28 ม.ค. 2021 เวลา 10:22 • ประวัติศาสตร์
#ขอเตือนว่า หมอฝรั่งนั้นดีจริง แต่ควรให้ยาไทยสูญหฤาหาไม่ หมอไทยจะควรไม่ให้มีต่อไปภายน่าหฤาควรจะมีไว้บ้าง ถ้าส่วนตัวฉันเองยังสมัคกินยาไทยแลยังวางใจหฤาอุ่นใจในหมอไทยมาก ถ้าหมอไทยจะรักษาอย่างฝรั่งหมด ดูเยือกเยนเหมือนเหนอื่น ไม่เหนพระสงฆ์เลยเหมือนกัน แต่ตัวฉันก็อายุมากแล้ว เหนจะไม่ได้อยู่ไปจนหมอไทยหมดดอก คนภายน่าจะพอใจอย่างฝรั่งทั่วกันไป จะไม่เดือดร้อนเช่นฉันดอกกระมัง เปนแต่ลองเตือนดูตามหัวเก่าๆ ทีหนึ่งเท่านั้น
พระราชปรารภของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ในพระราชหัตเลขาในวันที่ 18 พฤศจิกายน พ.ศ. 2433
ตำรายาไทยโบราณบันทึกว่า “กัญชา” หรือบางตำราเรียก “กันชา” ในตำรับยา โดยบางตำรับกัญชาเป็นตัวยาหลักของตำรับยานั้น ขณะที่บางตำรับยากัญชาเป็นส่วนประกอบร่วม เช่น ตำราพระโอสถพระนารายณ์, ตำราแพทยศาสตร์สงเคราะห์ ฯลฯ
สำหรับ ตำราพระโอสถพระนารายณ์ หรือ คัมภีร์ธาตุพระนารายณ์ ซึ่งเป็นหลักฐานทางการแพทย์ไทยชิ้นสำคัญ ที่เหลือสืบเนื่องมาตั้งแต่สมัยอยุธยาตอนปลาย สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ ทรงอธิบายเกี่ยวกับตำรายานี้ไว้ว่า “ที่เรียกว่าตำราพระโอสถพระนารายณ์ เพราะมีตำราพระโอสถซึ่งหมอหลวงได้ประกอบถวายสมเด็จพระนารายณ์มหาราช หลายขนานปรากฏชื่อหมอและวันคืนที่ได้ตั้งพระโอสถนั้นๆ จดไว้ชัดเจน อยู่ในระหว่างปีกุนจุลศักราช 1021 (พ.ศ. 2202) จนปีฉลู จุลศักราช 1023 (พ.ศ. 2204) คือระหว่างปีที่ 3 จนถึงปีที่5 ในรัชกาลสมเด็จพระนารายณ์
มหาราช”
โดยขอยกตัวอย่างยาบางขนานที่ใช้ “กัญชา” เป็นตัวยา ในตำราพระโอสถพระนารายณ์ ดังนี้
- ยาขนานที่ 11 ชื่อ อัคคินีวคณะ
“อัคคินีวคณะ เอา กัญชา ยิงสม สิ่งละส่วน เปลือกอบเชย ใบกระวาน กานพลู สะค้าน สิ่งละ 2 ส่วน ขิงแห้ง 3 รากเจตมูลเพลิง ดีปลี สิ่งละส่วน น้ำตาลกรวด 6 ส่วน กระทำเปนจุณน้ำผึ้งรวงเป็นกระสาย บดเสวยหนักสลึง 1 แก้อาเจียน 4 ประการ ด้วยติกกะขาคินีกำเริบ แลวิสมามันทาคินีอันทุพล จึงคลื่นเหียนอาเจียน มิให้เสวยพระกระยาหาร เสวยมีรศชูกำลังยิ่งนัก
ข้าพระพุทธเจ้า ขุนประสิทธิโอสถจีน ประกอบทูลเกล้าฯถวาย ครั้งสมเด็จพระนารายณ์เป็นเจ้าเมืองลพบุรี เสวยเพลาเข้าอัตรา ดีนักแลฯ” [เน้นโดยผู้เขียน]
- ยาขนานที่ 43 ชื่อทิพกาศ
“ทิพกาศ เอา ยาดำ เทียนดำ ลูกจันทน์ ดอกจันทน์ กระวาน พิมเสน สิ่งละส่วน การบูร 4 ส่วน ฝิ่น 8 ส่วน ใบกัญชา 16 ส่วน สุราเปนกระสาย บดทำแท่ง น้ำกระสายใช้ให้ชอบโรคร้อนแลเย็น กินพอควร แก้สารพัดทั้งหลายอันให้ระส่ำระสาย กินข้าวมิได้ นอนมิหลับ ตกบุพโพโลหิต ลงแดง หายแล ฯ” [เน้นโดยผู้เขียน]
- ยาขนานที่ 44 ชื่อยาสุขไสยาศน์
“สุขไสยาศน์ เอาการบูรส่วน 1 ใบสะเดา 2 ส่วน สหัศคุณเทศ 3 ส่วน สมุลแว้ง 4 ส่วน เทียนดำ 5 ส่วน โกฏกระดูก 6 ส่วน ลูกจันทน์ 7 ส่วน ดอกบุนนาค 8 ส่วน พริกไทย 9 ส่วน ขิงแห้ง 10 ส่วน ดีปลี 11 ส่วน ใบกัญชา 12 ส่วน ทำเป็นจุณละลายน้ำผึ้ง เมื่อจะกินเสกด้วยสัพพีติโย 3 จบ แล้วกินพอควร แก้สรรพโรคทั้งปวงหายสิ้น มีกำลังกินเข้าได้นอนเป็นศุขนักแล ฯ” [เน้นโดยผู้เขียน]
- ยาขนานลำดับที่ 55 ยามหาวัฒนะ
“มหาวัฒนะ เอา ลูกจันทน์ ดอกจันทน์ กระวาน กานพลู สิ่งละส่วน เทียนดำ เทียนขาว เทียนแดง เทียนสัตบุษ เทียนเยาวภานี โกฏสอ โกฏเขมา โกฏกัตรา โกฏพุงปลา บอระเพ็ด ใบกัญชา สหัสคุณทั้ง 2 ลูกพิลังกาสา รากไคร้เครือ แห้วหมูใหญ่ ขมิ้นอ้อย พริกหอม พริกหาง สิ่งละ 2 ส่วน ดีปลีเท่ายาทั้งนั้น จึงเอาใบกระเพราแห้ง 2 เท่าดีปลีทำเป็นจุณละลายน้ำผึ้งรวเป็นลูกกลอนกินหนักสลึง 1 กินไปทุกวันให้ได้เดือน 1 จึงจะรู้จักคุณยาเห็นประจักษ์อันวิเศษ แก้ฉันวุตติโรค 96 ประการให้กับพยาธิทั้งหลายทุกประการดีนักแล ฯ” [เน้นโดยผู้เขียน]
"กัญชา"ตัวยาในอดีตกลายเป็นยาเสพติดในปัจจุบันได้อย่างไร แล้วกัญชาใน “อนาคต” จะเป็นอย่างไรต่อไปคงต้องจับตามองกันให้ดี
คัมภีร์ธาตุพระนาราณ์ ฉบับใบลาน (ตำราพระโอสถพระนารายณ์), สำนักคุ้มครองภูมิปัญญาการแพทย์แผนไทย กรมพัฒนาการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก กระทรวงสาธารณสุข พ.ศ. 2555
ขอขอบคุณข้อมูลจากเพจ มานีมีกัญ
โฆษณา