29 ม.ค. 2021 เวลา 05:54 • ธุรกิจ
การร่างสัญญาทางธุรกิจ
สวัสดีครับในวันนี้พอดีได้รับงานในการร่างสัญญาให้กับลูกค้ารายหนึ่งก็เห็นว่าเป็นงานอีกรูปแบบหนึ่งของการทำงานที่นักฎหมายทุกคนจะเคยประสบการณ์โดยตรงมาบ้างไม่มากก็น้อยครับ
ทุกวันนี้การทำธุรกิจย่อมมีความยุ่งยากมากขึ้น ถึงแม้จะมีความเชื่อถือกันของคู่ค้าในระดับหนึ่งแล้ว หรือถึงแม้หากแต่ข้อกฎหมายจะไม่ข้อกำหนดไว้จะต้องทำเป็นสัญญาหรือเป็นหนังสือก็ตาม
แต่เมื่อหากมีข้อพิพาทหรือโต้แย้ง
กันมากขึ้นจนถึงขั้นฟ้องร้องคดีต่อ
ศาลก็มีความจำเป็นที่จะต้องใช้เป็นพยานหลักฐานเป็นหนังสือในการพิสูจน์ความถูกต้องหรือความผิดของ
คู่สัญญาในชั้นศาลกันอยู่แล้ว
หากจะถามว่าผมในฐานะเป็นที่ปรึกษากฎหมาย ผมว่าหากเป็นธุรกิจที่มีมูลค่าสูงและมีความเสี่ยงสูง ก็ควรที่จะทำสัญญาต่อกันไว้ เพื่อเป็นแนวทางและขอบเขตให้ปฎิบัติตามสัญญานั้นๆไว้ก่อน ถือว่าเป็นสิ่งที่รอบคอบถูกต้องเพราะไม่เช่นนั้น หากมีข้อผิดพลาดขึ้นมาก็จะเป็นยากที่จะได้รับการเยียวยาความเสียหายได้
การทำหนังสือสัญญาและข้อตกลงต่างๆมีขั้นตอนและวิธีการรายละเอียดมากพอสมควร พอที่จะสรุปได้ดังนี้
(1).สถานะของคู่สัญญาว่ามีคุณสมบัติของตามกฎหมายหรือไม่เช่น ผู้เยาว์ ผู้ไร้ความสามารถ,บุคคลล้มละลาย ,คู่สมรสที่ยังไม่รับความยินยอม หรือเหตุอื่นๆ เป็นต้น
(2)เจตนาของคู่สัญญาว่าต้องการทำสัญญาอะไร ข้อกำหนดแห่งสัญญา
หน้าที่ของคู่สัญญาทั้งสองฝ่ายเป็นอย่างไร กำหนดระยะเวลาในสัญญา และข้อตกลงในกรณีที่คู่สัญญาทั้งสองฝ่ายผิดสัญญาจะต้องทำอย่างไรบ้าง การสิ้นสุดแห่งสัญญาเป็นอย่างไร
(3)ข้อกฎหมายในปัจจุบันที่ใช้บังคับอยู่ในขณะทำสัญญาและในอนาคตหากมีการเปลี่ยนแปลงกฎหมายหรือข้อสัญญา ค่าใข้จ่ายในการปฎิบัติตามสัญญา ค่าธรรมเนียม ค่าภาษีอากรต่างๆ เป็นต้น
(4)รายชื่อของพยานของคู่สัญญาทั้งสองฝ่ายอันนี้ถือว่าเป็นสิ่งสำคัญครับ เพราะจะเป็นพยานหลักฐานสำคัญหากต้องมีการคดีขึ้นสู่ศาลในอนาคตหากมีนอกจากจะมีพยานเอกสารแล้วพยานบุคคลก็เป็นสิ่งสำคัญมิใช่น้อย
คงไม่ยากเท่าไหร่ ในการทำหนังสือสัญญา เพราะหากยึดแนวทางดังกล่าวถึงอย่างไรตาม หากเป็นการทำสัญญาที่เอารัดเอาเปรียบคู่สัญญาอีกฝ่ายหนึ่งเกินสมควร ก็สามารถหยิบยกข้อกฎหมายว่าด้วยสัญญาไม่เป็นธรรมขึ้นต่อสู้คดีได้ครับ นี้คือหลักการเบื้องต้นของการร่างสัญญาครับ ซึ่งบางกรณีอาจจะต้องมีเนื้อหามากกว่านี้ก็ได้ตามเจตนาของคู่สัญญา
##หมอความใจดี
โฆษณา