่มีมื้อเช้าด้วยนิ กินก่อนซ้อมได้เลยนะเพื่อนปัณณ์ เพื่อนร๊ากกกกกกก" หึเป็นไงล่ะ คนมีชนักติกหลังอย่างมึงอะ ชนะกูด้วยลูกไม้นี้ไม่ได้หร้อกกก คนอย่างมึงอะ มันเป็นเบี้ยล่างกูอยู่วันยังค่ำแหละ น่านน ชนะดอกนึงเอาใหญ่เลยกู! เห้อออ ไปซ้อมดีกว่าสบายใจละ
ผมเดินเข้าไปในห้องซ้อมจัดการทานแซนวิชไส้ทูน่าคอนสลัดกับนมกล่อง อะถือว่าดวงดีทำไส้ที่ผมชอบมาเอาไปห้าแต้ม หักห้าแต้มเพราะนมเป็นนมจืด แล้วแซนวิชอีกชิ้นเป็นผัก นุ้งไม่โอเคร! ขณะกำลังทานอยู่น้านนนนน แก๊งเพื่อนมหาประลัยของผมก็เดินเข้ามา เอิ่มน่าจะมาจากโรงอาหารแหละ
"ป๊าดดดด คุณหนูปัณณ์ทำแซนวิชมาทานเองเหรอครับนี้ เป็นบุญตาของบ่าวยิ่งนักขอรับ" เห้ออ เอามันไปเก็บขอร้อง ขอร๊องงงงง
"กูว่าไม่ใช่หรอกม้างงงง อย่างคุณหนูปัณณ์นะ น่าจะมีใครทำมาให้แหละ แต่ใครน้าาา จะเป็นผู้โชคดีคนนั้นนะ ปกติคุณหนูไม่หยิบของใครมากินง่ายๆนะเว้ยยย" เห้อออ เอากูไปทอดที จะได้หายไปจากตรงนี้ ผมยังคงกินไปเรื่อยโดยที่ไม่สนใจอะไร จนกระทั้ง...
"พวกมึงจะไปรู้อะร้ายยย วันนี้นะคุณหนูปัณณ์ของพวกมึงนะ.... "ฉิบหายยยย! อีธีอีดอกมึงกำลังจะปากโป้งงง
" ฮึ ฮืมมม อืมมม ฮึ อึ! "ผมกระแอมเสียงดังเรียกสติอีธี
" เป็นอะไรอีปัณณ์ ตีนติดคอเหรอ?"
"เปล้า!" ผมตอบ
"แล้วมึงอะยังไงอีธี เล่ามา อย่าคิดตุกติก"
"เปล่ากูแค่จะบอกว่ามันมาสายอะ"มันพูดพร้อมกับหันหลังเตรียมจะวิ่งทันที
"ตอแหล!" พวกมันทั้งห้าผสานเสียงกันพร้อมเพรียงกว่าการรำท่าช้างผสานงาในเพลงดวงจันทร์ขวัญฟ้าของการรำวงมาตรฐาน​เสียอีก ตอนนี้พวกมันเริ่มวิ่งไล่จับการไปรอบห้องแล้วครับ เห้อออ คนสวยเบื่อเพื่อนแบบนี้จริงๆค่ะ กระซิกๆ (แสร้งเช็ดน้ำตา)​
"นทีทัตต์ ติณภพ ฉัตร อังกูร มงคล มณีรัตน์!" ชะอูยแม่มา ว้ายยยยย เฟสตัวเองออกไปก่อนละกัน บ่ะบายนะเพื่อน
"เล่นอะไรกันอีกย่ะ ไม่หยุด ไม่หยุดจริงๆ ตั้งแต่ปีหนึ่งยันปีสามจะปีสีปีห้าอยู่แล้วยังไม่หยุดเล่นอี๊ก อายน้องที่มันเดินผ่านหน้าห้องบ้าง ไปเลยนะไปเลย ไปจีบผ้ายก*³คนละสิบพื้น ให้สวยๆด้วย เดียวชั้นจะไปตรวจ ให้เสร็จเร็วที่สุดด้วยจะได้ซ้อมต่อ อะไรกันเด็กพวกนี้นี่ เห้อออ! "เฉียบมากแม่รับไปสิบแต้ม
คนอื่นที่จะร่วมซ้อมในวันนี้ได้แต่ยืนตัวเกร็งเพราะเสียงด่าของอาจารย์ขวัญทิพย์​ จะมีแต่พวกมันหกก้อน เอ้ยหกคนนี่แหละยืนหัวเราะเป็นบ้าอยู่ได้ ก็แน่ละอาจารย์​แกคือเรียกได้ว่าคู่บุญของพวกเราทั้งเจ็ดคนเลยละ ร่วมงานกันตั้งแต่ปีหนึ่ง จนถึงตอนนี้ก็ยังร่วมงานกันอยู่ อาจารย์​แกบ่นว่าเบื้อขี้หน้าพวกเราเช้า กลางวัน เย็น น้อยไปสิ บวกเพิ่มช่วงสายเช้ากับสายบ่ายไปอีกสองรอบด้วย เจอกันทีไรก็กัดกันตลอด ใครๆต่างมองว่าดูไม่ดี แต่เรานั้นรู้ดีที่สุดว่าอะไรเป็นอะไร เราอยู่ด้วยกันจนเรียกว่าเป็นแม่ลูกกันได้แลัวละ และผมมั่นใจว่าเราเป็นแม่ลูกที่เหนี่ยวแน่นที่สุดในสถาบันนี้ ผมเอาอะไรมามั่นใจนะเหรอ เยอะแยะไป อะจะยกตัวอย่างให้ฟังก็ได้
เบๆเลยก็คือพวกผมเคยเมาโดนจับก็ได้นางไปประกันตัว หรือหนักขึ้นมาหน่อยอีฉัตรเคยดาวน์จนถึงขั้นจะฆ่าตัวตายก็เป็นนางที่เป็นเดือดเป็นร้อนอยู่เฝ้าพาไปหาหมอ อีธีเคยทะเลาะกับที่บ้านหนักถึงขั้นตัดแม่ตัดลูกก็ได้นางอีกที่เป็นคนไปเคลียร์​ให้ถึงนครศรีธรรมราช ไอ้อังกับไอฉัตรเคยทะเลาะกันจนถึงขั้นชกต่อยก็เป็นนางที่เข้าไปขวางไว้ทั้งน้ำตา โดนไอฉัตรยั้งมือไม่ทันไปหมัดนึงด้วย เอิ่มนี่น่าจะเป็นเหตุผลที่ร้องไห้แหละแหะๆ หรือแม้กระทั่งกับผม ผมเคยเป็นลมจะวูบกลางอากาศ แต่พยายามอดทนรำจนจบแล้วลงมาล้มพับไปข้างล่างเวทีเพราะพักผ่อนน้อย หลับไปถึงสามวันก็ได้นางจัดการให้ทุกอย่างอันนี้ผมเพิ่งรู้ว่านางเป็นคนรับร่างของผมไว้ ปฐมพยาบาล เรียกรถพยาบาล เปิดห้องพิเศษ แม้สุดท้ายจะเป็นตังค์ผมก็เถอะนะ เอิ่มมมม ก็เปลืองดี ขอโทษนะแม๊หนูนอนห้องธรรมดาได้!
แต่ใช่ว่าจะเป็นเราฝ่ายเดียวที่โดนนางดูแล เราก็รักนางมากกกเหมือนกัน ตอนปิดเทอมปีสองจะขึ้นปีสามเนี้ยแหละ พวกเราแยกย้ายกันกลับบ้าน แล้วสามีนาง หรือที่เราเรียกกันติดปากว่าพ่อ อันนี้สนิทเพราะมารับนางทุกเย็นแหละ ประสบอุบัติเหตุ​เสียชีวิต อันนี้เศร้าสุดที่เคยเจอกันมาแล้ว นางพยายามปิดพวกเราหนักมาก เพราะไม่อยากให้พวกเราคิดมากเรื่องนาง นางบอกงี้นะ จนพวกเรารู้เองเพราะอาจารย์เอกชัยเพื่อนของนางที่ทนเห็นนางนั่งเศร้าอยู่คนเดียวไม่ไหวแอบโทร.มาบอกพวกเรา พวกเราเลยรีบนั่งเครื่องมาหานาง แล้วบ่นนางยกใหญ่เชียว แต่นางกลับไม่มีแม้แรงจะโต้กลับด้วยซ้ำ นางทำได้แค่วิ่งเข้ามากอดพวกเราไว้แล้วร้องไห้ออกมา ตอนนั้นพวกเราจึงได้รู้ว่านางคงกลั่นน้ำตามาหนักมากจริงๆ เลยปล่อยให้นางร้องไห้จนเผลอหลับไป ตื่นขึ้นมาก็ยังซึมๆ หลังเสร็จศพ พวกเราตัดสินใจมาอยู่กับนางทุกวันจนเปิดเทอม แต่ดูเหมือนนางที่ตอนนี้เราเรียกว่าอาจารย์​แม่ไปแล้ว เพราะนางไม่มีลูก แล้วสามีก็เพิ่งเสีย เราคิดว่ามีเด็กๆมาเรียกนางว่าแม่บ้างคงจะดีไม่น้อย แต่เด็กที่ว่าคือก้อนมหาประลัยทั้งเจ็ดเนี้ยสิ พอแทนกันได้แหละเน้อะ แฮะๆ เราเลยตัดสินใจเรียกกันแบบนั้น ยังคงทำใจไม่ได้ อีมณีรัตน์ชะนีหนึ่งเดียวในกลุ่มก็บอกว่าให้ลองย้ายไปอยู่ให้บ้านพักที่มหาลัยจัดไว้ให้มั้ย วันใหนทำใจได้แล้วค่อยกลับมาก็ได้
นั้นทำให้เราได้รู้ว่าอิมณีเพื่อนรักก็เคยเสียพ่อแม่ไปเพราะอุบัติเหตุ​เหมือนกัน ตอนแรกมันก็ทำใจไม่ได้จนยายของมันมาพูดประโยคนี้กับมันแล้วชวนมันไปอยู่ด้วยมันจึงได้ดีขึ้น อาจารย์แม่ได้ยินดังนั้นก็ร้องไห้โหอีกรอบ แล้วดึงอีมณีเข้ามากอด เล่นเอาเราร้องไห้กันหมดอีกรอบเหมือนกัน และใช่ครับ ตั้งแต่วันนั้น อาจารย์​แม่นางเลยย้ายมาอยู่บ้านพักของมหาลัย นางก็เลยค่อยๆดีขึ้น จนถึงตรงนี้หลายคนอาจคิดว่าเราไม่สุภาพ ไม่เคารพผู้ใหญ่ก็ช่างเขาครับ ใจเรารู้ดีที่สุดก็พอแล้ว แต่ตอนนี้นั้นนนนน เอิ่ม!
"อะไรกันเนี้ยคุณขวัญทิพย์จะเก็บไว้ใส่ยันปีหน้าเลยเหรอ คนละสิบผืนมันหกสิบผืนเลยน้าาาา ผ่อนได้ป่ะ วันนี้รำแค่หนึ่งสองสามสี สิบคนเอง คนละสองผืนก่อนแล้วกันเน้อะ แหะๆ" เอิ่มอิติณกูปูเรื่องมาซ่ะดิบดีมึงหักดังเปลาะเล้อะไอ้สัส!
"ยัง ยังๆยังจะมาต่อรองไปเลยไป๊ ไปจัดการให้เรียบร้อย นับไว้นุ้งหางหงส์*⁴วันนี้ด้วยนะ สิบผืน สวยๆจับคู่ไว้ด้วย พวกแกก็จับจีบหน้านางไว้รอเลยสวยๆ ย้ำสวยๆ" แหนะ สุดท้ายก็ยอมมัน แม๊! ยืนด่ามาตั้งนาน สุดท้าย! อะไรกันเนี้ย เห้อออ ปัณณ์เบื่อ!
"ปัณณ์ มาหาแม่หน่อย"
" ครับแม่"
"แหนะ แซนวิชในกล้องทัพเพอร์แวร์ แสดงว่าไม่ได้ซื้อมาาาา หรือว่าาาา.... "
" แม่ก็เอากับพวกมันด้วยเหรอเนี้ย พอเลย มีไรครับ"ลองนึกภาพ ด็อกเตอร์ที่อายุสี่สิบจะห้าสิบอยู่รอมร่อมาแซวเด็กอายุยี่สิบสามจะมีแฟนสิครับ เห้ออออ เขินนน อ้าวว เป็นไป
" นิดหน่อยนาาาา เพื่อความสุขของชีวิต"
" จ้าาาแม่ สรุปว่า? อย่าบอกหน่ะ ว่ามีงานนะ ค่าจ้างเท่าไหร่แม๊ะ ว่ามาสิ"ผมเริ่มเดาเมื่ออาจารย์แม่ยังคงไม่เลิกแซว
"ใช่ค่าตัวดีมากกกก แต่งานคือวัน..."
"วันเสาร์ไม่ได้นะแม่มีนัดแล้ว!" ผมรีบแทงสวนไปก่อนหนึ่งแมท ก็นัดใดเล่าจะเท่านัดผู้ชายอะเน้อะ เสียการเสียงานไม่ว่า เสียผู้ชายข้าไม่ยอมจริงๆจ้าาาาแหะ...
" ฮันแนนนนนนน"ก้อนที่เหลือก็คือเหมือนปล่อยคิวจ้ะ พร้อมเพรียงยิ่งกว่า มึงช่วยเกรงใจน้องๆกันหน่อยเห้อะ กูพ้ากกกกก!
" พอจ้ะ ไม่ต้องแซวนัดธุรกิจเว้ยยยย จะไปคุยเรื่องหุ้นร้านขนมหน่อยนะ" ผมตอบความจริงนะ แค่ไม่หมด
โห้วววว! หัดทำธุรกิจวะ สวนทุเรียนที่บ้านขาดทุนจนต้องทำงานเลี้ยงตัวเองละเหรอ โอ้ยน่าสงสาร มามาให้กูกอดปลอบที"คุณติณณภพเจ้าเก่าเจ้าประจำครับ เพื่อน... มันปากเสียแบบนี้แหละค่ะอย่าไปสนใจ...
"ถ้าไม่มีน้องนะมึงกูจะเอาตีนยัดปากให้" ผมกัดฟันพูด
"แหม่! ทำมาดุปัดโถ้ะ" ดูมันครับดูมัน ยังมีหน้ามาเบ้ปากใส่ผมอีก
"ทำงานไปพวกมึงอะ" ผมว่า
"อะกัดกันเสร็จแล้วเน้อะ สรุปว่างานคือวันจันทร์จ้ะ หายห่วง เป็นงานวัฒนธรรมสี่ถาค เค้าต้องการจากเราสองชุด ที่บรีพมาคือภาคใต้กับอีสาน โอเคมั้ยถ้าไม่โอเคเปลี่ยนได้ รับมั้ยคุณประธาน" อาจารย์แม่ถามผมแหละ แต่เสียงคือดังไปถึงหกก้อน เอ้ยหกคนนู้นแล้วแหละ
"ว่าไงพวกมึง"ผมถามความเห็นเพื่อน
" รับ"ตอบพร้อมกันโดยมาฆะ*เลยนะพวกเหี้ย
"ตามนั้นแหละจ้าาา"เห้อออ สรุปใครประธานนะ แต่เอาเถอะยึดหลักประชาธิปไตยเน้อะ
" โอเคเดียวแม่คอนเฟิร์มเลย เราก็หาน้องๆเพื่อนๆรีบมาซ้อมเลยนะ พรุ่งนี้วันนึงกับมะรืนอีกวันไหวนะ สองชุดเอง" อาจารย์แม่ถาม ผมเหล่ตาไปทางพวกเพื่อนๆ
"ไหวจ้าาาา!" พวกมันตอบ
"ดีงั้นงานวันนี้เสร็จแล้วอยู่ประชุมต่อกันสักหน่อยนะ หาไรมากินกันหน่อย" ประโยคหลังอาจารย์กระซิบเบาๆเพราะกลัวคนอื่นว่าลำเอียง ซึ่งก็เออลำเอียงแหละ ฮ่าฮ่าฮ่า ว่าปั๊ยยยยย!
หลังจากนั้นผม มณี ฉัตรกับอีอังและน้องคนอื่นๆก็เริ่มซ้อมรำซัดชาตรีและต่อท่าให้น้องปีหนึ่งที่ลงเรียนกับอาจารย์แม่ไปด้วย รำซัดชาตรีเป็นรำที่อิงมาจากทางใต้ เพราะฉะนั้นจังหวะก็คือ เริ่ด! ลิ้นห้อยจ้ะ นี่แค่รอบเดียวเองนะแม่!
" เห้อออ เหนื่อยเป็นบ้านี่แค่ซ้อมเองนะ ดูท่าจะแก่ไปแล้วจริงๆ" ไอ้อังบ่นโดยที่มีไอ้ฉัตรคอยซับเหงื่อให้ทั้งที่ตัวเองก็เหงื่อโซกไม่ต่างกัน แหน่ะ ไม่ต้องจิ้น มันเป็นแฟนกันแหละ ถามว่าตั้งแต่ตอนใหนก็คือหลังจากต่อยกันครั้งนั้นแหละ สรุปได้ความว่าไอ้ฉัตรหึงไอ้อังที่ตอนนั้นเป็นแค่เพื่อนแล้วไอ้ฉัตรไปม้อหญิงกับเพื่อนอีกกลุ่มนึง เอิ่มม คือความแมนๆเตะบอลครัชอะเน้อะ ไม่พูดกันให้รู้เรื่องก่อน เอะอะต่อยกันเลยเงี้ย สู้พี่คินก็ไม่ได้ มีขอจีบด้วย ว้ายไอ้บ้าพูดแล้วก็เขิน งื้ออออ อะได้ข่าวบอกว่าจะมา เมื่อไรจะมาเนี้ยคิดถึงแล้วนะ เดียวก่อนไปถึงตรงนี้ได้ไงเนี้ย เห้ออออ เป็นหนักเหมือนกันนะ
"อีปัณณ์ลุกขึ้นมาซ้อมค่ะอีประธานหนหวย" มณีเพื่อนรักเรียกไปซ้อมแล้วครับ ไปล่ะเห้ออออ ตอนนี้ขอเห็นด้วยกับอีฉัตรแล้วนะเหนื่อยจังเลยอะแม่!
​~จบตอน~
หมายเหตุ
*¹นครศรีธรรมาโศกราช คือจังหวัดนครศรีธรรมราช ในที่นี้นำพระนามของพระมหากษัตริย์​ของหัวเมืองตามพรลิงค์​ผู้สถาปนานครศรีธรรมราช คือพระเจ้าศรีธรรมาโศกราชมาสมาธิใหม่ให้เกิดอรรถรถในการอ่านหากผิดพลาดประการใดต้องขออภัยมา ณ ที่นี้
*²อ้างอิงมาจากรามเกียรติ์​ตอนองคตส่งสารครับ ไปหาอ่านเอาเองเน้อะ
*³จีบผ้ายก คือการจีบหน้านางผ้านุ้งของนางรำฝ่ายตัวนาง
*⁴นุ่งหางหงส์ คือการนุ้งผ้านุ้งของนางรำฝ่ายตัวพระ
*มาฆะ คือชื่อดาวฤกษ์​ที่สิบ และการเรียกเดือนสาม แต่ในที่นี้พ้องกับใช้พ้องกับความหมายของวันมาฆะบูชาที่มีพระสงฆ์​๑๒๕๐รูปมาประชุมกันโดยมิได้นัดหมาย จึงหมายความพร้อมเพรียงนั้นเองครับ
เราจะเปิดให้อ่านฟรีจนจบเลยน้า แต่คือเนื่องจากเราก็คือเด็กที่กำลังหาเงินเลี้ยงดูปูเสื่อตัวเองอยู่่ ถ้าสมมติใครสงสารและเห็นใจ สามารถโดเนทเป็นค่าขนมเล็กๆ น้อยๆ ได้ที่...
142-1-32689-1
นายพัฒนฐิติกรณ์ แสงสุวรรณ์
ธ.กรุงศรี
0936488476
TrueMoney
หรือโดเนทตามปกติของระบบได้เลยน้าาา^-^
ด้วยรัก
pagerP.
ยังไม่ตรวจคำผิด
โฆษณา