Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
Investing Starters
•
ติดตาม
30 ม.ค. 2021 เวลา 13:29 • หุ้น & เศรษฐกิจ
กรณีศึกษาที่อื้อฉาวของ Enron
Enron เคยเป็นบริษัทที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในสหรัฐ ก่อตั้งเมื่อปี 1985 จากการควบรวม Houston Natural Gas Company และ Omaha-based InterNorth Incorporated
โดยที่มี Kenneth Lay เป็น CEO และ Enron ดำเนินธุรกิจด้านซื้อขายพลังงานและเป็นผู้ผลิตพลังงาน
มีการยกเลิกกฎระเบียบของตลาดพลังงานทำให้บริษัทต่าง ๆ สามารถใช้ประโยชน์จากการยกเลอกกฎระเบียบนี้ รวมไปถึง Enron โดย CEO, Kenneth Lay
ได้ก่อตั้ง Enron Finance Corporation และได้แต่งตั้ง Jeffrey Skilling เป็น CFO
เป็นช่วงเวลาที่ดีของ Enron พอดี และกฎระเบียบน้อยมากทำให้ Enron เติบโตอย่างก้าวกระโดด
Jeffrey Skilling เปลี่ยนวิธีการทางบัญชีของ Enron จากวิธีการบันทึกต้นทุนแบบเดิมไปเป็นวิธีการบัญชีแบบ Mark-to-Market (MTM) ซึ่งบริษัทได้รับการอนุมัติอย่างเป็นทางการจากกลต. ในปี 1992 MTM ใช้วิธีบันทึกแบบมูลค่ายุติธรรม ซึ่งสามารถเปลี่ยนแปลงมูลค่าสินทรัพย์และหนี้สินได้ตลอดเวลา ซึ่งการบันทึกแบบนี้ถูกใช้อย่างแพร่หลาย แต่บางครั้ง MTM ไม่ได้ขึ้นอยู่กับต้นทุนที่เป็นความจริงแต่ใช้ดุลยพินิจขอองผู้บันทึกเป็นตัวกำหนดมูลค่า จึงยากต่อการประเมิน หลายคนเชื่อว่า MTM คือจุดเริ่มต้นการพังลงของ Enron เนื่องจากการบันทึกผลกำไรที่ยังไม่เกิดขึ้นจริง
ต่อมา Enron ก่อตั้ง Enron Online (EOL) ในปี 1999ซึ่งทำธุรกิจเว็บไซด์การค้าสินค้าโภคภัณฑ์ ณ ตอนนั้นนิตรสาร Fortune ขนานนามให้ Enron เป็น "บริษัทที่มีนวัตกรรมมากที่สุดของอเมริกา" ติดต่อกัน 6 ปี (1996-2001)
Blockbuster หนึ่งในผู้มีส่วนร่วมกับ Enron เป็นอดีตผู้นำในการให้เช่าวิดิโอ ทั้งสองบริษัทได้เข้าร่วมเป็นหุ้นส่วนในการเข้าสู่ตลาด Video on demand (VOD) การดูวิดิโอออนไลน์ (คล้าย Netflix) ซึ่งเหมือนจะไปได้สวย แต่ Enron เริ่มบันทึกกำไรในอนาคตของธุรกิจ VOD ที่สูงเกินจริง กลางปี 2000 EOL มีการซื้อขายกันกว่า 9 ล้านล้านบาท Enron จึงตัดสินใจสร้างเครือข่ายโทรคมนาคมบรอดแบนด์ความเร็วสูง ซึ่งใช้เงินหลายพันล้านบาท เเต่เนื่องจากเกิดฟองสบู่ดอทคอมในปีนั้น ทำให้ Enron ตระหนักว่าการลงทุนนี้แทบจะไม่ได้ผลตอบแทนเลย ณ ตอนนั้นเป็นตอนที่นักลงทุนและผู้ให้กู้จำนวนมากเริ่มรู้สึกตัวว่าตัวเองกำลังจะหายไปจากจุดจบของฟองสบู่ดอทคอม
นาย Fastow และคนอื่น ๆ ที่ Enron ได้เริ่มจัดทำ Special purpose venhicles (SPVs) เพื่อซ่อนหนี้และสินทรัพย์ที่ขาดทุนจากนักลงทุนและเจ้าหนี้ โดยที่ Enron โอนหุ้นจำนวนมากเข้าไปที่ SPV และใช้ SPV ไปขอกู้เงิน ทำให้หนี้ที่เกิดขึ้นไม่ใช่ของ Enron แต่ SPV มีมูลค่าที่ขึ้นกับหุ้นของ Enron เท่านั้น ดังนั้นเมื่อมูลค่าหุ้นของ Enron ลดลงจึงมีผลต่อ SPV
นอกจากนั้นนาย Fastow ยังมีส่วนสำคัญในกรณีที่ Enron ได้รับการเซ็นอนุมัติจากบริษัท Andersen LLP ซึ่งเป็นบริษัทบัญชีที่ใหญ่ที่สุดในอเมริกาเวลานั้น ซึ่งเป็นบริษัทบัญชีให้ Enron ถึงแม้ว่า Enron จะทำบัญชีที่ดูน่าสงสัยแต่ Andersen LLP ก็อนุมัติให้หลายปี จนปี 2000 Enron เริ่มถูกตั้งคำถามถึงความโปร่งใส
ปี 2000 Enron เริ่มพัง ปี 2001 Kenneth Lay (CEOคนแรก) เกษียณ และ Jeffrey Skilling ขึ้นมาเป็น CEO แทน ได้ใช้ MTM ในการปกปิดการขาดทุน และลาออกด้วยเหตุผลส่วนตัว ในช่วงเวลาเดียวกันความน่าเชื่อถือ และราคาหุ้นปรับลงไปที่ 39.95 $ จากจุดสูงสุดที่ 90.75 $ หลังจากที่แอบซ่อนการขาดทุนมานานก็ไม่ไหวบริษัทรายงานผลขาดทุนครั้งแรก ต่อมา SEC (ก.ล.ต.) เริ่มตรวจสอบ Enron และ SPV นาย Fastow ถูกไล่ออก บริษัทเปลี่ยนบัญชีปี 1997 ใหม่ ให้กลายเป็นขาดทุนเกือบ 18,000 ล้านบาท บอกกับหนี้19,000 ล้านบาท Enron ขอยื่นล้มละลายในเดือนธันวา ปี2001
ท้ายที่สุด Enron หรือชื่อใหม่ Enron Creditors Recovery Coporation (ECRC) ต้องจ่ายเงินให้เจ้าหนี้กว่า 66,000 ล้านบาทจากปี 2004-2011 บริษัทบัญชี Andersen ได้รับความอับอายจากเรื่องนี้ และความเชื่อมั่นของบริษัทก็ลดลงไป ผู้บริหารของEnron หลายคนถูกตัดสินปรับและจำคุก ที่หนักที่สุดคือ Jeffrey Skilling ต้องมอบเงิน 1260 ล้านบาทแก่ผู้เสียหายและติดคุกถึงปี 2028
กรณีของ Enron เป็นหนึ่งในตัวอย่างการเเต่งงบบัญชี แต่ไม่ใช่เรื่องที่น่ากังวลเพราะยากมากที่บริษัทในตลาดหลักทรัพย์จะตกแต่งงบ และกรณีแบบนี้พบได้น้อยมาก บทความนี้จึงมีไว้เพื่อศึกษาในบางจุด ให้คอยเฝ้าระวังพฤติกรรมแปลก ๆ ของบริษัทที่คุณเป็นเจ้าของ
บันทึก
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย