1 ก.พ. 2021 เวลา 01:56 • ภาพยนตร์ & ซีรีส์
ณ.ประเทศแห่งหนึ่ง
..
คนทำหนังคนแรก เดินทางมาถึงหมู่บ้านที่แสนห่างไกล เขามาถ่ายหนังแอ๊คชั่นเรื่องแรก พอเข้าฉาย หูยยยย คนดูเยอะแยะ แน่นโรงไปหมด
คนทำหนังคนที่สอง เดินทางมาถึง เห็นว่าที่นี่มีคนทำหนังแอ็คชั่นไปแล้ว คนเขาก็เข้าไปดูกันเยอะแยะ เต็มโรง จึงคิดว่าน่าจะมีคนที่อยากดูหนังสยองขวัญบ้างแหละ เขาจึงลองสร้างหนังสยองขวัญขึ้นมาฉาย แล้วหนังเขาก็ไปได้ดี มีคนดูแน่นโรง...
คนทำหนังคนที่สาม เดินทางมาถึง เห็นว่าผู้คนที่นี่ค่อนข้างหลากหลาย เด็กก็มี คนแก่ก็มาก เขาคิดว่าคนกลุ่มนี้อาจจะอยากดูหนังเพื่อเป็นการพักผ่อนสมอง อยากดูหนังที่ดูกันได้ทั้งครอบครัว จึงสร้างหนังตลกขึ้นมา ปรากฏว่าพอหนัง ก็ได้รับความสนใจอย่างล้นหลามอีก...
คนทำหนังคนที่สี่ เดินทางมาถึง เห็นว่าหนังที่นี่มีความหลากหลายอยู่แล้ว ทั้งแอ๊คชั่น สยองขวัญ หนังตลก แต่เอ๊ะเหมือนจะยังขาด “หนังรัก” ไปนี่นา หนุ่มสาวที่นี่ก็เยอะแยะ แถมหมู่บ้านนี้ก็ดูจะโรแมนติกไม่ใช่น้อย งั้นฉันจะทำ “หนังรัก” โรแมนติก ขึ้นมาฉายอีกแนวละกัน
คนทำหนังคนที่ห้า คนที่หก... เดินทางทางมาอย่างต่อเนื่อง แล้วก็เริ่มมองหาสิ่งใหม่ เริ่มทำหนังที่ยังไม่เคยมี จากหมู่บ้านเล็กๆ ที่เริ่มต้นจากการทำหนังฉายแค่เรื่องเดียว กลายเป็นเมื่องที่กำลังเฟื่องฟูด้วยความหลากหลาย โด่งดังไปไกล จนถึงขนาดคนหมู่บ้านอื่นยังต้องขับรถมาดู ดูทั้งหนัง เที่ยวตามรอยสถานที่ถ่ายทำ...
หนังของแต่ละผู้กำกับล้วนมีลายเซ็นชัดเจน หนังแต่ละแนวล้วนมีความหลากหลาย ให้คนแต่ละกลุ่มได้เลือกดูมากขึ้น วงการหนังในหมู่บ้านเล็กๆแห่งนั้นจึงเติบโต ต่อยอด หนังไปได้ไกลถึงออสการ์ คนทำหนังแต่ละคนก็เลยอยู่กันได้...
แต่ !!!!ที่ประเทศไทย
นายทุนทำหนังไทยคนแรก เดินทางมาถึงหมู่บ้านห่างไกล เห็นว่าบรรยากาศที่นี่ชวนให้ขนหัวลุกดี จึงตัดสินใจทำหนังผีสยองขวัญขึ้นมา แล้วก็มีลูกค้าเยอะแยะ คนดูกันแน่นโรงไปหมด
นายทุนทำหนังไทยคนที่สอง เดินทางมาเห็นว่าหนังผีที่นี่ขายดีเว้ย งั้นเราต้องทำหนังผีบ้าง แต่เปลี่ยนจากผีสยองขวัญ เป็นผีตลกเพิ่มละกัน..
นายทุนทำหนังไทยคนที่สาม เดินทางมาถึง เห็นว่าเออเว้ย คนที่นี่เขาชอบดูหนังผีกันแหะ เพราะมีทั้งผีสยองขวัญ ผีตลก ท่าทางจะไปได้ดี งั้นเปิดกล้องหนังผีกับเขาบ้างดีกว่า จึงเริ่มมีผีจากอุปกรณ์ข้าวของเครื่องใช้ในบ้าน ผีในตู้เสื้อผ้า ผีช่องแอร์ ผีในส้วม..
นายทุนทำหนังไทยคนที่สี่ เดินทางมาถึง ก็เปิดกล้องหนังผีอีก แต่เริ่มเป็นหนังผีที่พยายามใช้ทุนให้น้อยลงถ่ายทำกันง่ายๆ เน้นขายเร็ว เน้นขายคนดังที่กำลังมีแฟนคลับเยอะๆ เล่นหนังได้ ไม่ได้ไม่รู้ แย่งลูกค้ากลุ่มเดิมๆมาได้นิดหน่อยก็ยังดี เพราะทุนเราก็ไม่ได้ใช้เยอะ
นายทุนทำหนังไทยคนที่ห้า เดินทางมาถึง เห็นเขาเปิดกล้องหนังทุนต่ำกันได้ ก็เอาบ้าง “ก็ทำแบบเรื่องนั้นไง ? กล้อง ไฟ ใช้นิดหน่อยก็พอ หนังต่างประเทศเขาใช้กล้องวีดีโอตัวเดียวถ่ายยังขายได้เลย หนังเราขายไอเดีย มีผี มีอะไรที่มันสยองขวัญให้เขาดูก็ขายได้แล้ว”
นายทุนทำหนังไทยคนที่หก คนที่เจ็ด... เดินทางมาถึง ก็พากันแห่เปิดกล้องหนังผีกันอีก ทั้งผีตลก ทั้งผีทุนต่ำ หนังแนวทดลองก็มี เอาตลกเล่นก็แล้ว เอาเน็ตไอดอลมาโชว์นมก็เอา แล้วก็เริ่มใช้วิธี ลดต้นทุนด้วยการเอานักศึกษาจบใหม่มากำกับ จ่ายค่าตัวถูกๆ “ถือว่าพี่ให้โอกาสละกันนะ” เริ่มมีการลดคิวถ่ายให้เหลือน้อยๆ เริ่มมีต่อรองกับซัปไพเออร์ กดราคา แถมยังต่อรอง ขอถึง 4 ทุ่มได้มั้ย ? เอากล้อง ไฟ ไปถ่ายซีรีส์ ถ่ายละคร ยังตัดคิวถึง 4 ทุ่มกันได้เลย ถ้าพี่ไม่เอา ผมใช้เจ้าอื่นนะ
แล้วหนังไทยก็เริ่มไม่มีคุณภาพ ถูกคนดูด่า คนทำหนังก็มานั่งโพสต์ น้อยเนื้อต่ำใจ ไม่รู้จะโทษใคร ก็เริ่มหันไปโทษโรงฉายหนัง “ทำไมมึงให้รอบน้อยจัง” โรงหนังก็บอก “ฉายให้ยุงดู เก็บเงินไม่ได้ จะให้ฉายให้เปลืองแอร์ทำไม” แต่คนทำหนังก็ยังเชื่อมั่น “หนังมันต้องใช้เวลา คนดูเขาอาจยังรอฟังกระแสอยู่ก็ได้ ถ้าให้รอบเยอะๆโรงเยอะๆคนจะออกมาดูเอง” โรงหนังก็ยังยืนยัน “ถ้าหนังมันดี ยังไงคนมันก็ออกมาดู ดูอย่างหนังฝรั่งสิ”
สุดท้าย ก็เริ่มมีการลดแลกแจกแถม ลดราคาค่าตั๋วก็แล้ว วันพุธร้อยเดียว อะไรก็ว่าไป แต่หนังไทยก็ยังเจ๊งกันอยู่เรื่อยๆ จนในที่สุดหมู่บ้านก็กลับคืนสู่ความเงียบเหงา และสงบเหมือนเดิม..จะโชคดีหน่อยก็ตรงที่ ช่วงนี้ยังมีโควิดมาให้อ้าง
Think different, do different.
ปล.บทความนี้ได้รับแรงบันดาลใจมาจาก บทความเกี่ยวกับวิธีคิดการทำธุรกิจของประเทศญี่ปุ่น ที่ส่งต่อกันมาทางเฟสฯ อ่านเพื่อความบันเทิงนะครับ อะไรดีก็เอาไป อะไรไม่ถูกใจ ก็...ด่าได้ แต่อย่าแรง.. อิอิ
โฆษณา