1 ก.พ. 2021 เวลา 08:09 • บันเทิง
[ถอดบทเรียนธุรกิจ] เมื่ออดีตตามมาเป็นปัญหาในปัจจุบันของยายป๋อมแป๋ม พาดูบทเรียนและวิธีแก้ไขปัญหา
2
จากดราม่าร้อนบนโลกออนไลน์ที่มีคนงัดเอาคลิปรายการ “ทอล์กกะเทย” เทปเก่าของเมื่อ 4 ปีก่อน (2559) ขึ้นมา โดยพิธีกรของรายการนั้นก็คือ ยายป๋อมแป๋ม และมีอาตุ่ยมาเป็นแขกรับเชิญ
ซึ่งปัญหามันดันอยู่ที่มีช่วงนึงของรายการ 2 คู่ก็เล่าถึงประสบการณ์การจัดรายการที่มีผู้ชมทางบ้านติดต่อเข้ามา เพื่อตอบคำถามที่ว่า “ก่อนตายมีอะไรที่อยากทำให้ได้สักครั้งหนึ่ง” แล้วดันมีผู้ฟังโทรมาเล่าถึง ความฝันที่อยากจะไปหัวหินสักครั้งในชีวิต แต่ทั้งคู่กลับขำขันกับคำตอบนี้ และมีถ้อยคำที่ไม่เหมาะสมอย่าง “มันเป็นเรื่องยากหรอ ไปหัวหิน เต็มที่เคยไปแค่บางขุนเทียน เราก็เลยต้องให้รางวัลคนนี้” กล่าวโดยอาตุ่ย และเสริมโดยยายว่า “ดูไม่มีต้นทุนเลยอะ”
และเมื่อช่วงนี้มีการเอาเทปเก่าๆ มาลงอยู่เรื่อยๆ เพื่อให้คนได้ดูกันออนไลน์ เลยมีคนดูที่เห็นช่วงนี้ของรายการแล้วเอามาตัดลงใน Twitter ถึงความไม่เหมาะสมของประโยคในช่วงดังกล่าว รวมถึงผู้คนบนโลกออนไลน์ส่วนมาก ก็ยังร่วมกันวิพากษ์วิจารณ์กันถึงความไม่เหมาะสมในครั้งนี้ ซึ่งหากมองเป็นเชิงธุรกิจแล้ว ก็มีโอกาสเกิดขึ้นกับแบรนด์ได้ไม่ต่างกัน เราจึงอยากพาทุกคนมาลองถอดบทเรียนจากสถานการณ์นี้ดูว่า เราเห็นอะไรในเหตุการณ์นี้กันบ้าง
3
1) ทัศนคติที่เปลี่ยนไป กับยุคสมัยที่เปลี่ยนแปลง
1
สิ่งหนึ่งที่น่าสังเกตในทุกวันนี้ก็คือ ผู้คนเริ่มหันมาสนใจ และใส่ใจในประเด็นสังคมมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นเรื่องความเท่าเทียมกันของคน สิทธิและเสรีภาพ การเหยียดผู้คนด้วยรูปลักษณ์หน้าตา การล่วงละเมิดทางเพศ เรื่องสังคมชายเป็นใหญ่หรืออะไรก็ตามแต่ สิ่งเหล่านี้นั้นถูกหยิบยกขึ้นมาพูดถึงกันรายวัน และกลายเป็นดราม่าในสังคมอยู่บ่อยครั้ง ส่งผลให้มุขตลกที่อาจจะเคยสร้างเสียงหัวเราะมาได้ในช่วงอดีตที่ผ่านมา พอมาถึงวันนี้นอกจากจะกลายเป็นเรื่องไม่ขำแล้ว ยังกลับกลายเป็นว่า ไม่เป็นที่ยอมรับกันในสังคมไปแล้วอีกด้วย
1
กับเหตุการณ์นี้คือตัวอย่างที่ดี ที่ในช่วงเวลาหนึ่งคนเราอาจตลกไปกับคำตอบของคนๆ นึง ที่มีความฝันอยากจะไปหัวหิน ซึ่งเป็นสถานที่ที่คนกรุงเทพที่พอมีฐานะหลายๆ คนมองว่าเป็นเรื่องปกติ ที่สามารถเดินทางไปเมื่อไรก็ได้ เพราะอยู่ใกล้ๆ และใช้ราคาไม่สูงมากนักสำหรับพวกเขา แต่ทั้งนี้ก็ยังหลงลืมไปว่าความเหลื่อมล้ำในสังคมบ้านเรานั้น เป็นปัญหามาเนิ่นนานขนาดไหน และยังมีคนส่วนมากในสังคมที่มองว่าการเดินทางไปหัวหินนั้น มีค่าใช้จ่าย และต้นทุนที่มากเกินกว่าที่พวกเขาจะรับได้ ซึ่งเมื่อวันหนึ่งที่ผู้คนในประเทศเริ่มมองเห็นและเข้าใจในปัญหานี้มากขึ้น “ความฝัน” ที่ผู้ฟังคนนี้ได้ให้คำตอบเอาไว้ ก็ไม่ใช้เรื่องที่น่าตลกอีกต่อไป
2
ดังนั้นการระมัดระวังความเห็นที่อาจกระทบไปถึงความรู้สึกของผู้คน จึงเป็นสิ่งที่ต้องระวังเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับเรื่องที่มีความเกี่ยวข้องกับมนุษยธรรม ซึ่งเป็นเรื่องที่มีความเป็นสากล ไม่ว่าจะประเทศไหนในโลกมองก็สามารถชี้ถึงความเหมาะสม ผิดถูกได้หมด และไม่ว่าจะยุคสมัยใดก็ไม่เรื่องที่ไม่ถูกต้องโดยเสมอมา การที่จะแตะต้องถึงประเด็นเหล่านี้จึงต้องคิดให้ถี่ถ้วนจริงๆ
2) ความผิดพลาดในอดีต อาจมีผลกับปัจจุบันได้
ในยุคสมัยนี้ต้องเข้าใจก่อนว่าสิ่งใดที่ขึ้นไปสู่โลกออนไลน์แล้วนั้น ก็จะอยู่บนนั้นตลอดไป ไม่ว่าจะเป็นเรื่องที่ดีหรือไม่ก็ตาม แม้ว่าปัจจุบันเราจะมั่นใจว่าสิ่งที่เราทำจะถูกต้องมากขนาดไหน แต่ความผิดพลาดในอดีตก็สามารถผุดกลับขึ้นมาได้เสมอ และยิ่งเป็นยุคที่ผู้คนให้ความสนใจในประเด็นสังคมอย่างที่ได้พูดถึงในข้อแรกแล้วนั้น ก็มีความเป็นไปได้อย่างมาก ที่เราเองอาจทิ้งร่องรอยในอดีตที่ดันเผลอแสดงความคิดเห็น หรือสนุกไปกับเรื่องที่ไม่สมควร
สำหรับเรื่องดราม่าที่เกิดขึ้นก็เป็นตัวอย่างที่ตรงกับหัวข้อเป็นอย่างดี เพราะเหตุการณ์ในคลิปที่เกิดขึ้นนั้น แม้ว่าจะเป็นเรื่องราวอดีตตั้งแต่ 4 ปีมาแล้ว แต่ก็กลับกลายมาเป็นปัญหาในปัจจุบัน แม้ว่าคนพูดเองในปัจจุบันอาจจะมีทัศนคติที่เปลี่ยนแปลงไปไปจากเดิมแล้วก็ตาม ทำให้ไม่ว่าจะเป็นในรูปแบบธุรกิจหรือบุคคลนั้น จึงควรมีช่วงเวลาที่จะตรวจสอบเรื่องราวของตัวเองบนโลกออนไลน์อยู่เสมอ ว่ามีเผลอแสดงความคิดเห็นอะไรที่ไม่สมควรเอาไว้หรือไม่ ถ้ามีโอกาสเคลียร์เรื่องราวเหล่านั้นในอดีตก็ควรที่จะทำให้เรียบร้อย แต่ถ้าหากพบว่าเรื่องเหล่านั้นมีมากมายหลายแหล่งเหลือเกิน จนคิดว่าอาจจะตามลบได้ไม่หมด ก็ควรที่เตรียมพร้อมเอาไว้ เมื่อเกิดเหตุการณ์ที่โดนแหกมานั้น จะได้มีถ้อยคำแถลงที่เตรียมพร้อมเอาไว้ให้ดีเผื่อรับมือมือกับเหตุการณ์ที่อาจไม่คาดคิด
3
3) รีบออกแถลงรีบขอโทษอย่างจริงใจ
1
จุดเริ่มต้นของ Crisis Management ที่ดีที่สุดก็คือการออกมาขอโทษอย่างจริงใจเป็นอันดับแรก ไม่ว่าเหตุการณ์จะเป็นอย่างไรก็ตาม การออกมาขอโทษจะช่วยบรรเทาความหัวร้อนก่อนได้เสมอ แต่ทั้งนี้ก็อย่างที่ได้ย้ำไปในทุก ๆ บทความที่มีความเกี่ยวข้องกับ Crisis Management ก็คือความจริงใจ และพร้อมที่จะปรับปรุงแก้ปัญหา เพื่อไม่ให้ปัญหาเดิมนั้นเกิดขึ้นมาอีก
ซึ่งจากเหตุการณ์ของเคสยายป๋อมแป๋ม ก็นับว่าเป็นการแก้ไขสถานการณ์ตามแบบฉบับได้เป็นอย่างดี ทั้งการรีบออกมาแถลงขอโทษแม้ว่าจะเป็นเหตุการณ์ที่ผ่านมาในอดีตก็ตาม โดยยายป๋อมแป๋มนั้นก็ได้ออกมาแถลงถึงเหตุการณ์ดังกล่าว ด้วยท่าทีที่เข้าใจปัญหา และสำนึกผิดผ่านออกมา ผ่านทางตัวอักษรที่เขียนขึ้นมา รวมถึงลักษณะการตอบคอมเมนท์ที่ค่อนข้างแสดงให้เห็นถึงความสำนึกผิด และน้อมรับนำไปปรับปรุง รับปากว่าจะไม่เกิดขึ้นอีก
ต่างกับตัวอย่างของอาตุ่ยที่มีหลุดแก้ตัวมาที่บอกว่าเรื่องที่บอกเป็นแค่เพียงเรื่องแต่ง ซึ่งแท้จริงแล้วก็ไม่เกี่ยวกับปัญหาที่เกิดขึ้นเลย เพราะผู้คนต่างโกรธกันเรื่องดูถูกคน ดังนั้นไม่ว่าจะเป็นเรื่องเล่าหรือเรื่องแต่งก็ไม่ได้เปลี่ยนปัญหาที่เกิดขึ้น หรือแม้กระทั่งเคสดาราที่ขายสินค้าอวดสรรพคุณเกินจริงจนต้องขึ้นโรงขึ้นศาลก็ตาม แม้ว่าจะมีกระแสดราม่าโจมตี แต่ตัวเธอเองก็ดูไม่มีท่าทีจะจบ จนสุดท้ายปัญหาก็ยังวนเวียนให้เป็นกระแสในโลก Social อย่างต่อเนื่อง และดูท่าจะจบได้ยากจริงๆ
บทความยังไม่จบ อ่านต่อได้ที่
โฆษณา