30 ม.ค. 2021 เวลา 03:50 • ธุรกิจ
รู้จัก Hawthorne Effect เมื่อการถูกใส่ใจ อาจเป็นสิ่งที่ใครๆ ก็ต้องการ
เชื่อว่าคนที่เคยศึกษาวิชา จิตวิทยา หรือ มนุษยสัมพันธ์เบื้องต้น
คงจะต้องเคยได้ยินชื่อ “Hawthorne Effect” ผ่านๆ กันมาบ้างแล้ว
แต่สำหรับใครที่ยังไม่เคยได้ยินชื่อนี้เลย
ก็ต้องขอเกริ่นคร่าวๆ ไว้ก่อนว่า Hawthorne Effect
คือชื่อของ ผลการทดลองเชิงจิตวิทยาในการทำงาน เมื่อเกือบ 100 ปี ที่แล้ว
ที่ได้มาซึ่งผลการทดลอง ที่ “เซอร์ไพรส์” มากเลยทีเดียว
Hawthorne Effect คืออะไร ? THE BRIEFCASE จะเล่าให้ทุกคนฟัง..
หลายคนอาจจะคิดว่า ชื่อ Hawthorne Effect มาจากชื่อคนที่คิดค้นการทดลองนี้
แต่คำตอบคือ “ไม่ใช่”
เพราะจริงๆ แล้ว คนที่คิดค้นการทดลองนี้
เป็นศาสตราจารย์ด้านจิตวิทยาสัญชาติออสเตรเลีย ที่ชื่อว่า “Elton Mayo”
แต่ที่ผลการทดลองนี้เรียกว่า Hawthorne Effect ก็เพราะว่า Elton Mayo ไปทำการทดลอง ณ โรงงานอุตสาหกรรมแห่งหนึ่ง ที่ตั้งอยู่ในรัฐอิลลินอยส์ ประเทศสหรัฐอเมริกา โดยโรงงานนั้นมีชื่อว่า Hawthorne Works หรือเรียกสั้นๆ ว่า “Hawthorne”
ผลที่ได้จากการทดลอง จึงถูกตั้งตามชื่อโรงงาน ว่า “Hawthorne Effect” นั่นเอง..
การทดลองในครั้งนั้น เกิดขึ้นในช่วงปี 1924-1932 ซึ่งก็มีหลายประเด็นที่ถูกทดลอง และมีข้อสรุปที่ได้ออกมาหลายข้อด้วยกัน
แต่การทดลองที่มีชื่อเสียงที่สุด และกลายเป็นมาเป็นประเด็นหลักของ Hawthorne Effect
คือการทดลองเพื่อดูว่า
“ประสิทธิภาพในการทำงาน” มีความสัมพันธ์กับ “ความสว่างของแสงไฟ” ในพื้นที่ทำงานหรือไม่?
1
โดย Elton Mayo ได้แบ่งพนักงานในโรงงานที่เข้าร่วมการทดลองออกเป็น 2 กลุ่ม
- กลุ่มแรก ได้ทำงานในพื้นที่โรงงานที่มีแสงไฟที่สว่างพอเหมาะกับการทำงาน
- กลุ่มที่สอง ได้ทำงานในพื้นที่โรงงานที่มีแสงไฟสลัวๆ ไม่สว่างไสวเหมือนกลุ่มแรก
ซึ่ง Elton Mayo และคณะวิจัย ก็ตั้งสมมติฐานว่า
พนักงานกลุ่มที่ได้ทำงานในพื้นที่ ที่มีแสงไฟสว่างเหมาะกับการทำงาน จะสามารถทำงานได้มีประสิทธิภาพกว่า พนักงานกลุ่มที่ได้ทำงานในพื้นที่ไฟสลัว
แต่ผลการทดลองที่ได้ กลับฉีกกรอบสมมติฐานที่ตั้งไว้อย่างสิ้นเชิง
เพราะพนักงานในการทดลองทั้งสองกลุ่ม กลับทำงานได้มีประสิทธิภาพได้ดีขึ้นกว่าเดิม
และที่น่าสนใจก็คือ กลุ่มที่ทำงานในที่ไฟสลัว ก็ไม่ได้มีประสิทธิภาพในการทำงานด้อยกว่า กลุ่มที่ทำงานในพื้นที่สว่างเลย
และสิ่งที่น่าแปลกใจไปมากกว่านั้นก็คือ
หลังการทดลองดังกล่าวสิ้นสุดลง ผลคือ ประสิทธิภาพการทำงานของพนักงานทั้งสองกลุ่ม กลับลดลงจากช่วงที่ทำการทดลองอย่างเห็นได้ชัด
1
หลังจากนั้น Elton Mayo และคณะวิจัยของเขา ก็ได้เข้าไปสัมภาษณ์พนักงานที่เข้าร่วมการทดลองทั้งสอง
กลุ่ม ซึ่งสุดท้ายก็ได้ข้อสรุปว่า
ที่พวกเขาทำงานมีประสิทธิภาพมากขึ้นในช่วงของการทดลอง
เป็นเพราะพวกเขารู้สึกว่าได้รับความใส่ใจจากคณะวิจัย ที่ได้ติดตามและเฝ้าดูการทำงานของพวกเขาตลอด ทำให้พวกเขาตั้งใจทำงานมากขึ้นเป็นพิเศษนั่นเอง
ทำให้บทสรุปจากการทดลองในครั้งนั้น ได้ออกมาว่า “ผลการปฏิบัติงานที่เพิ่มขึ้นของพนักงานเกิดจากการที่เขาได้รับความเอาใจใส่ มากกว่าเกิดจากการเปลี่ยนแปลงใดๆ ที่เกี่ยวกับงาน”
ซึ่งนั่นก็คือ ประเด็นหลัก จากการทดลองที่โรงงาน Hawthorne ที่ถูกเรียกกันในภายหลังว่า “Hawthorne Effect” นั่นเอง..
ถึงแม้ว่า จะมีนักวิจัยบางกลุ่ม ออกมาโต้แย้งประเด็นต่างๆ ในการทดลองครั้งนั้นบ้าง
แต่อย่างไรก็ตาม Hawthorne Effect ก็ได้กลายมาเป็น กรณีศึกษาสุดคลาสสิก ที่นิยมนำมาพูดกันในวิชามนุษยสัมพันธ์ และ จิตวิทยา ในทุกวันนี้
ไม่ว่าคุณจะ เห็นด้วย หรือ ไม่เห็นด้วย กับ Hawthorne Effect
แต่บทสรุปจากการทดลองนี้ ก็เป็นประเด็นน่าสนใจ ที่น่านำเอาไปปรับใช้ในชีวิตของแต่ละคนไม่น้อย
..ลองใส่ใจ และให้ความสำคัญมากขึ้น กับลูกน้องหรือเพื่อนร่วมงาน ในที่ทำงาน
..ลองใส่ใจ และให้ความสำคัญมากขึ้น กับคุณพ่อคุณแม่ ลูกๆ หรือคนสำคัญที่บ้าน
..และลองใส่ใจ และให้ความสำคัญมากขึ้น กับคนรอบข้างทุกคน ที่คุณคิดว่า เขาเหล่านั้นต้องการความใส่ใจจากคุณ
เพราะบางที การถูกใส่ใจ และถูกให้ความสำคัญ
อาจเป็นสิ่งที่ทุกคนรอบตัวของคุณ ต้องการจากคุณ มากที่สุด
แล้ววันนี้คุณรู้หรือยังว่า ใครกำลังใส่ใจคุณ และคุณควรจะใส่ใจใคร..
โฆษณา