2 ก.พ. 2021 เวลา 04:44 • อาหาร
YUME Omakase ซูชิแห่งความฝัน
Yume เป็นร้านผมอยากจะแนะนำให้คนเริ่มทาน #โอมาคาเซะ ไปลองซักครั้ง ด้วยความคุ้มค่า มีราคาไม่สูงมากนัก จับต้องได้ วัตถุดิบที่มีการหมุนเวียนตลอดทำให้สามารถมาทานซ้ำได้ รวมถึงมีปลาที่หากินไม่ได้บ่อยนักหมุนเวียนมาเรื่อยๆ
Yume #Omakase ซูชิแห่งความฝัน “YUME” แปลว่าความฝัน ร้านนี้เป็นความฝันของเชฟ ความฝันของเจ้าของ ความฝันของชาวประมง ขนาดเชฟของร้านยังชื่อดรีมเลยครับคิดดู ร้าน Yume ต้องการนำเสนอสิ่งที่ดีที่สุดให้กับลูกค้า เข้าทำนองชิบหายไม่ว่าเสียหน้าไม่ได้ อย่างคอร์สในวันนี้เห็นให้ของขนาดนี้แต่สนนราคาเพียง 4500++ บาทและกำลังจะปรับขึ้นเป็น 4900++ เราจะได้กินทั้ง Uni ปลาแปลก คุณภาพดีมากมาย นับว่าเป็นโอมาคาเซะที่นึงที่คุ้มค่าที่สุดในไทยเลยครับ
อาหารของทางร้านนั้น ซูชิเป็นสไตล์ Edomae ไม่ค่อยมีจานฟิวชั่นร่วมสมัยปรากฏ จะออกไปทางซูชิแบบคลาสสิกครับ เชฟที่นี้ปั้นขนาดคำค่อนข้างเล็ก ข้าวหลวมๆ ในวันนั้นแฉะไปนิด ซอสโชยุติดหวานนิดๆ ปรุงมาสไตล์เข้มข้น ทำให้เข้ากับลิ้นคนไทย ตัวซูชิของที่นี่จะเน้นความนุ่มของเนื้อปลาและความเป็นหนึ่งเดียวของข้าวกับปลา นับว่าเป็นอีกร้านที่มีเอกลักษณ์น่าสนใจทีเดียวครับ
สิ่งนึงที่ผมชอบในมื้อนี้และคิดว่าเป็นจุดเด่นเลยของโอมาคาเซะที่นี่ คือ บทสนทนาระหว่างมื้อครับ มุกตลกและบทสนทนาที่ลื่นไหล ทำให้มื้ออาหารสนุกไปอีกแบบ ไม่เหมือนการกินโอมาคาเซะที่เชฟเป็นญี่ปุ่น โดยเฉพาะคุณเนเจ้าของร้าน YUME ที่มักจะมาอธิบายและเสริมเกร็ดเล็กๆ น้อยๆ เกี่ยวกับวัตถุดิบ ไม่ว่าจะเป็น “Mazumaวาซาบิจออกหวานหน่อยนะครับ” “ข้าวในวันนี้เป็นข้าวsasa nishiki” “กระบะไม้ที่ใช้ทำชาริเป็นควรไม้ฮิโนกิครับ เพราะมันจะช่วยซับความชื้น” ผมรับรู้ได้เลยถึงPassionของคุณเนและทีมเชฟของร้านYume ที่ต้องการรังสรรค์โอมาคาเซะคนไทยที่ไม่แพ้ร้านในญี่ปุ่น ในมื้อนี้จะมีอะไรบ้างไปชมจากรูปกันครับ
เริ่มด้วยน้ำส้มยุซุและเลม่อน Sparkling ครับ แก้วนี้รสเปรี้ยวจิ๊ดนำ ไม่ค่อยหวานครับ มีหอมกลิ่นยุซุจางๆ ตามด้วยกลิ่นหวานซ่อนเปรี้ยวของผิวเลม่อน เป็นรสที่ผมชื่นชอบ ติดนิดนึงตรงความซ่าครับ ผมว่ามันไม่ซ่าแบบ Sparkling เลยนะ
tsumami คำแรกเป็นHotateจากฮ็อกไกโดครับ ใช้ของคุณภาพดีมากๆ หวานกรอบ เด้งสู้ฟันนิดๆ กินกับวาซาบิและเกลือสาหร่ายจากคิวชูหรือดาชิโชยุแต่เพียงพอดี แล้วยิ่งช่วยขับรสหวานของหอยได้ดีมากๆ เป็นจานที่ทำได้ดีครับ
tsumami คำที่สองเป็น เนื้อปลา Meiji Maguro หรือลูกปลาทูน่าครับ โดยเชฟจะนำไปบ่มเป็นเวลาห้าวัน แล้วก็ไปทำการซึเกะก่อนเสิร์ฟ คำนี้ตัวเนื้อปลานุ่มมากกว่ามากุโร่ทั่วไป แม้กลิ่นแดงที่เป็นเอกลักษณ์ของมากุโร่จางลงแต่เนื้อนั้นหวานมากๆ แม้ความหวานส่วนนึงจะมาจากตัวซอสที่ซึเกะ แต่ปฏิเสธไม่ได้ว่าปลาชนิดนี้มีเท็กซ์เจอร์และรสชาติที่น่าสนใจจริงๆ
tsumami คำต่อมาคือ หอยนางรมจากWakayama รับประทานกับซอสพอนซึและผิวส้ม หอยนางรมตัวนี้มักจะไม่ค่อยเจอกันเพราะจะบริโภคกันในท้องถิ่นเท่านั้น หอยนางรมตัวนี้ผมว่าถ้าใครไม่ชอบเท็กซ์เจอร์ของหอยนางรมต้องลองดูครับ คุณอาจจะชอบหอยชนิดนี้ก็ได้ เนื้อของหอยนางรมคำนี้มีความกรอบกรุบ และเฟิร์มมากกว่าหอยนางรมทั่วไป ไม่ค่อยลื่นๆ หวานหอมกลิ่นทะเลจางๆ มีเอกลักษณ์ครับ แต่ส่วนตัวว่าตัวซอสรสจัดและหวานไปนิด ถ้าลดลงนิดนึงน่าจะรับรู้ได้ถึงรสและเอกลักษณ์ของหอยมากกว่า
Sabaroll จานนี้เชฟใช้ซาบะชั้นดีตัวใหญ่ไขมันเยอะมาดองนิดๆ ก่อนนำไปห่อกับใบต้นหอม ด้วยสาหร่ายชั้นดี และทาโชยุสักหน่อย ออนท็อปด้วยขิงขูด โดยเชฟยังแนะนำเราอีกว่าคำนี้ให้ใส่วาซาบิเยอะๆ จะอร่อยกว่าครับ ตัวสาหร่ายนี้กลิ่นรสเข้มข้นมากๆ แว่วๆว่าใช้สาหร่ายแบบเดียวกันกับร้าน Sukibayashi Jiro ในญี่ปุ่น วาซาบิมาซุมะที่ออกหวานนำฉุนนิดๆ เข้ากับปลาเนื้อมันที่หวานอมเปรี้ยวเล็กๆ ได้ดีทีเดียว ติดตรงที่คำนี้ผมว่ารสหนักไปนิดทั้งสหร่ายเเละปลาต่างมีรสเข้มข้นมากๆ แม้จะมีวาซาบิจำนวนมากช่วยเบรคก็ตาม ถ้าเพิ่มความฉุนของหอมหรือขิงลงไปเบรคมากขึ้นน่าจะดีขึ้นครับ
ล้างปากกันด้วย มัทฉะผสมน้ำเลม่อน เป็นแก้วที่ผมอยากบอกทางร้าน YUME ว่าเปิดคาเฟ่ขายได้เลย มันดีมากๆ ครับ ความขมนิดๆ บาลานซ์กับความหวานได้อย่างลงตัว รสเปรี้ยวอมหวานของเลม่อนนั้นช่วยขับรสหวานและอุมามิของมัทฉะอย่างน่าสนใจ อาฟเตอร์เทสต์หวานละมุนในลำคอที่ได้รับนั้นดีมากๆ
Kohada โคฮาดะเป็นคำที่วัดคุณภาพวัตถุดิบของร้านซูชิสำหรับผมคำนึง โดย Yume ก็ไม่ทำให้ผิดหวัง คำนี้ปลาเนื้อดี ไม่คาว มันนิดๆ ตัวปลาออกลีนกว่าที่เคยกิน ส่วนข้าวมีรสออกเค็มนำนิดๆ ตามด้วยรสเปรี้ยวอมหวาน ก่อนปิดท้ายด้วยกลิ่นยุซุ
Ishikagigai หรือปลากินหอย คำนี้มันไม่ค่อยเจอเสิร์ฟกันนักครับ เป็นคำที่ทำได้ดีมาก ปลาแน่นกรอบมันมากๆ ตัวข้าวที่ปั้นมาหลวมๆ กรุบนิดๆ ช่วยชูความโดดเด่นของปลาเนื้อขาวชนิดนี้ได้อย่างดี
Shima Aji เป็นอีกคำที่ปราบเซียนสำหรับผม ปลาดีเนื้อแน่น ไม่คาว มันมาก แต่ผมว่าตัวข้าวค่อนข้างแฉะไปนิดจนดึงความเด่นของตัวเนื้อปลาไปหมด
มาถึงคำที่ผมชอบที่สุดในมื้อนี้คำนึงครับ เป็นคำที่มีขายทุกร้านโอมาคาเซะอย่างปลา Kinmedai โดยเชฟจะใช้ปลาคินเมะไดจากจังหวัดชิบะที่ตกได้จากธรรมชาติด้วยเบ็ดเท่านั้น มาทำการอาบุรินิดๆ ก่อนออนท็อปด้วยมัสตาร์ดญี่ปุ่นหน่อยๆ ถือเป็นคินเมะไดที่อร่อยที่สุดที่กินคำนึงเลยครับ ตัวเนื้อปลานุ่มมากๆ หอมควันอ่อนๆ มีความมันครีมมีสุดๆ ยิ่งจับคู่กับโชยุที่หวานนำ ตัดกับข้าวรสเปรี้ยว ยิ่งกลมกล่อมลงตัว มัสตาร์ดญี่ปุ่นช่วยให้ความฉุนอย่างอ่อนโยนที่ปลายจมูก เป็นคำที่ทำได้เยี่ยมมาก ๆครับ
คำต่อมา Akami โดยเชฟจะเอาปลาไปทำการซึเกะก่อน คำนี้ถือว่าทำได้ดีตามมาตรฐานร้านครับ มีกลิ่นโชยุชัดนำมาก่อนตามด้วยยุซุ รสเค็มค่อนข้างเข้ม ตัดความเปรี้ยวของข้าว จุดเด่นที่มีเอกลักษณ์ของมากุโร่ที่นี่คือความนุ่มละลายของเนื้อปลาครับ
ต่อด้วย Chutoro คำนี้ไม่ค่อยครีมมี่และมันอย่างที่คิด ตัวเนื้อปลายังคงนุ่มละลายในปาก ถือว่าทำมาได้ดี แต่ส่วนตัวคิดว่าหากรู้สึกแตกต่างกับอากามิกว่านี้จะทำให้คอร์สลงตัวมากขึ้นครับ
มาถึงคำที่ประหลาดใจที่สุดในมื้อนี้ นั่นก็คืออออ Uni ครับ โดยทางร้านจะใช้มูเทนกะอูนิกับเอ็นซุยอูนิ ปั้นรวมมาในคำเดียวครับ มูเทนกะอูนิ คืออูนิที่ไม่ใส่สารเคมีเช่นสารคงรูป จึงทำให้อูนิเก็บยากกว่าและเสียง่ายกว่าปกติ โดยแลกมากับเท็กซ์เจอร์ที่ละลายแสนละมุน ต้องบอกว่าการจับคู่ของอูนิสองตัวนี้สมดุลลงตัวมากๆ ครับ รสหวานครีมมี่นิดๆ ของมูเทนกะอูนิที่แทบจะละลายเมื่อเข้าปาก ผสมผสานอย่างกลมกลืนกับเอ็นซุยอูนิที่แน่นกว่าและมีกลิ่นอายทะเล เป็นคำที่มีเอกลักษณ์ดีมากๆ ครับ
Shiroebi หรืออีกชื่อนึงคืออัญมนีแห่งโทยะมะ เป็นคำที่ผมเคยลองหลายรอบแล้วไม่ชอบสักที แต่ต้องบอกว่าที่ Yume เปลี่ยนความคิดนั้นไปครับ คำนี้ที่ปกติผมว่าเนื้อจะเละๆ และมีกลิ่นคาว พอมากินที่นี่กลับดีเลยครับไม่มี ตัวเนื้อกุ้งกรุบนิดๆเนื้อนุ่มละลาย รสหวานมากๆ เรียกว่าเปลี่ยนความคิดที่มีต่อ Shiroebi ไปเลยครับ
มาถึงคำก่อนสุดท้ายอย่าง Anago ผมยกให้เป็นร้านที่ทำปลาไหลทะเลได้ดีที่สุดในไทยร้านนึงครับ โดยเชฟจะนำปลาไหลทะเลไปต้มก่อนจะนำมา kabayaki เล็กน้อยและออนท็อปด้วยเกลือ ความเด่นของคำนี้คือบาลานซ์ความหวานของซอสและรสเค็มของเกลือได้อย่างกลมกล่อม ยิ่งเมื่อรับประทานกับข้าวรสเปรี้ยวแล้วยิ่งครบรสครับ ตัวเนื้อปลาไหลก็นุ่มละลาย หอมกลิ่นถ่านนิด ทำได้ประทับใจมากๆ ครับ
ต่อกันด้วย Maki ตามสไตล์ ที่นี่ใส่แตงกวา ปลาไหลทะเล หัวไชเท้าดอง น้ำเต้าดอง เป็นมากิที่ทำได้ถูกปากผมมากครับ ครบรสและมีเท็กซ์เจอร์ที่หลากหลาย เค็มโดดนำตามรสหวาน ความกรุบของแตงกวาและผักดอง ความละมุนของปลาไหล ความนุ่มของข้าว อร่อยครับ
ซุปฮามากุริกับสาหร่ายเส้นผม อาจจะเป็นจานเดียวที่ผมไม่ชอบในมื้อนี้ครับ รสแปลกจริงๆ หรือผมอาจจะไม่ชินก็ได้ คำนี้รสน้ำซุปออกเค็มละมุนอ่อนๆ ตามสไตล์ซุปหอย ตัวหอยก็เนื้อสดเด้งดี กินลำพังก็ปกตินั้นอร่อยดีครับ แต่ตัวสาหร่ายนี่รสหวานมาก หวานแปลกๆ จนกลบรสของซุปไป ทั้งนี้อาจจะเป็นเพราะผมไม่ชินกับสาหร่ายตัวนี้เองก็ไม่รู้เหมือนกัน
ไข่หวาน ออกแนวสไตล์เค้กฟูนุ่มหอมกลิ่นไข่และวนิลาครับ ทำได้ตามมาตรฐานครับ
ปิดท้ายด้วย กรานิต้าเลม่อน กับซอสที่ทำจากพีชและสาเก รับประทานกับพีชเชื่อมน้ำผึ้งดอกลำไย เป็นขนมหวานที่อร่อยและทำได้ดีมากๆ ครับ ปกติเรามักจะพบว่าขนมหวานของร้านซูชิน่าเบื่อแต่คงใช้ไม่ได้กับที่นี่ เป็นขนมหวานที่ทุกคนบนโต๊ะในวันนั้นชื่นชอบครับ
#Score:
🍾Service : 8/10
🍽Food: 7.25/10
🤩WOW factor: 7.5/10
💰Value for money: 8.75/10
Total: 8/10
⏰เวลาเปิดปิด: 12:30–10PM
💵ค่าเสียหาย: ~4500 Baht++
⌨️เว็บไซต์ร้าน: https://www.facebook.com/YumeOmakase/
ช่องทางติดต่ออื่นๆ
InstaGram: @eatliketheboss (https://goo.gl/DqzWfN )
FaceBook: บอสพาชิม (https://goo.gl/gHPnnG)
ชอบช่วยกดไลค์ ใช่ช่วยกดแชร์ #บอสพาชิม #eatliketheboss #omakase #sushi #parklane #finedining #โอมาคาเซะ

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา