26 ม.ค. 2021 เวลา 12:15 • นิยาย เรื่องสั้น
"โอ่งซ่อนศพ..!! เรื่องเล่าสุดสยองที่ต้องจำจนตาย"
.
เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นที่บ้านหลังหนึ่งแถวภาคตะวันออก เมื่อประมาณเจ็ดปีที่ผ่านมา
คุณเอทำอาชีพขายผลไม้ดอง โดยการดองผลไม้เองแล้วขายส่งตลาดใหญ่ เขาอาศัยอยู่กับคุณพ่อคุณแม่และลูกจ้างอีกจำนวนนึง ซึ่งปกติคุณพ่อคุณแม่จะไปเฝ้าที่ตลาดใหญ่ทั้งวัน แล้วช่วงกลางคืนก็จะกลับมานอนที่บ้าน..
ลูกจ้างมีทั้งหมดสี่คน คือป้าสีกับลุงชัย ที่มีหน้าที่ปอกผลไม้กับเฝ้าแผงที่ตลาด และอีกสองคนอยู่ที่บ้าน ชื่อพี่เป้กับกอแก้ว ทำหน้าที่ล้างและดองผลไม้
จนอยู่มาวันนึง ป้าสีก็ได้พาหลานชายมาฝากทำงานด้วยอีกคนหนึ่ง ชื่อพี่ชาย โดยได้ข่าวว่าพี่แกเพิ่งจะพ้นโทษออกมาจากคุกในคดียาเสพติด
บ้านที่คุณเออยู่จะเป็นบ้านเดี่ยวสองชั้น มีรั้วล้อมรอบ ชั้นหนึ่งจะมีสามห้องนอน คนงานทั้งหมดจะพักอยู่ที่ชั้นหนึ่ง ส่วนหลังบ้านจะเป็นที่วางโอ่งดองผลไม้ ซึ่งมีอยู่หลายสิบโอ่งด้วยกัน
พี่เป้ซึ่งเป็นสามีของแก้ว พอตกเย็นมามักจะชอบนั่งดื่มเหล้าทุกวัน ไม่ค่อยสนใจภรรยา และเมื่อมีพี่ชายเข้ามาทำงานด้วย พี่เป้จึงเริ่มมีปากเสียงกับแก้วหนักขึ้นเรื่อยๆ เพราะเกิดอาการหึงหวง เหตุการณ์เป็นแบบนี้อยู่ประมาณหนึ่งอาทิตย์..
จนเช้าวันหนึ่ง คุณเอเดินลงมาที่ชั้นล่างและบอกให้พี่เป้ไปตักผลไม้ดองเพื่อเอาไปส่งที่ตลาดเหมือนเช่นทุกวัน แต่เมื่อลงมาถึงก็เจอพี่เป้นั่งอยู่คนเดียว คุณเอจึงถามออกไปว่า
"อ้าว.. แล้วชายกับแก้วมันไปไหน ทำไมถึงไม่มาช่วยกัน"
แล้วอยู่ๆ พี่เป้แกก็น้ำตาไหลสะอึกสะอื้น ตอบคุณเอว่า
"ไอ้ชายกับอีแก้วมันหนีตามกันไปแล้ว"
พี่เป้แกปล่อยโฮอยู่พักใหญ่ คุณเอก็ยืนนิ่งไม่รู้จะปลอบยังไง เพราะยังไม่รู้ว่าเรื่องมันเป็นมายังไงกันแน่
พี่เป้พูดทั้งน้ำตาว่า
"เดี๋ยววันนี้ผมจะขอลางานนะพี่ ว่าจะไปตามหาอีแก้วมันสักสองสามวัน เดี๋ยวให้ลุงชัยแกเข้ามาช่วยงานในบ้านไปก่อนนะพี่.."
คุณเอเห็นแล้วก็รู้สึกสงสารจึงอนุญาตให้ไป แต่ก่อนที่พี่เป้จะไป คุณเอก็พูดขึ้นว่า เอ็งก็อย่าคิดสั้นนะ อย่าทำร้ายร่างกายกัน ถ้ามีอะไรก็คุยกันดีๆ..
เหตุการณ์ก็ผ่านไป จนตกดึกคืนนั้น ขณะที่คุณเอนอนอยู่บนบ้าน มารู้สึกตัวตื่นขึ้นมาเวลาประมาณตีหนึ่งกว่าๆ เพราะเห็นเหมือนว่ามีเงาอะไรบางอย่าง มาอยู่แถวๆ ปลายเท้า
คุณเอจึงเพ่งมองฝ่าความมืดไป ปรากฏว่าเห็นเป็นร่างดำๆ ของผู้ชายคนหนึ่ง กำลังนั่งกอดเข่าคุดคู้โยกตัวไปมาอยู่ พร้อมกับมีเสียงร้องไห้ทุ้มๆ ต่ำๆ ลอยออกมาจากเงานั้นด้วย..เสียงดัง
ฮือออ..ฮือออออออออ...
คุณเอใจหายวูบ ตอนนั้นกลัวจนหูตาสว่าง รีบหดขากลับเข้ามาในผ้าห่ม คิดในใจว่าอยู่บ้านนี้มาตั้งแต่เกิด ไม่เคยเจออะไรแบบนี้เลยสักครั้ง
ส่วนเงาปริศนาก็ยังคงนั่งโยกตัวไปมาอยู่อย่างนั้น และส่งเสียงร้องไห้อย่างโหยหวน น้ำเสียงมันช่างเศร้าและเย็นยะเยือกจนเสียดแทงไปถึงขั้วหัวใจ จนคุณเอเริ่มจะทนนอนฟังอยู่นิ่งๆ ต่อไปไม่ไหวแล้ว จึงตัดสินใจคว้าไฟฉายที่วางอยู่บนหัวนอนมาส่องดูให้มันรู้แล้วรู้รอดไป...
แต่เมื่อคุณเอเปิดไฟฉายส่องไป ปรากฎพบแต่ความว่างเปล่า เงาดำนั้นกลับหายไปอย่างไร้ร่องรอย..เหมือนว่าไม่ได้มีใครนั่งอยู่ตรงนั้น
คุณเอยังคงส่องไฟฉายไปตามมุมต่างๆ ภายในห้อง กลัวว่าสิ่งนั้นมันจะยังซุกซ่อนอยู่ในซอกไหนสักแห่งในห้องนี้รึเปล่า แต่หาเท่าไหร่ก็ไร้วี่แวว
คุณเอจึงล้มตัวลงนอนทั้งๆ ที่เหงื่อยังท่วมตัวเพราะความหวาดกลัว หายใจหอบถี่ๆ พลางคิดว่าสิ่งที่เกิดขึ้นมันคืออะไรกันแน่
เช้าวันรุ่งขึ้น คุณเอยังไม่ได้เล่าเรื่องนี้ให้คุณพ่อกับคุณแม่ฟัง เพราะตื่นมาท่านก็ไปตลาดเสียแล้ว กว่าจะกลับมาก็คงค่ำ ถึงเวลานอนของคุณเอพอดี
และในคืนนั้นเอง คุณเอก็ต้องสะดุ้งตื่นขึ้นมากลางดึกอีกครั้ง เพราะได้ยินเสียงร้องไห้ของใครบางคนอีก ฮือออ..ฮือออออออออ...
เมื่อคุณเอมองไปทางต้นเสียง ปรากฏว่าเห็นเป็นเงาของผู้ชายในลักษณะเหมือนเมื่อคืนวาน เขากำลังนั่งกอดเข่าโยกตัวอยู่ข้างๆ หมอน ครั้งนี้มันใกล้จนได้กลิ่นเหม็นเน่าอย่างรุนแรง จนแทบอยากจะอาเจียนออกมา
คุณเอทนต่อไปไม่ไหว รีบกระโดดลุกขึ้นไปเปิดไฟทันที และเมื่อห้องทั้งห้องสว่างโร่ ก็ไร้ซึ่งวี่แว่วของร่างนั้นอีกเช่นเคย..!!
คุณเอเริ่มเอะใจขึ้นมาว่า ผู้ชายคนนั้นเป็นใครกันแน่ แล้วทำไมถึงต้องมารังควานกันแบบนี้ ตนเองก็ไม่เคยไปเบียดเบียนใครมาก่อน แต่นึกเท่าไหร่ก็นึกไม่ออกว่าเป็นใครกันแน่ เกี่ยวข้องยังไงกับตนเอง..
เช้ารุ่งขึ้นก็มีออเดอร์ชุดใหญ่เข้ามา จึงต้องนำผลไม้ดองไปส่งให้ที่ตลาดใหญ่ คุณเอจึงเดินไปตักผลไม้ที่ดองอยู่ในโอ่งหลังบ้านด้วยตนเอง ด้วยการตักใส่ถัง ตักไล่มาเรื่อยๆ จนมาถึงโอ่งที่สี่ เมื่อคุณเอเปิดฝาโอ่งแล้วหยิบขันลงไปตักผลไม้ดอง แต่มันเหมือนติดอะไรบางอย่าง คุณเอจึงลองชะเง้อลงไปดู..
และภาพที่เห็นตรงหน้าทำให้คุณเอตกใจสุดขีด.. ปรากฏว่าเขาเห็นหัวคนโผล่ขึ้นมาเหนือน้ำดองในโอ่ง ประมาณครึ่งหน้าผาก..!!
คุณเอตกใจจนผงะหงายหลัง ร้องโวยวายลั่นบ้าน จนลุงชัยวิ่งเข้ามาดู จึงพบว่าเป็นศพใครก็ไม่รู้อยู่ในโอ่ง..!! จากนั้นจึงแจ้งตำรวจและแจ้งมูลนิธิให้มาช่วยเก็บศพ
เมื่อมูลนิธินำศพขึ้นมาจากโอ่ง ปรากฏเป็นศพพี่ชายนั่นเอง..!!
ลักษณะศพซีดบวมจนแทบจะจำเค้าโครงเดิมไม่ได้ ถูกมัดแขนมัดขา แล้วมัดรวบให้เข่าชนกับหน้าอกอีกที ในลักษณะนั่งยองๆ
คุณเอมองแล้วทำให้คิดถึงเงาของผู้ชายที่มาให้เห็น มาร้องไห้ เพราะดูไปดูมา ท่าทางก็คล้ายกันมากๆ..!!
พอป้าสีรู้ข่าวว่าหลานชายแกเสียชีวิต ก็ร้องห่มร้องไห้ โทษตัวเองว่าพาหลานชายมาตายแท้ ๆ
จนเมื่อตำรวจสอบสวนไปมาก็ได้ความว่า สงสัยจะเป็นฝีมือของพี่เป้ แกอาจจะฆ่าพี่ชายแล้วพาแก้วหนีกลับบ้านต่างจังหวัดไปก็เป็นได้
ตำรวจจึงทำการบุกไปตามตัวพี่เป้ที่บ้านต่างจังหวัด และจับกุมตัวได้ในเวลาอันรวดเร็ว ปรากฏว่าจับได้เพียงแค่พี่เป้คนเดียว ส่วนกอแก้วไม่ได้อยู่ที่นั่นด้วย ตำรวจจึงนำตัวพี่เป้ไปสอบสวน แต่พี่เป้ก็ยังไม่ยอมบอกตำรวจว่าภรรยาอยู่ที่ไหน
ในระหว่างนั้นเอง คุณแม่ของคุณเอเกิดเอะใจขึ้นมายังไงไม่รู้ จึงได้ไปเปิดฝาโอ่งทั้งหมดออกดู ปรากฏว่าเจอศพของแก้วซุกอยู่ในโอ่งท้ายๆ ในลักษณะท่าทางเหมือนกัน คือถูกมัดแขนขาแล้วมัดรวบให้เข่าชนกับหน้าอก..!!
หลังจากจบเรื่องแล้ว ทางบ้านคุณเอจึงทำบุญบ้านกันยกใหญ่ ทิ้งผลไม้ดองทั้งหมด แล้วนำเอาโอ่งที่ซุกศพทั้งสองใบไปทิ้งเดี๋ยวนั้นเลย
ผลการชันสูตรศพของทั้งสองออกมาว่า พี่ชายมีแผลเหมือนโดนของแข็งทุบบริเวณท้ายทอย ส่วนกอแก้วเสียชีวิตเพราะขาดอากาศหายใจ
2
สุดท้ายพี่เป้ก็ยอมรับสารภาพกับตำรวจว่า ได้เอาหมอนกดที่หน้าของกอแก้วจนเสียชีวิตแล้วจับมัดมือมัดเท้า จากนั้นก็แอบดักรอพี่ชาย เมื่อสบโอกาสจึงใช้ไม้ทุบเข้าที่ท้ายทอยจนสลบ จากนั้นก็จับมัดมือมัดเท้า หย่อนทั้งสองลงในโอ่งดองผลไม้ แล้วตัวเองก็รีบหนีไปต่างจังหวัดเพราะกลัวความผิด..
ส่วนสาเหตุที่ต้องฆ่าแกงกันแบบนี้ ก็เพราะพี่เป้แกหึงหวง กลัวว่าพี่ชายจะมาแย่งพี่แก้วไปจากแก ก็เลยทำเช่นนั้น และนี่ก็คือเรื่องราวทั้งหมด.....#อย่าลืมกดติดตามนะครับ
โฆษณา