Chapter 14 : โรงงานอาหาร กับ Covid-19..อยู่กันยังไงนะ?
โรงงานผู้ผลิต สารพัด สารพันสิ่ง โดยส่วนใหญ่แล้ว เป็นสถานที่ที่รวมเอาคนจำนวนมากมาอยู่ด้วยกัน ไม่น่าแปลกใจเลยว่า ทำไมจึงมีข่าวว่าพบผู้ติดเชื้อในโรงงานครั้งละมากๆ
...แต่นะ....ถ้าจะให้โรงงานยังคงดำเนินกิจการอยู่ได้ ในยุคที่คนติดเชื้อเดินกันขวักไขว่ ออกอาการบ้าง ไม่ออกอาการบ้าง ประหนึ่งอยู่ในซีรี่ย์อย่าง The Walking Dead ... เราควรจะปรับตัวยังไง โรงงานต่างๆ โดยเฉพาะโรงงานอาหาร ควรเพิ่มมาตรการอะไรดี เพื่อป้องกันไม่ให้เชื้อตัวน้อยๆ นี้ เข้ามาสร้างผลกระทบรุนแรง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง..ไม่ให้โรงงานต้องถูกปิด!
หลังจากผ่านสถานการณ์รุนแรงของ Covid-19 รอบแรกกันมาได้แล้ว พอมาเจอรอบที่ 2 โรงงานที่ป้าทำงานอยู่ ก็เรียกได้ว่า ออกจะ "โปรฯ" อยู่สักหน่อย ในการรับมือกับเจ้าเชื้อร้ายนี้ ฮ่าๆๆ จิหาว่าโม้ก็ได้นะ! แต่มันคือ ทุกคนเกร็ง และระมัดระวังกันแทบทุกฝีเก้า จนบางครั้ง ก็มีหลายๆ คนรู้สึกว่า..นี่เรากำลังรับมือแบบเว่อร์วังเกินไปหรือเปล่า ขี่ช้างจับตั๊กแตนมั้ย ต้องเยอะขนาดนี้จริงๆ หรือนี่
ถ้าถามป้า..ก็ใช่แหละ บางอย่างมันก็ดูจะเยอะไป เกินจำเป็นมากไป..แต่ในมุมของผู้บริหาร ท่านก็ว่า "เยอะดีกว่าน้อย เยอะไป แล้วเหตุไม่เกิด มันดีกว่า น้อยไปนิด ต้องปิดโรงงานนะ" อ่าาาาา ก็จริงของท่านค่ะ!
วันนี้ป้าเลยคิดว่า เอาเรื่องราวมาแบ่งปันดีกว่า ว่าที่นี่ เราทำกันยังไง...
เริ่มจากสมมติฐานก่อนเลย เราตั้งสมมติฐานว่า "ณ เวลานี้ พนักงานของเราทุกคน --ปลอดเชื้อ--ในขณะที่บุคคลภายนอกมีทั้งปลอดเชื้อ และมีเชื้อปะปนกัน" ดังนั้น สิ่งที่ต้องทำคือ...
1. มากำหนดแนวทางการใช้ชีวิตกัน ว่าพนักงานจะลดความเสี่ยงในการรับเชื้อจากการใช้ชีวิตได้อย่างไรบ้าง
..บอกก่อนว่า งานโรงงาน หลายๆ หน่วยงาน ไม่สามารถ Work From Home ได้เหมือนคนอื่นๆ นะจ๊ะ ก็นะ..ต้องผลิต ต้องตรวจคุณภาพ ต้องเตรียมสินค้าส่งออก ต้องซ่อมเครื่อง..มโนว่าทำจากบ้านมันไม่ได้น่ะเธอ..
..ต่อๆๆ..เมื่อยังต้องมาทำงาน ต้องออกจากบ้านมาใช้ชีวิต ก็ต้องกำหนดมาตรการป้องกัน จะไปไหนให้เขียนไทม์ไลน์ส่ง ประเมินตัวเอง ประเมินสถานที่ที่จะไป ควบคุมไปถึงคนที่บ้าน จะคลุกคลี สุงสิง กินข้าวกัน ก็เอ๊ะ วันนี้เธอไปไหนมา ที่เสี่ยงมั้ย ใส่หน้ากาก อยู่ห่าง ล้างมือป่ะล่ะ..อันนี้ก็เพื่อตัวพนักงานทุกคน ต้องทำเพื่อตัวเอง ครอบครัว คนรอบข้างนะจ๊ะ
2. ต่อมา ก็มากำหนดมาตรการป้องกันโรคที่อาจจะติดต่อจากบุคคลภายนอกกันจ้ะ
..บุคคลภายนอกมีใครบ้าง..ก็จะหมายถึงบุคคลภายนอก ที่ต้องเข้ามาติดต่อภายในโรงงาน ก็ตั้งแต่ เกษตรกรที่เข้ามาส่งวัตถุดิบ พี่พนักงานขับรถขนส่งทั้งหลาย พี่พนักงานขับรถหัวลาก พี่ไปรษณีย์ พี่เคอร์รี่ พี่แฟลช ฯลฯ ที่เข้ามาด้วยตัวเอง หรือมาแค่หน้าโรงงานแต่ต้องยื่นสินค้าให้กับพนักงานของเรา ทั้งหมดเลย
อ่อ รวมไปถึงผู้ผลิตวัตถุดิบต่างๆ ที่เราต้องนำมาใช้ในโรงงานหรือที่เราเรียกว่าซัพพลายเออร์นั่นล่ะ เพราะสินค้าของเค้าจะต้องเข้ามาอยู่ในโรงงานของเรา ซึ่ง ถึงแม้จะมีโอกาสอันน้อยนิด แต่ก็ยังคงมีโอกาสที่เชื้อจะติดมากับสินค้าได้อยู่ดี
..กำหนดมาตรการอะไรบ้าง ตรงนี้ หลักๆ แล้วก็คือ ต้องขอทราบมาตรการจากต้นสังกัด คือบริษัทของพี่ๆ เหล่านั้น ว่าเค้ามีมาตรการหรือนโยบายอย่างไร น่าเชื่อถือ และมั่นใจได้มั้ยว่ามีการปฏิบัติตามคำแนะนำจากภาครัฐอย่างเคร่งครัด
ส่วนเรื่องส่วนบุคคล บุคคลภายนอกทุกคนที่จะเข้ามาภายในเขตโรงงานของเรา จะต้องมีการทำแบบประเมินและคัดกรองก่อน ต้องส่ง Timeline 14 วันมาให้เจ้าหน้าที่ที่โรงงานตรวจสอบว่าไปในพื้นที่ที่มีความเสี่ยงสูงมั้ย แล้วเจ้าหน้าที่ก็จะจัดจำแนกออกเป็นสี เขียว เหลือง และแดง เพื่อเป็นการกำหนดแนวทางปฎิบัติสำหรับพนักงานที่จะต้องเข้าไปเกี่ยวข้อง หรือทำงานร่วมกันพี่ๆ บุคคลภายนอกเหล่านั้นนั่นเอง...
สีเขียวก็ควบคุมระดับปกติ ใส่หน้ากาก อยู่ห่าง ล้างมือ ถ้าสีเหลือก็เข้มงวดหน่อย มาแล้วเสร็จธุระ กลับเลบน๊าาา มาแล้วต้องอยู่ในจุดที่ควบคุม ห้ามไปแวะโรงอาหารน๊าาา อะไรแบบนี้ แต่ถ้าเป็นสีแดงนี่ คือ มาจากพื้นที่เสี่ยงสูง ก็จะมีการเข้มงวดมากๆๆ เช่น จะเข้าห้องน้ำก็จะมีห้องน้ำที่จัดไว้ให้เฉพาะ มีป้ายสีแดง ก็ต้องเข้าห้องสีแดงจ้ะพี่จ๋า ซึ่งห้องนี้ ก็จะมีการทำความสะอาด ฆ่าเชื้อ ถี่กว่าจุดอื่น ประมาณนี้แล
3. หลังจากหาทางป้องกันเชื้อให้กับคนของเราเองแล้ว...ถ้าหากเกิดเหตุไม่คาดฝันล่ะ เจ้าเชื้อตัวน้อยหลุดรอดเข้ามาในโรงงานอันคลีนสุดของเราได้ขึ้นมา จะทำยังไง!?
การปิดโรงงานเป็นสิ่งสุดท้ายที่เราอยากจะทำ..นั่นสิ! เลยต้องมาคิดต่อค่ะ ว่าจะทำยังไงถ้าพบผุ้ติดเชื้อ แล้วจะไม่ต้องปิดโรงงาน...
คิดไปคิดมา ก็มาสรุปกันที่ แบ่งทีมกันซะเรยยย แบ่งเป็น 2 ทีม แยกที่ทำงาน หน่วยงานไหนทำงานที่บ้านได้ ก็สลับกันมาเฝ้าสำนักทีมละสัปดาห์ ส่วนหน่วยงานที่ไม่สามารถทำงานที่บ้านได้ ก็แบ่งแยกพื้นที่ทำงาน ห้ามเจอกัน..เพราะหลักการก็คือ ถ้ามีทีมใดทีมหนึ่งติดเชื้อขึ้นมาจริงๆ อีกทีม จะต้องรับช่วงต่อ ในระหว่างที่ทีมที่พบผู้ติดเชื้ออยู่ระหว่างการตรวจหาเชื้อ หรือกักตัวนั่นเองแหละค่ะคุณ
อันที่จริงแล้ว รายละเอียดมันเยอะมากๆ เลยนะคะคุณๆ แค่หน่วยงานที่ป้าสังกัดอยู่หน่วยเดียว ก็ต้องมีการกำหนดมาตรการ มีการทำเอกสารเพิ่มเติม มีความต้องชี้แจงผู้เกี่ยวข้องทั้งในองค์กร นอกองค์กร เยอะแยะสิ่งมาก..เหนื่อยแทนหน่วยงานที่ต้องรับผิดชอบดูแลภาพรวมทั้งหมดให้มันสอดคล้องกัน ให้มันครบถ้วนสมบูรณ์เลยทีเดียวค่ะ
เอาล่ะ..หวังว่าคุณๆ คงพอนึกภาพออกบ้างนะคะ ใครแวะมาอ่าน ป้าก็หวังว่าจะเป็นประโยชน์กับคุณๆ ไม่มากก็น้อย
และสุดท้าย..ขอเป็นกำลังใจให้ทุกคนที่พยายามสู้กับวิกฤติครั้งนี้นะคะ เราจะผ่านมันไปด้วยกันจ้ะ!
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2025 Blockdit
