28 ม.ค. 2021 เวลา 06:48 • นิยาย เรื่องสั้น
ผิงไฟ-เล่าเรื่อง
สาเหตุที่เริ่มอยากจะทำบทความนี้ขึ้นมา เพียงเพราะผมอยากจะฝึกทักษะทางด้านการเขียนและ พัฒนาทักษะ หากผู้อ่านคนไหนที่ยินดีจะสอนและแนะนำผมก็ยินดีที่จะเรียนรู้และก็ขอบคุณเป็นล่วงหน้า
ผมขอเริ่มต้นเรื่องราว ชีวิตย้อนกลับไปสมัย มัธยมปลาย ณ ที่แห่งหนึ่งใน กรุงเทพมหานคร ย่านฝั่งธนบุรี ผ่านบทความเเละมุมมองของผม
กรุงเทพ สำหรับมุมมองเด็กต่างจังหวัดอย่างผม เมืองแห่งนี้คือ แสงสีเสียง ที่ผมไม่เคยได้สัมผัสมาก่อน ถ้านับตั้งแต่จำความได้ ผมเองเคยมา กรุงเทพเพียง 5-6 ครั้ง ซึ่งถ้าเทียบกับเพื่อนหรือคนในครอบครัวผม ก็ถือว่าน้อยมากๆ และไม่เคย แม้แต่จะ นั่งรถเมย์ หรือ รถสองแถว รวมไปถึง รถไฟฟ้าเลยสักครั้ง เรียกว่า บ้านนอกก็คงได้ ดังนั้นการตัดสินใจย้ายมาเรียนในกรุงเทพ จะเป็นจุดเริ่มต้นของเรื่องราวนี้
1
โรงเรียนมัธยมปลายของผม
ผมเข้าเรียน โรงเรียนที่สวนกุหลาบวิทยาลัยธนบุรี ซึ่งปีที่ผมเข้าก็
1
พ.ศ. 2555 ก็นับว่าเป็น รุ่น 1 ของโรงเรียนเลยก็ว่าได้
ในสมัยนั้นผมใช้เวลาส่วนใหญ่
อยู่ในรั้วโรงเรียนเป็นส่วนใหญ่เนื่องจากไม่อยากกลับบ้านเพราะอาศัยอยู่เพียงลำพัง
โดยตอนนั้น โรงเรียนยังอยู่ในช่วงก่อสร้างทำให้ยังไม่มีอาคารหรือ ห้องเรียน
ทำให้ นักเรียนทุกคนจะทำการเรียน ในพื้นที่ที่จัดขึ้นพิเศษหรือ เรียกกันว่า บ้านสวน
(ชื่อนี้เท่าที่จำความได้) ลักษณะของห้องเรียน ในบ้านสวนนั้น จะเป็น บ้านเทพื้นปูน
มีหลังคา แต่ไม่มีกำแพง ด้วย วิสัยทัศน์ของผู้อำนวยการ ณ ตอนนั้นที่ต้องการโชว์
ให้เห็นโรงเรียนในสวนอย่างแท้จริง ซึ่งผมเองก็ไม่ได้ติดใจอะไรกับห้องเรียน เพราะ
ค่อนข้างร่มรื่นและเย็นสบายเสียด้วยซ้ำ เสียอย่างเดียว เวลาฝนตก ปัญหาใหญ่เลย
คือเราไม่มีกำแพงกันฝน สิ่งที่เด็กรุ่น 1 เรารู้จักกันดี ก็คือ กันสาด ใช่ครับ เราจะค่อยๆ
ผ่อนเชือกลงทีละนิดๆจนผ้าใบปิดคลุมได้ทั้งหมด
บรรยากาศโดยรอบโรงเรียนจะเป็น
ป่า หรือ อดีตคือบ่อเลี้ยงกุ้ง มีเพียงแค่ ถนน ด้านหน้าโรงเรียนเท่านั้นที่เป็นจุดเชื่อม
ต่อกับความเจริญ ถนนเส้นนี้เรียกกันว่า
ถนนเลียบทางด่วนกาญจนาภิเษก ซึ่งปัจจุบัน
เป็นถนนที่ใช้เลี่ยงรถติดจากถนนพระราม 2หรือ คนที่ต้องการเดินทางจาก
 
สะแกงาม ไป ประชาอุทิศในช่วงปีแรกๆที่ผมเรียน
ถนนยังไม่ได้ถูกเชื่อมต่อกันทำให้การเข้ามา
โรงเรียนนั้นค่อนข้างลำบากเพราะสองข้างทางยังเป็นป่ารกสูง ไฟตามทางยังไม่มีถ้า
ในช่วงมืด ก็จะได้แค่ไฟจาก ทางด่วนพิเศษกาญจนาภิเษกเป็นไฟส่องทาง
แต่บ่อยครั้งก็มักจะถูกโจรมือดีมาลอบตัดสายไฟ
ทำให้กลางคืนมืดสนิทเหลือเพียงไฟ
จากบ้านของชาวบ้านหรือ หมู่บ้านจัดสรรในระแวกเท่านั้น
นอกจากนี้ การเดินทางก็ ถือเป็นอุปสรรคใหญ่
ด้วยความที่เป็นโรงเรียนเปิดใหม่ แท็กซี่ เป็นสิ่งที่จำเป็นสำหรับ
เด็กนักเรียนนรวมถึงอาจารย์ที่ไม่มีรถส่วนตัว พูดง่ายๆว่า
คมนาคมหลักของโรงเรียน
คือ รถแท็กซี่ก็ว่าได้ แต่ผมจะถือว่าผมนั้นโชคดี ที่คุณพ่อคุณแม่ ซื้อบ้านในหมู่บ้าน
ติดกับโรงเรียน ซึ่งสามารถเดินไปกลับได้เลย
ซึ่งต่อมา หลังจากผ่านไปเพียง 1 ปีก็
มีหน่วยงานเข้ามาแก้ไขปรับปรุง
 
จนตอนนี้เรียกได้ว่า รถเยอะจนติดและ สองข้างทาง
ที่เคยเป็นป่ารกก็แปรเปลี่ยนเป็น หมู่บ้านจัดสรร หรือ ร้านค้า ร้านอาหาร
และปัจจุบัน โรงเรียน ก็เติบโตและเป็นที่รู้จักเป็นวงกว้าง ร่องรอยประสบการณ์ต่างๆ
ที่ถูกวางทับด้วยสิ่งที่ดีกว่า เหลือทิ้งไว้เพียงเรื่องราวและความทรงจำให้เด็กเพียงไม่
กี่รุ่นรวมถึงผมนั้นให้ ไว้พูดคุยในวันที่พบหน้าสังสรรค์กัน
ถ้าจะพูดถึงเรื่องราวใน โรงเรียนก็คงมีอีกมากมาย
แต่ผมเกริ่นไว้เพียงเท่านี้ก่อนดีกว่า
ขอบคุณที่อ่านมาจนจบ บทแรก ของผม เรื่องราวของผมกับการใช้ชีวิตในกรุงเทพ นั้นยังมีเรื่องราวมากมายให้ติดตาม
อย่างที่บอกไว้ข้างต้นว่า ผมเขียนขึ้นมาเพราะต้องการฝึกทักษะเท่านั้น พี่ๆหรือผู้มีจิตเมตา สามารถแนะนำผมได้เสมอนะครับ ขอบคุณอีกครั้ง
โฆษณา