27 ม.ค. 2021 เวลา 15:05 • ท่องเที่ยว
Ep.4 Lao Pai Loei มนุษย์เงินเดือนผจญภัยในต่างแดน
ขอบคุณทุกท่านที่ติดตามอ่านเรื่องราวการผจญภัยในต่างแดนของผมนะครับ
Ep.4 Lao Pai Loei มนุษย์เงินเดือนผจญภัยในต่างแดน :)
เดินทางมาถึงอีพี 4 แล้ว เรื่องราวเข็มค้นขึ้นทุกที ขอบคุณทุกท่านที่ติดตามและอ่านเรื่องราวกระทู้นี้ที่ผมได้บรรยายออกมา ไฮไลท์ของผมในอีพีนี้จะพาทุกท่านไปเที่ยวชมงาน Thai festival อาหารไทยที่ผมคิดถึงมากๆ รวมไปถึงการเดินทางไปเที่ยวที่เมือง Kyoto เมืองธรรมชาติ บรรยากาศดี อีกเมืองหนึ่ง เรื่องราวจะเป็นอย่างไร มารับชมพร้อมกันเลยครับ
วันนี้เป็นวันหยุดพักผ่อนผมจึงได้โอกาสเดินทางมาเที่ยวในเมืองนาโกย่า ผมเดินทางมาโดยรถไฟประจำทางจากแถบชนบทเข้ามาในตัวเมืองใช้เวลาเดินทางประมาณ 45 นาที การเดินทางสะดวกสบายเป็นอย่างมาก ขอแค่จำสถานีปลายทางที่เราจะไปลงให้ได้ เราก็จะสามารถต่อรถไฟไปยังสถานีปลายทางนั้นได้สบายเลยครับ เมื่อเดินทางถึงในตัวเมืองนาโกย่า ผมก็ได้ไปที่ในย่านซาคาเอะ ซึ่งเป็นย่านความเจริญที่มีชื่อเสียงอีกแห่งของที่นี่ เป้าหมายของผมคือจะมาเที่ยวชมงาน Thai festival ซึ่งมีการจัดขึ้นที่ญึ่ปุ่น แน่นอนครับที่ผมอยากมาทาน คือ ส้มตำ ไก่ย่าง พร้อมด้วยน้ำเก๊กฮวยไทย(เบียร์) เย็นๆ บรรยากาศในงานจะมีพ่อค้า แม่ค้า ที่เป็นคนไทยนำอาหารมาขายเองและคนญี่ปุ่นใช้วัตถุดิบของญี่ปุ่นให้เป็นอาหารไทย รวมถึงมีกระเป๋า เสื้อผ้า หมวก ของไทยจาก The queen sirikit มาวางขายในงานอีกด้วย ซึ่งได้รับความสนใจจากคนญึ่ปุ่นเป็นอย่างมาก เมื่อเดินจนเหนื่อยแล้วผมก็นั่งพักอาหารทาน ผมได้สั่งส้มตำ ไก่ย่าง มาทาน รสชาติก็ไม่ได้เผ็ดมากคล้ายกับสั่งส้มตำไทย ไก่ย่างก็จะทาขมิ้นให้ออกสีเหลืองนิดหน่อยโดยรวมถือว่า อร่อย ทานได้ครับ ทานอาหารแล้วจะไม่ดื่มน้ำได้อย่างไร ผมจัดการน้ำเก็กฮวยไทยมา 4-5 ป๋องได้ มันให้ความรู้สึกดีมากเพราะไม่ได้สัมผัสรสชาตินี้มานานร่วมเดือน อิอิ
หลังจากเที่ยวงาน Thai festival เสร็จ ผมก็ไม่รอช้ารีบเดินทางต่อไปเที่ยวที่เมือง Kyoto เลย เพราะได้จองตั๋วรถไฟล่วงหน้าไว้แล้ว ผมใช้เวลาเดินทางประมาณ 2 ชั่วโมง ก็มาถึงเกียวโต ผมลงที่สถานี Kyoto station แล้วต่อรถบัสเพื่อไปเที่ยววัดน้ำใส Kiyomizu-dera ระหว่างทางก็แวะถ่ายรูปเล่นไปเรื่อยเปื่อย
เนื่องจากวัดน้ำใสตั้งอยู่บนเชิงเขา จึงทำให้ผมเองต้องเดินเท้าขึ้นไป ขอบอกว่าเหนื่อยมากครับบวกกับแดดในตอนนั้นแรงไม่แพ้บ้านเราเลย ระหว่างทางนั้นเองจะมีร้านขายของฝาก ร้านอาหารเต็มไปหมด ใครที่มาที่นี่แล้วอีกอย่างที่ต้องมาลองคือ ไอศกรีมชาเขียว ร้านดังของที่นี่นั่นก็คือ ร้าน Sawawa เป็นไอศกรีมชาเขียวที่เข็มข้น ไม่หวานมาก ให้ความรู้สึกนุ่มลึกในปาก ถ้ามีโอกาสได้ไปอีกก็คงไม่พลาดไปซ้ำแน่นอนครับ
เมื่อเดินทางมาถึงวัดคนเยอะมาก ส่วนประวัติคร่าวๆ วัดน้ำใส Kiyomizu-dera เป็นวัดมีสถาปัตยกรรมโบราณที่งดงามชวนตะลึงจนยูเนสโกได้บันทึกให้วัดแห่งนี้ขึ้นเป็นมรดกโลก (UNESCO world heritage sites) ที่มาของชื่อวัดน้ำใสนั้นมาจากการที่วัดแห่งนี้ได้ถูกสร้างขึ้นปี ค.ศ. 780 แล้วมีน้ำที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติจากน้ำตกโอโตวะ (Otowa Waterfall) ไหลผ่านตัววัด จุดที่ถือว่าเป็นไฮไลท์การท่องเที่ยวที่นี่ก็คงหนีไม่พ้น อาคารไม้ขนาดใหญ่ที่แค่การสร้างก็น่าทึ่งแล้ว เพราะการสร้างทั้งหมดนี้ไม่มีการใช้ตะปูใดๆทั้งสิ้น ถือว่าเป็นภูมิปัญญาของคนโบราณที่สุดยอดเลยจริงๆ เสาของอาคารมีความสูงถึง 13 เมตรจากพื้นดิน และโถงอาคารถูกสร้างให้ยื่นออกไปภายนอกทำให้บริเวณนี้เป็นจุดชมวิวที่สวยงาม มองเห็นเมืองเกียวโตในฤดูต่างๆและยังเป็นจุดชมซากุระ ชมใบไม้แดงที่ขึ้นชื่อของเกียวโตอีกด้วยครับ
หลังจากที่ผมเที่ยวชมภายในวัดน้ำใสจนครบแล้ว ผมก็ได้เดินทางต่อไปยังสถานที่ถัดไปคือ สวนป่าไผ่ Arashiyama Bamboo ซึ่งอยู่ไกลจากวัดน้ำใสเท่าไหร่ ผมนั่งรถไฟมาลงที่สถานี Arashiyama station แล้วก็เดินเท้าต่อไปยังสวนป่าไผ่ ระหว่างนี่เองก็จะมีร้านค้า ของฝาก สำหรับนักท่องเที่ยวให้เลือกซื้อเลือกหากันเยอะแยะเลย และที่ผมสะดุดตาก็คือ มีบูทเครื่องดื่มมาตั้งที่ก่อนทางเข้าสวนป่าไผ่ เป็น Welcome drink โดยเป็น Craft beer ของที่นี่ ผมนี่ยืนอยู่ที่หน้าบูทเป็นได้สักครู่ใหญ่เลยทีเดียวเพราะติดใจ craft beer นี่แหละครับ อิอิ
หลังจากนั้นผมก็ได้เดินเข้าไปชมสวนป่าไผ่ ซึ่งที่นี่นับเป็นสถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติชื่อดังมากๆ เชื่อว่าถ้าพูดถึงป่าไผ่ต้องนึกถึงที่นี่เป็นอันดับแรกแน่นอน ถ้าคนที่ชื่นชอบวิธีชีวิตเรียบง่ายและยังชอบเดินเล่นท่ามกลางบรรยากาศป่าต้องไม่พลาดอย่างเด็ดขาด เพราะที่ป่าไผ่แห่งนี้จะมีเส้นทางเล็กๆที่รายล้อมไปด้วยป่าไผ่ที่สุดสุดลูกหูลูกตาเดินทีกลิ่นไผ่หอมนิดๆก็โชยมา ขนาดวันที่แดดร้อนมากๆที่นี่ยังให้ความรู้สึกเย็นสบาย น่าจะเป็นเพราะปริมาณไผ่อีกทั้งยังความสูงที่ช่วยกันเรื่องความร้อนไปได้มาก ถ้าไม่อยากเดินก็ยังมีบริการรถลากแบบโบราณๆให้ได้ลองนั่งกันเพลินๆอีกด้วย นอกจากนี้ยังจะมีร้านขายของที่ระลึกที่เน้นสินค้าที่ทำจากต้นไผ่และของท้องถิ่นเป็นหลักไม่ว่าจะเป็น ตะกร้าไม้ไผ่, ถ้วย, กล่องใส่ของ หรือเสื้อเสื้อสานจากไผ่ ไว้ให้ได้ช็อปปิ้งกันเบาๆเป็นของฝากอีกด้วย
ผมเดินเที่ยวจนเย็นก็ได้เวลาที่ผมจะกลับไปยังที่พัก ผมจองที่พักที่นี่ 1 คืน เพื่อเก็บสถานที่ท่องเที่ยวอื่นในเมืองเกียวโต เส้นทางกลับไปยังสถานีรถไฟ Arashiyama station ช่วงพระอาทิตย์จะตก ช่างเป็นช่วงเวลาที่สวยงามมากๆมองไปทางไหนก็เป็นแต่ ธรรมชาติสีเขียวปกคลุมอยู่บริเวณรอบๆข้าง ผมจึงไม่พลาดเก็บภาพความทรงจำเหล่านี้มาไว้ในกล้องของผมซะหลายภาพเลยครับ
การมาเที่ยวที่เกียวโตของผม ซึ่งผมเดินทางมาคนเดียวทำให้ผมชีวิตผมเติบโตขึ้น เช่น การรักษาเวลาในที่ที่เราไป การหัดสังเกตสิ่งต่างๆที่อยู่รอบข้างตัวเรา ทำให้ผม
ระมัดระวังตัวเองมากขึ้น ขอบคุณการมาทำงานต่างแดนในครั้งนี้ที่ทำให้ตัวผมเรียบรู้อะไรหลายๆอย่างครับ
เดี๋ยวมาต่อ Ep.5 ขอบคุณทุกท่านสำหรับการติดตาม แล้วเจอกันอีพีหน้าครับ _/\_
Lao Pai Loei : เล่าไปเลย
โฆษณา