1 ก.พ. 2021 เวลา 06:04 • อาหาร
...“กะเจี๊ยบเขียว”..
*เพิ่งเจอ..วิธีทำ
เลยขอเอามา..แนะนำต่อ*
-
...“กะเจี๊ยบเขียว”... (ภาษาฮินดี้ ของชาวอิน-ต-หละ-เดีย
เพิ่นเอิ้นว่า..“บินดี้” ส่วน..ภาษาปะกิต ใช้คำ..“Lady’s Finger”
ที่..มโนตามชื่อไป ไพล่..นึกไปว่า..
..“นิ้วมือนาง”.. )
-
..*กระเจี๊ยบเขียว*..
ที่คนไทยส่วนใหญ่ มักคิดว่า..เป็นผักพื้นบ้านธรรมดา นิยมนำมา..
ลวกจิ้มน้ำพริก
และ..คนทางภาคเหนือ
ก็นิยม..เอาไปแกงกับ
ปลากดแม่น้ำ(ปลากดเหลือง)
สำหรับเมนูกระเจี๊ยบเขียวของทางภาคอื่น ต้องขอ
รบกวน..ท่านผู้รู้ ช่วยส่ง.. มาแชร์กันด้วยครับ
-
รู้..หรือไม่ ว่า..กระเจี๊ยบเขียว เป็น..*ราชาแห่งสารต้านอนุมูลอิสระ* เลยทีเดียว เนื่องจาก..อุดมไปด้วยกลูต้าไธโอน แถมยังมี..คุณค่าทางสารอาหารมากมาย ทั้ง..วิตามินเอ ..วิตามินบี 1 ..วิตามินบี 2 ..วิตามินซี ..ธาตุเหล็ก..แมกนีเซียม..ฟอส ฟอรัส ..โพแทสเซียม ..แคลเซียม ..โฟเลต รวมทั้ง..เส้นใยอาหาร(Fiber)
-
แต่ ด้วย..กระเจี๊ยบเขียว จะมี..เมือกอยู่มาก ทำให้หลายคนเกิดอาการกระอักกระอ่วน เลยพาลไม่ชอบทาน
แต่..ทราบหรือไม่ ว่า..
เจ้าเมือกในกระเจี๊ยบเขียว..นั่นแหละ คือ..
"สุดยอดคุณประโยชน์เลยทีเดียว"
-
..“เมือกในกระเจี๊ยบเขียว”.. เป็นเส้นใย..ที่สามารถละลายน้ำได้
ซึ่งมีประโยชน์ต่อร่างกาย เมื่อเราทานเข้าไป จะไปช่วยเพิ่มการเจริญเติบโตของแบคทีเรียที่มีประโยชน์ในลำไส้ใหญ่ และ ยังช่วยลดพิษ..
ที่ผลิตจากแบคทีเรีย อีก..ด้วย
-
*นอกจากนี้ “กระเจี๊ยบเขียว”.. ยังช่วยลดไขมันคอเลสเตอรอล
แถม..หากรับประทาน.. “กระเจี๊ยบเขียว”..เป็นประจำ ยังช่วยรักษา..
โรคกระเพาะอาหาร เพราะ..
“สารไกลโคไซเลท”
ที่มีในกระเจี๊ยบเขียว
จะช่วย..เคลือบกระเพาะอาหาร ลดความสามารถ..
ในการเกาะเยื่อบุผิวกระเพาะอาหาร ของแบคทีเรียที่ชื่อ..*เฮลิโคแบคเตอร์ ไพโรไล*
ซึ่งเป็นสาเหตุสำคัญ..
ในการเกิดแผลในกระเพาะ อาหาร และ..
นำมาสู่ การเป็น..
“มะเร็งกระเพาะอาหาร”
-
สำหรับสตรมีครรภ์ “กระเจี๊ยบเขียว”.. ยังช่วยเสริมสร้าง..*พัฒนาการของทารกในครรภ์*
..ทั้งยังช่วย..เสริมสร้างเม็ดเลือดแดง ให้..คุณแม่
ที่ตั้งครรภ์ได้ เนื่องจาก..
มีกรดโฟเลต..สูง
-
มีผลการวิจัยพบว่า.. กระเจี๊ยบเขียว มี..สาร
ต้านอนุมูลอิสระ ที่ช่วย..
“ต้านการเกิดความเครียด” ช่วยให้สภาพจิตใจ.. แจ่มใสยิ่งขึ้น
-
“กระเจี๊ยบเขียว”.. ช่วย..เพิ่มความอดทนในการออกกำลังกาย
โดยการรับประทานกระเจี๊ยบเขียวเป็นประจำ ควบคู่ไปกับ การออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอจะช่วยลดความเหนื่อยล้า
จากการออกกำลังกายได้
-
เนื่องจาก
มี *วิตามินเค*..สูง “กระเจี๊ยบเขียว”..สามารถช่วยป้องกันโรคกระดูกพรุน
วิตามินเค..นี้ จะช่วยให้กระดูก..ดูดซึมแคลเซียมไปใช้ได้ดี..ยิ่งขึ้น
..การรับประทานกระเจี๊ยบเขียว จึงส่งผลดี..ต่อสุขภาพกระดูกนั่น..เอง
-
นอกจากนี้ “ใบ..กระเจี๊ยบเขียว”.. สามารถช่วยแก้โรคปากนกกระจอก และ ช่วยในการขับเหงื่อได้
-
ชาวญี่ปุ่น นิยมทานกระเจี๊ยบเขียวมาก
ทานสดๆ หรือ..นำไปประกอบอาหารต่างๆ สารพัดเมนู อีก..ต่างหาก
(ได้มี..บริษัทผู้ส่งออกฝัก “กระเจี๊ยบเขียวสด” ไปทำ..*เกษตรพันธสัญญา*(Contract Farming).. กับกลุ่มเกษตรกร ที่ อ.สันทราย
และ อ.แม่แตง จ.เชียงใหม่
จ้างให้ผลิต..“กระเจี๊ยบเขียว” (ปลูกตามกรรมวิธีที่กำหนด และทำการเก็บผลผลิต พร้อม..คัดขนาดตามออเดอร์ เพื่อส่งไปขายที่ประเทศญี่ปุ่น)
-
ที่..ประเทศเวียดนาม ภัตราคารและร้านอาหารที่นั่น เสิร์ฟกระเจี๊ยบเขียวให้มาย่างทานกันสดๆ ผู้คนทางโน้นนิยมบริโภค ไม่ใช่เพราะรสชาติดี แต่เป็นเพราะ..สรรพคุณเจ๋งๆ ของ“กระเจี๊ยบเขียว” นี่แหละ ที่ทำให้ ใครต่อใคร ก็นิยมหามาทานกันมากมาย
-
-
**..ประโยชน์ขั้นเทพของ “กระเจี๊ยบเขียว”..**
-
1. ช่วยลดน้ำตาลในเลือด เหมาะสำหรับผู้ป่วยเบาหวาน และคนที่กำลังควบคุมน้ำตาล-น้ำหนัก
-
2. ลดอาการท้องผูก เพราะมีเมือกที่ช่วยให้อุจจาระอ่อนตัวขึ้น
และยังมีใยอาหาร(fiber)
ที่ดีต่อการขับถ่าย
-
3. ลดคอเลสเตอรอลในกระแสโลหิต
-
4. ลดความเสี่ยงในการเป็นโรคกระเพาะอาหาร
โรคเยื่อบุกระเพาะอาหารอักเสบ และ..โรคลำไส้อักเสบได้
-
5. ใครที่เป็นโรคกระเพาะอาหารอยู่แล้ว
การทานกระเจี๊ยบเขียว.. พร้อม..เมือก เหนียวๆ ใสๆ
จะช่วยเข้าไปเคลือบแผลในกระเพาะอาหาร ได้อีก..ด้วย
-
6. ฝักกระเจี๊ยบต้มเกลืออ่อนๆ แก้อาการ..*กรดไหลย้อน*..ได้
-
7. “กระเจี๊ยบเขียว” มีโฟเลต..สูง ช่วยเสริมสร้าง..เม็ดเลือดแดง
และเป็นสิ่งจำเป็นต่อ..พัฒนาการของลูกน้อยในครรภ์
ดังนั้น จึงเหมาะกับ..*หญิงมีครรภ์*
-
8. กระเจี๊ยบเขียวมีสรรพคุณช่วยบำรุงตับ
-
9. กระเจี๊ยบเขียว
ช่วยดีท็อกซ์ลำไส้
-
10. กระเจี๊ยบเขียว มีสรรพคุณในการฆ่าเชื้อแบคทีเรีย ต่อต้านการอักเสบ แก้ปวด ลดอาการบวม
-
11.. กระเจี๊ยบเขียวมีกลูตาไธโอนในปริมาณพอเหมาะ
ช่วยขับผิว..ให้ขาวขึ้น
-
12. กระเจี๊ยบเขียวมีแคลเซียม ช่วยบำรุงกระดูกและข้อ
-
13. กระเจี๊ยบเขียวช่วยให้ฟันขาวและแข็งแรง
-
14. กระเจี๊ยบเขียวช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือด
และทำให้การดูดซึมน้ำตาลในร่างกาย..น้อยลง
-
15. กระเจี๊ยบเขียวช่วยกระตุ้นการขับถ่าย
16. เมือกของกระเจี๊ยบเขียว มี..คอลาเจน ที่ช่วยทำให้..ผิวชุ่มชื้น ทำให้..ผิวไม่แห้ง ทำให้..ผิวกระจ่างใส
และ ช่วยลด..รอยแผลเป็น
-
17. เมือกของกระเจี๊ยบเขียว ช่วยฆ่าเชื้อโรคในแผลสด
ทำให้แผล..หายเร็วขึ้น
-
18. เมือกของกระเจี๊ยบเขียว เมื่อนำมาทาผิวบริเวณที่คัน
จะช่วยให้หายจากอาการคัน
-
19. เมือกของกระเจี๊ยบเขียวช่วยให้ระบบย่อยอาหารดีขึ้น
-
20. เมือกของกระเจี๊ยบเขียวช่วยขับสารพิษออกทางอุจจาระ
-
21. กระเจี๊ยบเขียวมีสารต้านอนุมูลอิสระ ที่ช่วยในการชะลอวัย และลดความเสี่ยงการเป็นมะเร็ง
-
22. กระเจี๊ยบเขียวช่วยแก้ร้อนใน ทำให้ปากไม่แตกแห้ง และไม่เป็นปากนกกระจอก
-
ที่ประเทศอินเดีย คนอินเดียจะนิยมทาน *กระเจี๊ยบเขียว*
กันทั้งประเทศ
แต่เป็น..*กระเจี๊ยบเขียว* พันธุ์ที่..ผลเล็ก-สั้น
ไม่ใหญ่-ยาว เหมือนของบ้านเรา
...ผมก็เพิ่งรู้ ว่า.. *กระเจี๊ยบเขียว*.. สามารถทานสดได้ ตอนไปทำงานที่อินเดีย แต่ไม่ใช่..คนอินเดียบอก เน้อ..เจ้า แต่..รู้จาก..กัลยามิตรจาก อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่ ที่ยกโขยงกันไป..เยี่ยมยาม..ถามไถ่ทุกข์-สุข กันถึง..นครนิวเดลี ของ..อินเดีย
และ..ปัจจุบัน ผมก็กิน..*กระเจี๊ยบเขียว.. ฝักดิบ*.. เพราะ..หากต้ม
หรือลวก..จิ้มน้ำพริก จะไม่เอนจอยกับ..ยางเหนียวของมัน
.
วันนี้ เปิดดู.. “เมนู..*ผัดกระเจี๊ยบเขียว..มังสวิรัติ* ของ..ชาวอินเดีย
ก็..เกิดระลึกได้ ถึงความหลัง..ครั้งไปทำงานที่โน่น
เรื่องเดิมนี้ มีอยู่ว่า.. วันหนึ่ง ผมได้รับเชิญจากเพื่อนชาวอินเดีย
ที่เป็นมหาเศรษฐี ทำธุรกิจเกี่ยวกับการผลิตข้าวของเครื่องใช้ จาก..สเตนเลส สตีล เชิญผม..ไปดินเนอร์มื้อเย็น ที่..บ้านแก
-
เพื่อนคนนี้..เวลาทำงานที่โรงงาน แก..ใหญ่มาก เพราะ..สามารถสั่งเสียงดัง..กับพนักงานทั้งหมด ที่มีอยู่..นับพันคน แต่..เชื่อไหมว่า
แต่ทว่า.. เวลาเพื่อนผมคนนี้ แก..อยู่ที่บ้าน(น่าจะใช้คำว่า..คฤหาสถ์ จะฟิตกว่า)
ผมไม่เห็น..แกทำเสียงดัง แม้แต่ครั้งเดียว..เลย
เพราะ..ใหญ่จากไหนก็ตาม ยามอยู่ในบ้าน ผู้ที่..ใหญ่ที่สุดในบ้าน
จะต้องเป็น..*คุณพ่อแก*
.
..*คุณพ่อเพื่อน*..ท่านนี้ อายุแปดสิบกว่าปีแล้ว แกมีลูกชาย 3 คน
เพื่อนผมที่ว่า..เป็นลูกคนโต คุณพ่อแกให้ช่วยดูแลกิจการที่อินเดีย
ส่วน..ลูกชายคนที่ 2 ไปทำธุรกิจที่อเมริกา และ..ลูกชาย..คนสุดท้อง ไปทำธุรกิจที่..อังกฤษ
-
เมื่อถึงเวลานัดหมาย ผมขับรถไปที่บ้าน (คฤหาสน์)เพื่อนคนนี้
มีคนรับใช้ยืนรอเปิดประตูบ้านให้ ส่วน..คุณพ่อเพื่อน พร้อมกับ..ลูกชายทั้งสาม ยืนรอรับ..ที่หัวกระใดบ้าน
-
ผมลงจากรถ ก็..ทำการยกมือ..นมัสเต..ไหว้ทุกคน เพื่อนผม..คนนี้
ก็ได้แนะนำ..คุณพ่อ และ..น้องชายอีก 2 คน ให้..รู้จัก
..คุณพ่อเพื่อน บอกดีใจที่ผมไปร่วมทานข้าวที่บ้าน และพูดราวกับผมเป็นลูกชายแก..อีกคน โดยถามว่า.. “ภรรยาผม ทำไมไม่ไปด้วย”
ผมก็ตอบว่า..”ภรรยาติดธุระ ไม่สามารถไปร่วมได้”
ก็..โดนกำชับเสียงดัง ว่า.. “คราวหน้า ยูต้องนำภรรยามาด้วยน่ะ”
-
...คุณพ่อบอกว่า.. “เมื่อรู้ว่า..ผมจะไปร่วมรับประทานอาหารมื้อเย็น
แกจัดการโทรศัพท์สั่งลูกชาย ทั้ง..คนที่อยู่อเมริกา และ..ที่อังกฤษ
บินกลับอินเดียเพื่อร่วมอาหารมื้อเย็นร้วมกับผม”
-
แล้วก็..นำไปห้องรับรองแขก(คนไทย..เน้อ บ่าไจ้แขก..คนแขก)
มีการเสริพเครื่องดื่ม..ประเภทเรียกน้ำย่อย แล้วคุณพ่อเพื่อน ก็พา
เดินชมภาพเขียนศิลปะ..ที่แกสะสม แขวนเต็มผนังห้อง..ทั้ง 4 ด้าน
(มีภาพศิลปะภาพหนึ่ง ที่คุณพ่อเพื่อนถามนำก่อนว่า..สวยไหม?
ผมก็ตอบไปว่า..สวยครับ แต่ไม่ทราบ..ความหมาย และ..สตรอรี่
คุณพ่อเพื่อน ก็..เล่าให้ฟังว่า.. ท่านได้ภาพนี้มาจาก..งานประมูล
ที่ลอนดอน
ตอนนั้น.. คุณพ่อท่านบินไปประชุมงานที่ลอนดอน แต่ได้ไปแวะชม
งานการประมูลที่ว่า..ก่อน แล้วท่านเจอ..งานชิ้นนี้ และเกิด..ความชอบ
จึงได้ทำการเข้าร่วมประมูล จน..ชนะ และ..รีบนำกลับไปอินเดีย
(โดยสั่ง..ให้เลิกการประชุมงานของบริษัท..เลย)
-
ภาพ..ที่ชนะการประมูลนั้น เป็นภาพที่..นำเศษแก้วเนื้อบาง สีต่างๆ
มาทุบจนป่นละเอียด แล้วนำมาประกอบเป็นภาพที่คล้ายเป็น..
ภาพวาดสีน้ำมัน
-
ผมพยายามจ้องมองจนทั่ว ก็..ไม่เห็นว่า*มันจะสวยงามประทับใจ* เลย
แต่..พอได้ยินว่า “ประมูลมาได้ ด้วยราคา..ร้อยกว่าล้านปอนด์
ผมจึงได้..หันไปมองใหม่ แล้ว..เพิ่งจะเห็นว่า..
.. “ภาพนั้น มันช่างสวยงาม..เสียนี่ กระไร”.. -555-..
-
เดินชมภาพประดับผนังห้อง..จนทั่ว ก็กลับไป..นั่งสนทนากันต่อ สังเกตได้เลยว่า ผู้สนทนาจะมีเพียง 2 คน คือ..คุณพ่อเพื่อน กับ..ตัวผม
ส่วน..เพื่อนผม และ น้องชาย..ทั้งสอง จะเป็นเพียง..ผู้ฟังที่ดี
ที่..พูดเป็น แต่..คำว่า ..เยส และ ..เยสเซอร์
-
ครั้นได้เวลาอาหาร (คนอินเดียจะทานมื้อค่ำกันดึก กว่าจะเริ่มเข้า(นั่ง)โต๊ะ..ได้ ก็อย่างน้อย..สอง-สามทุ่ม นู้น ดังนั้น ใครที่จะไปอินเดีย และได้รับเชิญไปงานเลี้ยง ขอแนะนำให้..หาอะไร รองท้อง..ไปก่อน ม่ายงั้น
ท้องมันจะส่งเสียงร้องโคกคราก ให้เป็น..ที่อับอาย) คนรับใช้ก็เข้ามาบอกว่า..อาหาร..พร้อมแล้ว คุณพ่อเพื่อนก็ลุกขึ้น ผายมือเชิญผม..ไปห้องรับประทานอาหาร
-
เมื่อผู้ชายนั่งประจำที่กันหมดแล้ว ฝ่ายผู้หญิง(ลูกสะใภ้) จึงเข้ามา
ร่วมโต๊ะ.(เดา แอนด์ คาด ว่า.. คงเป็นวัฒนธรรมของคนทางโน้น)..
-
ช่วง..เวลาทานอาหาร สังเกตได้อย่าง ว่า..ผู้หญิงทุกคน ไม่มีใครปริปากพูดกันเลย บังเอิญ มีอาหารจานหนึ่ง ที่ผมไม่ทราบว่า..คืออะไร เลยหันไปถามภรรยาเพื่อน ที่นั่งอยู่ด้านข้างผม ได้รับคำตอบว่า.. “ผัดกระเจี๊ยบเขียว” ลักษณะเป็น..กระเจี๊ยบหั่นท่อน แล้วคงเอาไปทอดกรอบ
แล้วเอามาผัด ก็เลยบอกว่า..ปกติเคยทานแต่กระเจี๊ยบลวก หรือ นึ่ง
แต่ไม่เคยทานกระเจี๊ยบทอดแบบนี้ แล้วหันไปถามภรรยาเพื่อนผม
ว่า..เขามีกรรมวิธีทำอย่างไร
-
แต่..ยังไม่ทัน จะได้..คำตอบ คุณพ่อเพื่อนก็พูดตัดบทว่า.. “ ยูจะไปสนใจงานของผู้หญิง..ทำไม?
เรา..ผู้ชาย ต้องพูดแต่..เรื่องงาน และ..เรื่องนอกบ้าน
เรื่องในบ้าน...เป็นเรื่องของผู้หญิง เราอย่าไปยุ่ง..เลย
-
ก็ อดได้..สูตรเด็ด และ เคล็ดลับ การผัดกระเจี๊ยบเขียว ที่..โคตรอร่อย
-
ในคลิ๊ปวิดิโอที่นำมาแชร์นี้ เป็นวิธีการผัดของผู้หญิงไทย ที่ไปเป็นสะใภ้อินเดีย บอกถึงเคล็ดลับ ในการทอดหอม(แดง)ก่อน แล้ว..ถึงจะผัดกระเจี๊ยบเขียว ก็..ขอขอบคุณ..เจ้าของโพสต์(สะใภ้อินเดีย) ที่..เผยแพร่ เมนูที่อยากได้..มานานแล้ว
-
ชม..แล้ว ขอแนะนำให้ทดลองผัดทานเอง รับรองว่า..ผู้ที่ไม่อยากกินกระเจี๊ยบเขียว เพราะ..ไม่สนิทใจ สนิทปาก กับ..ยางเหนียวของมัน
จะติดใจ..ในรสชาติ (แต่..ขอแนะนำเพิ่ม ว่า..หากใส่..งาขาวคั่ว ผสมเพิ่มเข้าไป ..-สังเกต จาก..การไปทานมื้อค่ำที่เล่ามา เห็นว่า..
มี..งาขาวคั่ว ผสม..ด้วย-.. จะได้..รสชาติที่อร่อยมากขึ้น..ครับ
โฆษณา