28 ม.ค. 2021 เวลา 09:59 • ธุรกิจ
VC-God father มีวิธีดู Unicorn Startup ตัวต่อไปอย่างไร?
ถ้าพูดถึงในเรื่องของการลงทุนใน startup ของเหล่า Venture Capital (VC) การที่ลงทุนใน Unicorn Startup* ( start-up ที่มีมูลค่าเกิน 1 พันล้าน USD ) ก็คงเปรียบได้กับการลงทุนในหุ้น 20 เด้งในหุ้นก็ว่าได้ !!
ทว่าการที่จะหา unicorn สักตัวถือเป็นเรื่องที่ยากมากๆ
วันนี้ ThaiTechTalk จึงอยากมาเล่าให้ทุกท่าน มุมมองในการเฝ้นหา unicorn startup ของ Peter Thiel ผู้ซึ่งถูกขนานนามว่าเป็น VC-Godfather เเห่ง Silicon Valley  กันครับ เชิญอ่านกันได้เลยคับบ
ต้องบอกก่อนว่าธุรกิจ startup นั้นค่อนข้างที่จะต่างจากธุรกิจแบบเก่าตรงที่ว่า ธุรกิจส่วนมากจะมีผลประกอบการที่ขาดทุนต่อเนื้องในช่วงเเรกเพราะบริษัทต้องการที่จะขยายตัวอย่างรวดเร็วเเละดึงลูกค้ามาให้ได้มากที่สุดเพื่อที่จะสร้างกำไรมหาศาลกลับมาในอนาคต
นั้นทำให้การพิจรณา cash flow แบบตำราเก่าๆนั้นค่อนข้างที่จะใช้ไม่ได้ (P/E ติดลบนั้นเอง) ฉะนั้นการพิจรณาอาจจะต้องใช้หลักการที่ต่างออกไปหน่อย
ซึ่ง Peter Thiel นั้นมีความคิดที่ว่า Unicorn ตัวต่อไปนั้นจะต้องมีลักษณะของความผูกขาด(Monopoly) เพื่อที่จะสามารถดึงมูลค่าในอนาคตมาเสวยสุขได้อย่างเต็มที่เเละไม่โดนคู่เเข่งเเย่ง โดยเขาเคยเขียนไว้อย่างสั้นๆ 4 ข้อ โดยทั้ง 4 ข้อนี้ล้วนเเต่จะเนั้นไปในเชิงที่ว่าทำอย่างไรให้ไม่สามารถมีขู่เเข่งมาเทียบได้ โดยมาจากหนังสือขายดีของเขา อย่าง Zero to One จะมีอะไรบ้าง ไปดูกันเลยคับ
1
1. มีเทคโนโลยีที่เป็นกรรมสิทธิ์ของตัวเอง (Proprietary Technology) : กล่าวคือ Unicorn นั้นจะต้องมีเทคโนโลยีที่เป็นของตัวเองที่เเละดีกว่าคู่เเข่งถึง 10 เท่า ! นั้นเพราะจะทำให้คู่เเข่งไม่สามารถเข้ามาเเย่งตลาดได้  อย่างเช่น ระบบ search engine ของ Google ที่สามารถค้นหาข้อมูลได้เร็วเเละเเม่นยำกว่าเจ้าอื่นๆ หรือ เว็บไซต์ Amazon ในปี 1995 ที่สามารถที่จะขายหนังสือได้เยอะกว่าร้านหนังสือทั่วอเมริการวมกัน เป็นต้น
1
2.สามารถขยายตัวแบบโยงยัยได้ ( Network Effects ): กล่าวคือ network effect นั้นเกิดขึ้นเมื่อผลิตภัณฑ์มีประโยชน์มากขึ้นเมื่อจำนวนผู้ใช้มากขึ้นเพราะนั้นจะทำให้บริษัทคุณโตเร็วอย่างมหาศาลเเละทำให้คู่เเข่งเเย่งลูกค้าของคูณไปยากเมื่อลูกค้าของคุณเยอะเเล้ว อธิเช่น แอป Facebook เมื่อมีเพื่อนๆของคุณ หรือคนเขียนเพจต่างๆอยู่ใน Facebook ทั้งหมด คุณก็คงจะสมัคร Facebook เเทนที่แอปอื่นๆ หรือ App Store ของ Apple ที่ยิ่งคนใช้ Iphone/Ipad/Macbook มากเเค่ไหน ผู้พัฒนาแอปก็จะมาสร้างแอปลงใน App store มาเท่านั้นเพราะลูกค้าอยู่ที่นั้น เเละลูกค้าก็จะมาใช้ Apple เพราะ App ดีๆอยู่ที่นั้นเช่นกัน
5
3.การเติบโตด้วยขนาด (Economic of Scale): ธุรกิจจะต้องเเข็งเเรงหรือดีขึ้นหรือสินค้าถูกลงเมื่อขนาดบริษัทใหญ่ขึ้น โดยเฉพาะธุรกิจ Starup นั้นส่วนมากเป็นซอฟท์เเวร์ ส่งผลให้ marginal cost ในการสร้างสินค้าชิ้นต่อไปเเทบจะเป็น 0 พูดง่ายๆ ก็อย่างเช่นแอปวิดิโอ zoom นักพัฒนาอาจจะต้องใช้เงินในการสร้างแอปนี้ขึ้นมาเเต่เมื่อลูกค้าคนต่อๆไปจะมาใช้วิดิโอ เขาก็เพียงพิมพ์โค้ดให้คุณสามารถมีสิทธิ์เข้าถึงโดยไม่ต้องเสียเงินในการผลิตเเม้เเต่น้อย (เทียบกับธุรกิจทั่วไป เช่นขายกาแฟ ที่มีต้นทุนต่อหน่วยในการผลิต)
1
4. แบรนด์ดิ้ง (Branding): กล่าวคือธุรกิจคุณจะต้องทำให้ลูกค้าเข้ามาซื้อเพียงเพราะว่ามันเป็นยี่ห้อของคุณ ฟังเเล้วอาจจะดูไม่สมเหตุสมผล ยกตัวอย่างง่ายๆทุกวันนี้บริษัท tech ที่มีแบรนด์เข้มเเข็งที่สุดก็คือ Apple บริษัทได้สร้างความรู้สึก สวยงาม เรียบง่าย หรูหรา คุณภาพของวัสดุชั้นเยี่ยม รวมไปถึงเรื่องราวของ steve job ผู้ก่อนตั้งที่หล่อหลอมให้แบรนด์มีความเป็นเอกลักษณ์เเละเเข็งเเรง ซึ่งทำให้เเม่เเต่บริษัทอื่นจะลอกวัสดุทุกๆอย่างมาเเค่ไหนก็ยากที่จะเทียบได้
1
ถ้าบริษัทที่คุณกำลังจะสร้างหรือกำลังจะลงทุนก็ตาม มีคุณสมบัติที่ตรงกับข้อบางข้อที่กล่าวมาข้างต้น นั้นอาจจะแปลว่าคุณอาจจะกำลังจะเจอ unicorn ตัวต่อไปก็เป็นได้ !!!
1
ขอบคุณที่อ่านครับ ถ้าชอบอย่างลืมกด like เเละ ติดตามกันด้วยนะคับบ
เขียนโดย Sam
อ้างอิง
-หนังสือ Zero to One by Peter thiel
โฆษณา