30 ม.ค. 2021 เวลา 01:33 • สุขภาพ
Special EP2 8 เรื่องน่ารู้เกี่ยวกับยา “พาราเซตามอล”
1. Tylenol, Sara, Cemol, Bakamol, Paracap และอีกหลาย ๆ ชื่อ ทั้งหมดนี้เป็นชื่อการค้าของตัวยา Paracetamol 500 mg ทั้งสิ้น ดังนั้น ระวังเข้าใจผิดเผลอไปกินยาพาราเซตามอลซ้ำซ้อนกันนะครับ วิธีสังเกต: พลิกดูด้านหลังแผงหรือข้างกล่อง นอกจากชื่อการค้าแล้ว จะมีข้อความ “ยานี้มีพาราเซตามอล 500 มิลลิกรัม หรือ Paracatamol 500 mg”
2. ยาแก้หวัด Tiffy, Decolgen และยาคลายกล้ามเนื้อ Norgesic จะมีตัวยาพาราเซตามอลเป็นส่วนประกอบในตำรับด้วย ดังนั้น หากได้รับยาเหล่านี้มากิน ไม่ต้องไปหาซื้อยาพาราเซตามอลมากินเพิ่ม เพราะจะทำให้ได้รับพาราเซตามอลมากเกินไป ส่งผลเสียต่อร่างกาย
3. ตัวยาพาราเซตามอลไม่มีฤทธิ์ระคายเคืองกระเพาะอาหารอยู่แล้ว ดังนั้นจะเป็นพาราเซตมอลยี่ห้อไหนก็ตาม ก็ไม่กัดกระเพาะหรือทำให้เกิดอาการแสบท้อง และจะกินก่อนหรือหลังอาหารก็ได้
4. ยาพาราเซตามอลจะสีไหนก็ตาม ไม่ว่าจะเป็นขาวฟ้า ขาวล้วน เหลือง หรือเม็ดกลม รี สี่เหลี่ยม สามเหลี่ยม การออกฤทธิ์ไม่มีความแตกต่างกันในทางทฤษฎี เพราะยาที่ถูกผลิตออกมาจำหน่ายได้ ย่อมต้องผ่านการทดสอบตามมาตรฐานมาแล้ว ดังนั้นหากกินเข้าไปแล้วรู้สึกว่าสีนี้หายปวดดีกว่า เม็ดหน้าตาแบบนี้กินแล้วดีกว่า เป็นผลทางจิตใจล้วน ๆ
5. วิธีการกินยาพาราเซตามอลที่ถูกต้องและปลอดภัยที่สุด คือกินตามน้ำหนักตัว 10 – 15 มิลลิกรัมต่อน้ำหนักตัว 1 กิโลกรัม สรุปให้ง่าย ๆ คือ น้ำหนักตัว 34-50 กิโลกรัม กิน 1 เม็ด, 50-75 กิโลกรัม กิน 1 เม็ดครึ่ง, 75 กิโลกรัมขึ้นไป กิน 2 เม็ด ทุก 4-6 ชั่วโมง
6. คนที่ควรระวังการใช้ยาพาราเซตามอล ได้แก่ ผู้ที่ดื่มแอลกอฮอล์เป็นประจำ ผู้มีภาวะการทำงานของตับผิดปกติ ผู้ที่แพ้พาราเซตามอล ผู้ป่วยโรค G6PD ผู้ป่วยที่กำลังใช้ยาที่มีพิษต่อตับ เช่น ยาฆ่าเชื้อราแบบรับประทาน
7. ไม่ควรกินยาพาราเซตามอลดักไว้ก่อนทั้งที่ยังไม่มีอาการ เช่น กินยาดักไว้ก่อนเพื่อป้องกันอาการไข้ ทั้งที่ยังไม่มีไข้ ถือเป็นการใช้ยาที่ไม่สมเหตุสมผล และไม่ทำให้เกิดประสิทธิภาพในการรักษา แต่อาจะเกิดผลข้างเคียงโดยไม่จำเป็นแทน
8. การเก็บรักษายาพาราเซตามอลควรเก็บให้พ้นแสง เพราะตัวยาไม่ทนต่อแสงแดด นอกจากนี้ควรเก็บในภาชนะบรรจุที่ปิดสนิท ไม่เก็บยาในที่ชื้นและที่ร้อนกว่า 30 องศาเซลเซียส
โฆษณา