31 ม.ค. 2021 เวลา 10:03 • นิยาย เรื่องสั้น
สวัสดีค่ะเพื่อนๆ เอิ่ม...นี่เป็นการเขียนบทความครั้งแรกของฉันเลยนะคะ อยากจะมาแชร์ประสบการณ์การฝึกงานอันแสนทรมานมากกก ที่โรงแรมแห่งหนึ่งใน Bangkok ใครกำลังหาที่ฝึกงานอยู่แนะนำให้อ่านให้จบ.....
1
ก่อนอื่นเราขอแนะนำตัวก่อนนะคะ เราเป็นคนต่างจังหวัด เราเลือกเรียนสาขาการท่องเที่ยวและการโรงแรม เพราะหนีตัวเลข และไม่เก่งคณิตศาสตร์ รวมถึงตามเพื่อนๆจึงเลือกลงสาขานี้ แต่พอได้เรียนเอาจริงมันก็ไม่อยากนะ ถ้าสนใจเรียนจริงๆ อย่างเราเรียนๆเล่นๆเฮฮาไปเรื่อย...เครียดบ้าง ขำบ้าง
1
พอขึ้นปีที่3 ช่วงเทอม2เรารู้ตัวว่าต้องออกไปฝึกงานตามหลักสูตรวิชานี้ เราก็ไม่ค่อยสนใจ จนครบกำหนดต้องส่งรายชื่อที่จะฝึกงานให้อ. พอดีเพื่อนเราไม่เสิดเจอโรงแรมแห่งนี้ก็เลยชวนเราไปด้วย เราก็โอเคร ตกลง ง่ายม่ะไม่คงไม่คิดเลยอะะะ55
ที่นี่ไม่ใช่โรงแรมที่เราไปฝึกนะ เป็นภาพที่เราถ่ายตอนอยู่ที่นั่น
หลังจากนั้นเราก็เดินทางไปสมัครกับ HR. เพื่อขอฝึกงานครั้งแรกที่เราไปเห็นโรงแรม คือแบบ...สวยมาก หรูหรา หมาเห่า2ตัว อิดอกก ดีย์อะไรขนาดนี้ ไม่ว่าจะเป็นพนักงาน การแต่งกาย ภาพรวมของโรงแรม เป็นที่มาของคำว่า คนในอยากออก คนนอกอยากเข้า อะแม่!!
วันสัมภาษณ์ เขาจะให้เราแนะนำตัวเองเป็นภาษาไทยตามด้วยภาษาอังกฤษ ประเด็นคือจะมีบทสัมภาษณ์ภาษาอังกฤษประมาน 3-4 ข้อเกี่ยวกับประสบการณ์การทำงาน
หลังจากนั้นเราก็รอเขาประกาศผล สรุปเราผ่านจ้าา เราได้ลงแผนก Food and Beverage Service (f&b) ตอนนั้นดีใจมาก หลังจากนั้นก็มีการอบรมและเทรนงานเราก็เริ่มทำงาน
วันแรกของการทำงาน เราต้องเข้างานก่อน 08:00 น. ส่วนมาก Trianee จะได้เข้าแต่กะเช้า เราจะต้องเข้าทางด้านหลังของโรงแรม เพราะเราเป็นพนักงาน จะต้องตรอกบัตรและเปลี่ยนชุดเข้าทำงาน อยากเห็นชุดทำงานของเราอะป่าวว!! อะดูๆ
โลกที่มีฉัน...
ในส่วนที่เราทำงานจะเรียกกันว่า Gourmetbar หน้าที่หลักๆคือ การต้อนรับลูกค้า,รับ order อาหารและเครื่องดื่ม, รวมถึงการขายขนมเค็ก เครื่องดื่มต่างๆ ซึ่งเราต้องเรียนรู้ระบบงาน ไม่ว่าจะเป็นการรับเงินจ่ายเงินต้องใส่รหัสผ่านของเก๊ะ การใช้เครื่องทำกาแฟต่างๆ
ตอนช่วงวันแรกๆเราก็ Happy นะ พี่ๆเพื่อนๆที่ทำงานดูเป็นกันเองมาก สอนงานพูดจาดีให้คำแนะนำ แต่หลังจากผ่านไปประมานไม่ถึงครึ่งเดือนจ้าา ออกลายกันเฉย งงง
1
พอเหมือนเริ่มสนิทกัน เราจะรู้เลยใครหวังดีไม่หวังดีกับเรา อันนี้ข้อแรกที่เราสังเกต คือ เวลาลูกค้าให้ Tip เขาจะรีบเดินมาบอกเราให้นำไปใส่กล่องรวมกัน เลิกงานถึงจะหาร ต้องแบ่งให้เท่ากัน เราก็ไม่อะไรนะ ก็ทำตามทุกครั้ง แต่หลังๆมาเราเห็นพอเขาได้ทิปกันเขาจะรีบเก็บใส่กระเป๋ากางเกงส่วนตัวทันที เออ...แปลกป่ะ
สิ่งที่เราเจออีก และเพิ่มขึ้นเรื่อยๆคือคำพูดที่คอยจะเหน็บแนม ตะคอกใส่เรา สายตาที่มองจิกเราในทุกๆวันของการทำงาน แค่คิดมันก็บั่นทอนแล้ว ทั้งๆที่เป็นผู้ใหญ่นะ บางครั้งเราก็ลืมในส่วนของการคิดเงิน คือเก๊ะเงินนั่นแหละ บางครั้งนี่โดนแบบปิดประตูใส่หน้าอะ เอาจริงโดนหลายอย่าง ทั้งที่เราก็นิ่งนะ เราไม่เคยเถียง และบางครั้งเราโดนด่าทั้งที่เราไม่ได้ทำอะไรผิดเลย ว่าด้วยเรื่องเชฟ ที่ชอบแซวเรา ทำให้พี่ร่วมงานบางคนเกลียดเราไม่ชอบเรา ด่าเราว่า แรดบ้าง ไปอ่อยนู้นนี่นั่นบ้าง คือแบบ...เห้ยเราไม่ได้ไปยุ่งเลยนะเว้ย เราก็อยู่ของเรา ทำไมต้องเจอสังคมอะไรแบบนี้ เราทำงานแบบน้ำตาคลอแถบจะทุกวัน เรารอแต่เวลาเมื่อไหร่จะฝึกจบ มันทรมานมาก เราคิดถึงแม่ เราอยากกลับบ้าน
และสิ่งที่พีคที่สุดของเรา คือเพื่อนที่มาฝึกงานกะเราเอาเราไปนินทาไปใส่ไฟให้คนที่ทำงาน และโทรไปเล่าให้เพื่อนในแก๊งค์ที่ฝึกงานคนละที่ให้เกลียดเรา ตอนนั้นคือเราไม่รู้เรื่องเลย จนเพื่อนคนที่มันโทรไปเล่ามาบอกเรา เราร้องไห้หนักมาก แบบเจอหลายๆเรื่องตอนฝึกงาน เราเหมือนตัวคนเดียว ไปไหนมาไหนคนเดียว แถมโดนคนเกลียดแบบงงๆ พอทุกคนรู้ความจริงจากเราบ้างก็ให้กำลังใจเรา ส่วนอิเพื่อนทรยศอะ เขาเลือกที่จะไม่เครียนะ ตอนนั้นอยู่หอด้วยกัน นางก็ให้เพื่อนนางที่อยู่กทม.พามาขนของย้ายไปหออื่น
2
นี่เป็นสิ่งที่เราเจอ....
สำหรับเรามันเป็นบทเรียนมากๆเลยนะ ไม่ว่าจะเรื่องการปรับตัวกับที่ทำงาน การวางตัว กริยา ท่าทาง การพูดการจา ทุกอย่างสำคัญ. และสิ่งสำคัญต้องมีความอดทนมาก เพราะเป้าหมายของเราก็คือการฝึกงานให้จบ และทำมันให้ดีที่สุด
สุดท้ายนี้เราหวังว่าบทความของเราจะเป็นบทเรียนให้กับใครหลายๆคนนะคะ
#ฝากบทความบทแรกของเรา #ขอบคุณที่สละเวลาในการอ่าน #แล้วพบกันใหม่นะคะ #โลกที่มีฉัน...
โฆษณา