ในยุคนี้เรียกว่ายุคอะไร ?ยุคของการระบาดของโรคติดต่อไปทั่วโลกที่ได้รับผลกระทบอย่างทั่วถึงทั้งโลกต่อทั้งระบบเศรษฐกิจ สิ่งแวดล้อม สังคม เรียกว่าเป็นยุคนึงที่ไม่แข็งแกร่งจริงๆก้แทบไม่มีที่ยืนแข็งแกร่งในที่นี่รวมถึงทั้งร่างกายและจิตใจจริงๆเพราะจากสังคมและสาธารณูปโภคคมนาคมจากที่มนุษย์เราสร้างมาถึงที่เหมือนย่อโลกจากที่เคยเดินทางสะดวกสบายไปทั่วโลกแลกเปลี่ยนทั้งวัฒนธรรมการค้าแต่ตอนนี้ต้องเว้นระยะห่างกักตัวอยู่ประเทศใครประเทศมันแต่ยังดีที่ไม่ได้หยุดชะงักทั้งหมดและในภาวะแบบนี้เรียกว่าการแข่งขันทางธุรกิจการค้าในรูปแบบทั้งอีคอมเมิร์ซออนไลน์ขนส่งเดลิวิลี่จะเรียกว่าเติบโตก้าวกระโดดเพราะทุกคนทุกประเทศต้องเว้นระยะห่างทางสังคมในขณะที่ทั่วโลกรอวัคซีนซึ่งจริงๆสภาวะแบบนี้มีทั้งผลดีและผลเสียแน่นอนดาบสองคมเพราะเราไม่รู้ว่าในสถานคับขันรึขาดแคลนนี้สะท้อนสังคมภาพรวมการบริหารของทุกฝ่ายทุกประเทศทั่วโลกว่าเป็นไปด้วยความจริงใจมี คุณธรรมมนุษย์ธรรม จริยธรรม เพื่อช่วยกันแก้ไขสถานการณ์เหตุการณ์แพร่ระบาดนี้อย่างจริงจังแค่ไหนรึกลายเป็นการฉกชิงผลประโยชน์แบ่งจากเหตุการณ์สถานการณ์ที่เหมือนบีบคั้นกดดันภาวะจำยอมด้วยสถานภาพสถานการณ์ที่มีข้อจำกัดของแต่ละประเทศสังคมและแต่ละคนแต่ละองค์กร ความเท่าเทียมมีจริงรึป่าวในโลกนี้ความยุติธรรมมีอยู่จริงรึป่าวแล้วที่พวกเราเคยได้ยินมา ปลาใหญ่กินปลาเล็ก หรือแม้แต่ สงครามเย็น สังคมหน้ากาก สงครามการค้า รวมไปถึง สงครามของมนุษย์ผู้อ่อนแอและมนุษย์ผู้แข็งแกร่ง ในที่นี้หมายถึงการเอาตัวรอดซึ่งแล้วแต่วิธีการว่าจะแบ่งออกเป็นฝ่ายที่มองผลระยะยาวทำเพื่อประโยชน์ส่วนรวมจริงๆกับพวกที่แค่ระยะสั้นเห็นแก่ตัวเอาแค่นี่คือช่วงจังหวะที่จะมุ่งหน้ากอบโกยจากความเหลื่อมล้ำได้เปรียบนี้ให้ได้มากที่สุดเพื่อที่จะได้ยึดครองโลกนี้ให้มีแต่พวกตัวเองหมายรวมถึงอุดมการณ์แบบในหนังรึแบบที่เคยเป็นประเด็นในสงครามยุคก่อนๆ ที่เล่ามาเพราะแอดมินเองตั้งแต่โตมาก้เพิ่งเคยเห็นสถานการณ์บ้านเมือง รร ร้านค้า สนามบิน ถนน ว่างป่าวปิด แถมด้วยถ้าไม่ได้โทษว่ามองโลกในแง่ร้ายเกินไปยุคนี้ผู้คนดูเหมือนจะแบ่งแยกและชอบความรุนแรงทั้งการแสดงออกด้านสื่อโซเชี่ยลคำพูดและการกระทำกับสังคมโดยเฉพาะในสังคมไทยที่ดูจะทั้งบิดเบือนและแบ่งฝักฝ่ายพวกใครพวกมันแข่งขันและช่วงชิงกันเอาเป็นเอาตายแบบที่ตั้งแต่โตมาไม่เคยเห็นว่าไปทั่วทุกสังคมทุกช่วงวัย การบลูลี่ก้ดูจะรุนแรงมากขึ้นแค่การเห็นต่างกันทั้งๆที่ไม่ได้รู้จักกันส่วนตัวมาก่อนแต่สามารถทะเลาะกันด้วยถ้อยคำรุนแรงรึแม้แต่การกระทำผ่านทั้งสื่อโซเชี่ยลและในชีวิตจริงสังคมไทยเหตุการณ์แบบนี้อาจเคยเกิดขึ้นมาก่อนแล้วในยุคที่แอดมินยังไม่เกิดแต่แค่คนละรูปแบบและไม่มีโซเชี่ยลให้คนมาทะเลาะกันผ่านสื่อที่เข้าถึงแทบจะทุกคนในยุคนี้ทำให้ต้องระวังในการเสพสื่อว่าจะเลือกเสพแบบที่สร้างสรรค์รึว่าทำลายในที่นี้รวมถึงการบลูลี่ก้คือการเหยียดทุกรูปแบบผ่านการแสดงออกทางพฤติกรรม วาทกรรม รวมถึงถ้อยคำผ่านตัวหนังสือ คอนเทนท์ ต่างๆ ผ่านทางสื่อโซเชี่ยล รึตามความสามารถในการหามาเพื่อแสดงออกในเชิงสร้างสรรค์รึทำลายเหยียดหรือชื่นชมไม่ใช่ประชดประชันเพราะนั่นเท่ากับเป็นการบ่งบอกไปถึงอุปนิสัยส่วนตัวของแต่ละคนว่าเป็นผู้มีสติปัญญาหรือเป็นคนพาล
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2025 Blockdit
