27 ม.ค. 2021 เวลา 02:54 • ปรัชญา
ถ้าให้เลือกระหว่างสองคำนี้หลายๆ คนคงจะมองว่าการเป็นคนเห็นแก่ตัวนั้นไม่ดีเอาเสียเลย แต่หากมองตามความเป็นจริงแล้ว หากต้องการใช้ชีวิตอย่างมีความสุขโดยไม่สนและแคร์อะไรเลยก็ดูจะเป็นทางเลือกที่ดี โดยเฉพาะในยุคที่คนส่วนใหญ่เริ่มที่จะเรียนรู้จักคำว่าเห็นแก่ตัว
.
.
หากมองย้อนไปเมื่อหลาย 10 ปีก่อนในยุคที่เทคโนโลยี่ยังไม่ได้พัฒนาไปมาก คนส่วนใหญ่เรียนรู้ที่จะเป็นคนขี้เกรงใจ อาจจะเนื่องมาจากแจจัยหลายๆ อย่างที่ทำให้ต้องเป็นแบบนั้น เช่น ต้องเกรงใจเพื่อที่จะได้พึ่งพาอาศัยกันและกัน ในยามที่ลำบาก หรือเกรงใจเพราะถูกตราหน้าว่าเป็นคนไม่ไม่ดีเป็นต้น
แต่ในปัจจุบันคนส่วนใหญ่เริ่มจะเรียนรู้แล้วว่าการเป็นคนขี้เกรงใจนั้นมีแต่ผลเสีย มากกว่าผลดี เช่นบางครั้งเวลาที่เราเกรงใจใครมากเกินไป กลับเป็นเราเองที่ลำบาก หรือแม้แต่โดนเอาเปรียบ เพ่าะจริงๆ แล้วความเป็นคนขี้เกรงใจส่วนใหญ่มาจากความกลัวภายในจิตใจของคนๆ นั้นเองต่างหาก
คนเห็นแก่ตัว
คนขี้เกรงใจ
คำว่าคนเห็นแก่ตัวในที่นี้ไม่ใช่หมายถึงความเอารัดเอาเปรียบแต่อย่างใด แต่หมายถึงการคิดเห็นและรักษาระดับความสุขภายในจิตใจของตัวเองไว้มากกว่า
สังเกตุไหมเมื่อใดก็ตามที่เรากลัวว่าผู้อื่นจะเสียความรู้สึก เมื่อนั้นในทันทีเราเองจะเป็นคนที่ทุกข์
เพราะฉนั้นหากต้องการที่จะมีชีวิตที่มีความสุขการหลีกเลี่ยงที่จะเกรงใจคนอื่นก็เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ดี
คนขี้เกรงใจ
คนขี้เกรงใจ
แต่ไม่ใช่ว่าการเกรงใจเป็นเรื่องที่ไม่ดีเสมอไป หากความเกรงใจนั้นเกิดจากความหวังดี ไม่ใช่ความกลัว
สุดท้ายแล้วตัวการสำคัญในการใช้ความเกรงใจคือให้เราสังเกตุให้ดีว่านั่นมาจากความกลัวหรือเปล่า หากมาจากความกลัวก็ให้เราหยุดความคิดสะ
คนขี้เกรงใจ
บทความโดย Chayaphat
โฆษณา