26 ม.ค. 2021 เวลา 12:39 • นิยาย เรื่องสั้น
เรื่อง “คัมภีร์เก้าบุปผา”
ตอนที่ 17
ความเดิมตอนที่แล้ว
สำนักหงส์อัคคีถูกโจมตีจากกลุ่มคนลึกลับกลุ่มนึงจึงส่งผลให้แม่ชีตาเดียวหลิงเซียงต้องจบชีวิตลง
กีเฮียวพู้ศิษย์เอกแห่งสำนักหงส์อัคคีจึงต้องขึ้นมาดำรงตำแหน่งเจ้าสำนักคนใหม่
เซียวอี้ และพรรคพวก จึงได้ ทำพิธีศพให้กับแม่ชีหลิงเซียงอย่างสมเกียรติและยังทำพิธีการเข้ารับตำแหน่งเจ้าสำนักคนใหม่
ให้กับกีเฮียวพู้ด้วย
ในขณะนั้นเองก็มี ศิษย์สำนักมังกรฟ้า จำนวน 5 คนเดินทางมายังสำนักหงส์อัคคี
แล้วคลี่ ป้ายคำสั่ง จากเจ้าสำนักมังกรฟ้าออกมาอ่านใจความสำคัญว่า
ในวันพรุ่งนี้ จะมีการประชุม 3 สำนักกระบี่ สำนักมังกรฟ้าจึงขอเรียนเชิญให้สำนักหงส์อัคคีเข้าร่วมการประชุม
เมื่ออ่านจบ 1 ใน 5 คนนั้นจึงกล่าวขึ้นว่า
ผู้น้อยขอเป็นตัวแทนสำนักมังกรฟ้า กล่าวแสดงความเสียใจต่อการจากไปของ
แม่ชีหลิงเซียงด้วย
ว่าแล้วทั้ง 5 คนก็เดินทางจากไป...
เซียวอี้และพรรคพวกจึงได้ขอลากับ
เจ้าสำนักกีเฮียวพู้และเดินทางจากไป
กลุ่มของเซียวอี้ได้เดินทาง ไปตั้งฐานทัพบนเนินเขา ณ บ้านร้างแห่งหนึ่งโดยมีกองกำลัง 5 กองธงตั้งอยู่ล้อมรอบ
ในระหว่างที่ทุกคนกำลังพักผ่อนกันอยู่นั้นกังปิ่นก็ได้ตะโกนเสียงดังขึ้นพร้อมกับอาการที่หนาวเย็น ด้วยความทุกข์ทรมาน แม้ความร้อนจากไฟก็ไม่อาจทำให้ทุเลาได้
เซียวอี้จึงต้องรีบถ่ายทอดพลังภายในเพื่อโคจรพลังต้านพิษเย็น แต่ไม่คาดคิดพิษเย็นกับสะท้อนเข้ามาหาเซียวอี้แทน
ทูตซ้ายทูตขวาที่เห็นดังนั้นจึงรีบเข้ามาแล้วถ่ายทอดพลังผ่านเซียวอี้ไปหากังปิ่นเพื่อสยบพิษเย็น แต่เกินคาดยิ่งนักพิษเย็นกลับมีอานุภาพรุนแรงมากยิ่งขึ้น
ทำให้ 4 ผู้คุมกฎที่เหลืออยู่จึงต้องรวมพลังกันแล้วถ่ายทอดผ่านทูตซ้ายขวาผ่านเซียวอี้และมาสยบพิษเย็นในร่างกังปิ่นอีกทีนึง
เวลาผ่านไปประมาณครึ่งท่อนวันจนในที่สุดก็สามารถระงับพิษเย็นไว้ได้
เตียเมี่ยงจึงได้พูดขึ้นว่า นี่แค่ผ่านไป 3 วันเองแต่พิษเย็นกลับมีอนุภาพร้ายกาจถึงเพียงนี้ ทั่วยุทธภพ ณ เวลานี้อาจจะไม่มีใครที่ช่วยเหลือ แม่นางกังปิ่นแล้วก็ได้
ตัดภาพมาที่งานประชุม
3 สำนักกระบี่ได้เดินทางมาร่วมกันประชุมณ เขาหัวซาน โดยในครั้งนี้สำนักเส้าหลินและบู๊ตึ๊งไม่ได้เดินทางมาเข้าร่วมด้วย
เนื่องจากเส้นทางทุรกันดารและไกลหลายร้อยกิโลเมตรซึ่งถ้าจะมาทันต้องเป็นอีก 3 วันข้างหน้า
การประชุมเริ่มขึ้นโดยเจ้าสำนักจางเหลียงได้กล่าวขึ้นว่า
ทุกท่านคงจะเห็นกันแล้วว่า ณ เวลานี้
พรรคสุริยันจันทราหรือว่าพรรคมาร
มีความเข้มแข็งยิ่งนักได้แพร่ขยายอิทธิพลไปทั่วยุทธภพ
นับเป็นเรื่องที่น่ากังวลยิ่งนักด้วยเหตุนี้
ข้าจึงได้เชิญทุกท่านมาร่วมกันหารือเพื่อหาแนวทางในการป้องกัน
ข้าเองได้คิดไว้แล้วว่าเราควรที่จะนำ
3 สำนักกระบี่รวมเข้าเป็นสำนักเดียวกันภายใต้ชื่อ “สำนัก 3 ขุนเขากระบี่”
ด้วยเหตุนี้เราก็จะเป็นสำนักที่ยิ่งใหญ่ไปไม่น้อยหน้ากว่าเส้าหลินและบู๊ตึ๊ง ทุกท่าน
จะว่าเช่นไร
เจ้าสำนักกีเฮียวพู้จึงกล่าวขึ้นว่า
ผู้น้อยแม้จะเป็นเจ้าสำนักหงส์อัคคี
แต่ด้วยอายุที่ยังวัยเยาว์ก็นับได้ว่า
เจ้าสำนักท่านอื่นเป็นผู้อาวุโสข้าน้อยก็ไม่อยากที่จะออกความเห็นอะไรมาก
แต่อดีตเจ้าสำนักซึ่งเป็นอาจารย์ของข้าน้อยได้กล่าวไว้ว่าการที่เราจะยอมยุบสำนักของเราที่มีประวัติยาวนานหลายร้อยปีแล้วไปรวมกับสำนักอื่นนั้นหาควรไม่รากฐานยาวนานตั้งแต่ปรมาจารย์ผู้ก่อตั้ง
ก็จะสูญหายไปตลอดกาล
มาถึงตรงนี้ท่านเจ้าสำนักจางเหลียง
คงจะเข้าใจความหมายของผู้น้อยนะ
ฮ่าๆๆเจ้าสำนักเอี้ยเทียนจึงกล่าวขึ้นว่า
ความคิดเห็นของอดีตเจ้าสำนักผู้เป็นอาจารย์ของท่าน ตรงใจข้ายิ่งนัก
แต่ข้าว่าถ้าเรารวมแค่กองกำลังมิได้รวมสำนักประวัติศาสตร์หลายร้อยปีก็ไม่น่าจะสูญหาย ข้าเห็นด้วยในเรื่องการรวมกองกำลังเป็นหนึ่งเพื่อต่อต้านพรรคมาร
แต่ไม่เห็นด้วยกับการรวมสำนักแล้วจะทำให้รากฐานประวัติศาสตร์หลายร้อยปี
ถูกทำลายลง
เจ้าสำนักจางเหลียงจึงพูดขึ้นว่าถ้าอย่างนั้นเราก็รวมแค่กองกำลังก่อนก็ได้สัก 10 ปีข้างหน้าค่อยรวมเป็นสำนักแบบสมบูรณ์
ก็ยังไม่สาย
เมื่อทุกท่านเห็นพ้องต้องกันเช่นนี้ข้าก็ขอประกาศก่อตั้ง“สำนัก 3 ขุนเขากระบี่”
ณ เวลานี้
ต่อไปจะเป็นการคัดเลือกเจ้าสำนักใหญ่แห่งสำนัก 3 ขุนเขากระบี่ข้าขอเสนอให้จัดการประลองยุทธขึ้นใครที่มีวรยุทธสูงสุดก็จะได้เป็นเจ้าสำนักใหญ่ ทุกท่านว่าอย่างไร
2 เจ้าสำนักจึงตอบเห็นด้วยอย่างยิ่ง
ตัดภาพไปที่กลุ่มของเซียวอี้
ในตอนนี้เซียวอี้ได้รับข่าวสารว่า
3 สำนักกระบี่ได้นัดกันชุมนุมเพื่อก่อตั้ง
สำนัก 3 ขุนเขากระบี่
และในตอนนี้กำลังจะประลองยุทธกันเพื่อคัดเลือก “เจ้าสำนักใหญ่”
เซียวอี้พร้อมด้วยทูตซ้ายทูตขวา จึงเร่งเดินทางไปยังเขาหัวซานเพื่อไปสังเกตการณ์
โดยให้ 4 พญาผู้คุมกฎและ 5 กองธงอยู่บัญชาการที่หุบเขานี้
ส่วนเตี่ยเมี่ยงให้ดูแลกังปิ่นอย่างใกล้ชิด
เมื่อเดินทางไปถึงยังหุบเขาหัวซานแล้ว
ทั้งสามคนจึงไปแอบอยู่ในพุ่มไม้แห่งหนึ่ง
คอยดูสถานการณ์ ในระหว่างนั้นเอง
ทูตซ้ายก็ปิ๊งความคิดหนึ่งขึ้นมาได้
แล้วพูดว่าข้าเข้าใจเรื่องราวทั้งหมดแล้วผู้ที่ลงมือกับสำนักคุ้มภัยและสำนักหงส์อัคคี
จะต้องเป็นเจ้าสำนักจางเหลียงอย่างแน่นอน
เหตุการณ์เป็นแบบนี้เจ้าสำนักจางเหลียงและ6ทูตศักดิ์สิทธิ์ปลอมตัวเป็นชายชุดดำแล้วก็ไปรอบโจมตีสำนักคุ้มภัย
หลังจากนั้นก็เขียนใส่ร้ายป้ายสีพรรคสุริยันจันทราแล้วต่อด้วย ไปโจมตีสำนักหงส์อัคคีเพื่อกำจัดเสี้ยนหนามที่น่าจะเป็นภัย
แล้วแผนขั้นสุดท้ายก็คือจัดงานชุมนุมนี้ขึ้นมาเพื่อก่อตั้งสำนัก 3 ขุนเขากระบี่แล้วก็ให้จัดงานประลองขึ้นเพื่อคัดเลือก
เจ้าสำนักใหญ่
โดยถ้าเจ้าสำนักจางเหลียงชนะในครั้งนี้ตำแหน่งเจ้าสำนักใหญ่ก็จะตกเป็นของเขาเท่ากับว่า เขาจะกลายเป็นจอมยุทธแนวหน้าของยุทธภพในทันที
เซียวอี้จึงพูดว่า สิ่งที่ท่านทูตซ้ายคิดอาจจะถูกต้องก็ได้...
ตัดภาพกลับไปที่งานชุมนุม...
คู่แรกเจ้าสำนักจางเหลียงได้ท้าให้เจ้าสำนักกีเฮียวพู้ออกมาประลองเจ้าสำนักกีเฮียวพู้จึงตอบตกลงแล้วพูดว่า ท่านผู้อาวุโสโปรดยังมือไว้ไมตรีด้วย...
ว่าแล้วเจ้านักกีเฮียวพู้ก็ชักกระบี่แล้วพุ่งไปโจมตีเจ้าสำนักจางเหลียง เจ้าสำนักจาง
เหลียงแทบไม่ต้องชักกระบี่ ใช้เพียงกระบี่ที่ไม่ได้ถอดฝักเข้าไปประลอง
ทั้งคู่เข้าประลองยุทธกัน ต่างใช้ออกด้วยยอดเพลงกระบี่ของแต่ละสำนักทั้งคู่สู้กันอยู่นานถึง 70 กระบวนท่า แต่ด้วย เจ้าสำนักจางเหลียงอาวุโสกว่าจึงมีกำลังภายในที่เหนือกว่า
พอถึงกระบวนที่ 71 เจ้าสำนักจางเหลียงก็พลิกล็อคใช้ฝักกระบี่ ฟันกระบี่ของเจ้า
สำนักกีเฮียวพู้หักจึงเป็นเหตุให้เจ้าสำนัก
กีเฮียวพู้พ่ายแพ้
จบตอนที่ 17
โฆษณา