27 ม.ค. 2021 เวลา 01:40 • ภาพยนตร์ & ซีรีส์
นายไม่อ่านหนังสือ นายจะไปรู้อะไร ?
มีน้องคนนึงข้อความมาบอกกับเราว่า...“หนูกำลังหัดเขียนบท โดยที่เขียนจากความรู้สึกล้วนๆ เพราะไม่ชอบอ่านหนังสือ ไม่อ่านนิยาย แต่ชอบดูหนัง ดูละคร โดยไม่มีแนวความรู้เกี่ยวกับ “การเขียนบทละครโทรทัศน์” เลยแต่อยากลอง จนมาเจอเพจพี่ ทำให้หนูได้ฉุกคิด เพจพี่ดีค่ะ”
หูยยยย เอาจริงๆนะถ้าไม่มีคำว่า “เพจพี่ดีค่ะ” ก็คงไม่เอามาโพสต์ต่อในนี้ 5555
จริงๆตอบน้องไปทางข้อความบ้างแล้วเรื่องให้ ขยันอ่าน ขยันเขียน บวกกับช่วงนี้ยุ่งๆอยู่เลยไม่มีเวลาอธิบายอะไรเยอะ เคยเจอประเด็นแบบนี้ตอนไปเป็นอาจารย์พิเศษ “สอนเขียนบท” ตอนนั้นใช้วิธีมาเขียนระบายผ่านเฟชบุ๊กส่วนตัวเอาไว้ โชคดีที่ยังอยู่ และหวังว่าน้องๆจะยอมอ่านหนังสือเกิน 8 บรรทัด อีกสักครั้ง...
คือถ้าคิดจะเขียน บทหนัง บทละครโทรทัศน์ หรือบทซีรีส์ บทหนังสั้น บทสารคดี อะไรก็เถอะ
ความรู้นอกห้องเรียน โคตรจะสำคัญเลยครับ...แล้วนี่อะไร ? หนังไทยก็ไม่ดู ซีรี่ย์ฝรั่ง ซีรี่ย์เกาหลีก็บอกไม่มีเวลาว่าง ไม่มีเวลาดู หนังสือเล่มโปรดก็ไม่มี พอถามว่าล่าสุด ติดตามข่าวสารบ้านเมืองเรื่องอะไรกันอยู่บ้าง ก็ส่ายหัวเป็นแถว... (ยังดีที่ยังรู้จัก Netflix)
อิหยังว๊ะ เด็กสมัยนี้อ่านหนังสือกันปีละไม่เกิน 8 สเตตัส จริงๆเหรอเนี่ย ?
คือน้องๆครับ ถ้าน้องไม่คิดจะสนใจความเป็นมาเป็นไปของโลกรอบตัวเลยเนี่ย แล้วจะเอาข้อมูลอะไร ? ที่ไหน ? มาเขียนกันล่ะครับ...
หนังที่บอกให้ดูเยอะๆ ก็ไม่ได้ให้ไปดูเพื่อเอามาก็อปฉากนั้น ฉากนี้ใส่ไปในบทของเราครับ แต่ให้ไปดู เพื่อจะได้เรียนรู้ ว่ามันยังมีอีกหลายวิธีบนโลกใบนี้นะ ที่จะเล่าว่าคนคนหนึ่ง มีความสามารถในเรื่องใด เรื่องหนึ่ง...นั้นมันมีวิธีเล่าหรือสร้างสถานการณ์เพื่อจะเล่าได้เยอะแยะ
ตัวอย่างเช่น “พระเอก” ของคุณเป็นคนที่ยิงปืนแม่นโคตรๆ
ในฐานะ “คนเขียนบท” คุณก็ต้องเขียนฉากนั้นออกมา (เป็นตัวหนังสือให้ได้) แล้วมันจะยิ่งดีมากๆ ถ้าเล่าฉากนั้นผ่าน สถานการณ์ หรือ การกระทำของพระเอก...ให้คนดูได้เห็น ว่ามันเป็นคนแม่นปืนยังไง ?ก็ให้พระเอกมันได้แสดงความสามารถให้คนดูได้เห็นกับตาเลยครับ มันแม่นยังไง ?
เช่นมีคนมาท้าดวลปืน มันหันไปเห็นนกกระจอกเกาะอยู่บนกิ่งไม้ มันก็ชักปืนออกไปยิงนกกระจอกตัวนั้นเลยครับ “เปรี้ยงงงง” ถ้ายิ่งให้โดนจนนกกระจอกขนร่วงกระจุย ก็ถือว่าฉากนั้นทำงานสำเร็จแล้ว เอ่อเว้ยมันแม่นจริงว่ะ...
แต่ถ้าจะมีลูกเล่นขึ้นมาอีกนิด ก็อาจจะเขียนให้คนดูเห็นว่ามันยิงพลาดก่อนก็ได้ “เปรี้ยง” นกยังยืนนิ่ง ร้องจิบๆๆอยู่ คนดูหัวเราะ ไอ้ตัวละครผู้ร้ายที่มาท้าดวลหัวเราะเยาะ อาจจะให้มันพูดสักนิด “ถุย ไอ้กระจอก นกยืนนิ่งๆเอ็งยังยิงมันไม่โดน...
(อย่าลืมนะ ไม่ว่าจะร้ายแค่ไหน ถ้าเป็นละครไทยฉายตอนเย็น ตัวละครจะไม่พูดมึงกู เพราะเยาวชนไทยดูกันเยอะ มึง กู ให้เด็กๆไปเรียนรู้กันจากการดูในเน็ตเอาก็พอ)
ต่อๆๆๆ ก่อนที่พระเอกจะยิ้มๆแล้วเฉลย “ใครบอกว่าข้ายิงนกล่ะ ข้ายิงแมลงวันตัวที่เกาะ ขานกอยู่นั่นต่างหาก” พ่ามมมมมมม รับหน้าตัวผู้ร้ายตกใจ (อาจจะมีซูมแบบช่อง เอ็กแซ็ก ก็ได้..เดี๋ยวนี้เปลี่ยนเป็นช่อง one แล้ว) แล้วเราก็ใช้เทคนิคทางภาพในการเล่าเรื่องช่วยเฉลย..
เช่นเล้าเป็นภาพสโลว์โมชั่น เห็นตั้งแต่ลูกกระสุนแตกออกจากรังเพลิง ผ่านปากกระบอกปืน แล้วค่อยๆพุ่งแหวกอากาศไปจนถึงตัวนก ขยี้ให้คนดูได้เห็นว่าจริงๆแล้วนั้น “เฮ้ยมันมีแมลงวันตัวเล็กๆ เกาะอยู่ที่ขานกกระจอกตัวนั้นจริงๆเว้ย...”
แล้วพระเอกมันก็แม่นขนาดว่ายิงตัดหัวแมลงวันได้จริงๆ โดยที่นกยังยืนนิ่ง แทบไม่รู้ตัวด้วยซ้ำ คือถ้าพระเอกพลาดนิดเดียว(ไม่แม่นจริง) นกกระจอก มึงตาย...
เนี่ย เนี่ย อะไรแบบเนี่ยะ บทมันควรจะทำหน้าที่อะไรทำแบบนี้ (ถ้าเป็นบทหนัง ไม่ควรใส่บทพูดแบบที่ยกตัวอย่างไปนะ ให้เล่าด้วยภาพอย่างเดียวก็พอ คนดูเขาฉลาดกันแล้วววว) คือนอกจากฉากนี้จะให้ข้อมูลตัวละครไปด้วยแล้ว ก็ยังให้ความบันเทิงกับคนดูไปด้วย..
ส่วนใหญ่ ? คนเขียนบทรุ่นใหม่ๆก็ยังใช้กระบวนการเล่าเรื่องแบบ “ละครวิทยุ” กันอยู่เลย คือให้บุคคลที่ 1 นั่งคุยกับบุคคลที่ 2 เพื่อที่จะเล่าถึงบุคคลที่ 3 ว่า “เฮ้ยๆ...แกไอ้หมอนั่น มันเก่งนะ มันยิงปืนแม่นมาก วันก่อนฉันเห็นมันยิงแมลงวันที่เกาะอยู่ที่ขานกกระจอก หัวขาดกระเด็นเลย...
เฮ้ยยยย คนเขาเข้าไปดูหนัง เพราะเขาอยากเห็นอะไรที่มันตื่นตาตื่นใจเว้ยเฮ้ยยย เขาไม่ได้อนากมานั่งฟังเรื่องเล่า เราต้องทำให้เขาเห็นภาพ ต้องเล่าด้วยภาพสิ
ที่แนะนำให้ไปอ่านหนังสือ ก็เพราะว่ารู้น้องๆยังไม่ได้มีประสบการณ์ชีวิตอะไรมากมาย แล้วบางอย่างก็ไม่ควรเอาชีวิตไปเสี่ยงเพื่อเรียนรู้กันจริงๆ กับสถานการณ์จริง น้องๆอาจจะยังเรียนกันอยู่ แต่ถ้าน้องๆขยันอ่านหนังสือ น้องๆจะได้เรียนรู้จากประสบการณ์จริง จากชีวิตของคนอื่นได้
โดยที่ไม่ต้องลงทุนลงแรงอะไรเลย หนูเขียนเรื่องของตัวละครที่เป็น “คุณแม่เลี้ยงเดี่ยว” หนูก็หาหนังสือเกี่ยวกับคุณแม่เลี้ยงเดี่ยวมาอ่าน ยิ่งในยุคสมัยนี้ แค่ไปกดติดตามเพจต่างๆของคุณแม่เลี้ยงเดี่ยวไว้ส่องข้อมูล เก็บข้อมูลนะ โอ้ยยยยมีเพียบเลย เพียงแค่ขยันอ่านเอาหน่อยก็แค่นั้นเอง...
ถึงอยากให้กันอ่านกันเยอะๆ ดูเยอะๆ อ่านเถอะ ดูกันเถอะ มันจะแก้ปัญหาที่บ่นๆกันว่า "ถึงเวลานั่งเขียนทีไร คิดอะไรไม่ออกทุกที...."
จะไปคิดออกได้ยังไง ? สมองไม่มีข้อมูลอะไรตุนไว้บ้างเลย “เพาะเห็ด” ยังต้องมีเชื้อเห็ดมันถึงจะขึ้น จะเขียนบท “คลังข้อมูล” ในสมองมันก็ต้องมีไว้บ้าง บางอย่างมันอาจจะไม่ตรงกับเรื่องที่อยากจะเล่า อยากจะเขียนเราก็ต้องหามาเพิ่ม...แค่นั้นเอง แล้วการอ่านเนี่ย มันยังช่วยในการเขียนของเราได้ด้วยนะ
เอาไว้ว่างๆจะมาเล่าให้ฟัง ว่ามันช่วยได้ยังไง ?
โฆษณา