31 ม.ค. 2021 เวลา 12:37 • สุขภาพ
Ep. รู้ไหมว่า ECG บน Apple Watch บอกอะไรได้บ้าง?
สวัสดีดีครับเพื่อนๆชาว Blockdit หลังจากที่ฟีเจอร์ ECG บน Apple Watch สามารถเปิดให้ใช้ในไทยได้เมื่อไม่นานมานี้ วันนี้ผมจึงจะหยิบยกมาเล่าให้ทุนคนฟังถึงเจ้าค่า ECG นี้ ว่ามันคืออะไร? มันสำคัญขนาดไหน? และค่าที่วัดได้จาก Apple Watch นั้นมันสามารถบอกอะไรได้บ้าง
ก่อนอื่นเลยถ้าเล่าเรื่อง ECG (หรืออาจเรียกกันว่า EKG) ก็ต้องย้อนกลับไปตอนเรียนพื้นฐาน Physiology ในชั้นปีที่2 ในวิชา cardiovascular system ซึ่งเป็นวิชาพรีคลินิคพื้นฐานของการทำงานของหัวใจ
ECG (Electrocardiogram) หรือการตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจ เป็นการตรวจความผิดปกติของการทำงานของหัวใจทั้ง 4 ห้องและการทำงานที่สัมพันธ์กันของแต่ละห้องหัวใจ หากไฟฟ้าที่ทำการควบคุมการทำงานเกิดความผิดพลาดก็จะส่งผลต่ออัตราการเต้นของหัวใจให้ผิดปกติได้ นอกจากนี้ยังรวมไปถึงการดูเรื่องของกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด และห้องหัวใจที่โตผิดปกติ
รู้หรือไม่ว่าหัวใจสร้างสัญญาณไฟฟ้าได้ด้วยตัวเอง?
🙏🏻ขอบคุณรูปภาพจาก https://en.m.wikipedia.org/wiki/Sinoatrial_node
หัวใจนั้นเป็นอวัยวะพิเศษที่สามารถสร้างสัญญาณไฟฟ้าได้ด้วยตนเอง จึงทำให้หัวใจสามารถเต้นได้ตลอดเวลาโดยไม่ต้องพึ่งสมอง โดยตัวสร้างสัญญาณไฟฟ้าในหัวใจที่สำคัญๆ เรียกว่า SA node ซึ่งเป็นจุดที่สร้างมากที่สุดเรียกว่า pacemaker และสามารถส่งสัญญาณไปในที่ต่างๆของหัวใจได้ ดังนั้นหัวใจของเราจะเต้นตามจังหวะที่ SAnodeเป็นตัวกำหนด ดังนั้นเราจึงเรียกมันว่า Sinus rhythm โดยปกติแล้ว Sinus rhythm ของเราจะอยู่ประมาณ 60-100 bpm
ถ้าเต้นเร็วกว่า 100 เรียกว่า Sinus tachycardia
ถ้าเต้นน้อยกว่า 60 เรียกว่า Sinus bradycardia
ซึ่งแต่ละอันก็จะมีความผิดปกติที่แตกต่างกันไป
แล้วECGจากapple watchและจากการตรวจจากรพ.ต่างกันมั้ย?
🙏🏻ขอบคุณรูปภาพจาก https://th.m.wikipedia.org/wiki/การบันทึกคลื่นไฟฟ้าหัวใจ
การตรวจ ECG ปกติจะต้องติดเคื่องมือถึง 10 ตำแหน่ง โดยทั่วไปจะอ่านค่าได้ถึง 12 lead จึงจะแปรผลโรคต่างๆได้อย่างสมบูรณ์ แต่จริงๆแล้วโรคทางหัวใจนั้นมีมากมาย ไม่เพียงแต่จะใช้การตรวจ ECG อย่างเดียวเท่านั้นถึงจะวินิจฉัยได้ อาจจะต้องให้การซักประวัติตรวจร่างการเพิ่มเติม
ดังนั้นการวัด ECG จากapple watch จะได้ผลออกมาน่าจะแค่ 1 lead ซึ่งเป็นการวัดแบบคร่าวๆ ไม่สามารถนำมาวินิจฉัยโรคได้ หรือบอกว่ามีความผิดปกติใดเกิดขึ้นกับหัวใจ แต่จากการดูค่าจาก apple watch แล้ว สามารถบอกได้เพียง จังหวะการเต้นของหัวใจ 4 รูปแบบ ได้แก่
1. จังหวะไซนัส( Sinus rhythm )รูปแบบกราฟการเต้นของหัวใจปกติ (50-100 BPM)
2. AFib จังหวะการเต้นที่ไม่สม่ำเสมอ (50-120 BPM)
3. อัตราการเต้นของหัวใจช้าหรือเร็ว (ต่ำกว่า 50 BPM หรือสูงกว่า 120 BPM)
4. ไม่สามารถสรุปผลได้ ไม่สามารถตรวจผล ECG เนื่องจากเหตุผลด้านสรีระวิทยา หรือการไม่ได้วางแขนบนโต๊ะตามคำแนะนำการใช้งานตัวแอปพลิเคชัน (ตามที่appleaได้บอกไว้)
ดังนั้นสาเหตุที่กล่าวมา ECGจากapple watch ยังไม่สามารถนำมาวินิจฉัยโรคได้อย่างเฉพาะ แต่สามารถบอกถึงความผิดปกติเล็กๆน้อยๆของหัวใจได้ (ย้ำ!! ว่าได้แค่เล็กน้อย)
แล้วสัญญาณอะไร ที่บอกว่าหัวใจเราผิดปกติ?
🙏🏻ขอบคุณภาพจาก https://en.m.wikipedia.org/wiki/Chest_pain
อาการเบื้องต้นที่สามารถบอกถึงความผิดปกติของหัวใจได้คือ อาการเจ็บหน้าอก (Chest Pain) คือ อาการเจ็บปวดที่เกิดขึ้นบริเวณหน้าอก ซึ่งเกิดขึ้นตั้งแต่บริเวณไหล่ลงมาถึงช่วงล่างของซี่โครง
ซึ่งสาเหตุของอาการเจ็บหน้าอกยังมีหลายสาเหตุ จึงต้องใช้การซักประวัติตรวจร่างกายเพิ่มเติมจากแพทย์
เพราะอาการนี้เป็นได้ตั้งแต่ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ,กรดไหลย้อน ไปจนถึงกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด
ดังนั้นถ้ามีอาการแน่นหรือเหมือนถูกกดที่หน้าอก,
รู้สึกเจ็บเหมือนถูกบีบที่หน้าอกและเจ็บร้าวไปที่หลัง คอ ขากรรไกร ไหล่และแขน โดยเฉพาะแขนซ้าย,อาการเจ็บที่เพิ่งหายไปกำเริบขึ้นได้หากต้องออกแรงมาก และอาจเป็น ๆ หาย ๆ ซึ่งขึ้นอยู่กับความหนักหน่วงของกิจกรรมที่ทำมีหายใจหอบเหนื่อย หายใจไม่สุด ควรไปพบแพทย์ทันที เพื่อได้รับการวินิจฉัยอย่างทันท่วงที
🙏🏻🙏🏻🙏🏻ขอบคุณความรู้ดีๆจาก
•เอกสารประกอบการสอน อาจารย์ นพ.สมเกียรติ แสงอุไร หมวดวิชาสรีรวิทยามหาวิทยาลัยรังสิต
ขอบคุณสำหรับการติดตามในepนี้นะครับ
DOCTORING - Hope your life is changing (Better :)
🙏🏻ขอบคุณและสวัสดีครับ🙏🏻
ถ้าเพื่อนๆชอบเรื่องราวแบบนี้ ฝากกดแชร์ กดชอบDOCTORING เพื่อเป็นกำลังใจให้ผมด้วยนะครับ
โฆษณา