2 ก.พ. 2021 เวลา 10:05 • ไลฟ์สไตล์
"ออกจากรพ.อาทิตย์แรก"
ช่วงที่ออกจากรพ.เป็นช่วงสิ้นเดือนของธันวาปีที่แล้วค่ะ
ด้านร่างกายของหนู
ช่วงแรกยังมีอาการเหนื่อย ยังไม่กระฉับกระเฉงพอ
เวลาจะลุก จะเดิน ต้องค่อยๆเดิน
วันๆไม่ค่อยทำอะไรค่ะ กินข้าว กินยา นอน วนอยู่แค่นี้
เพราะลุกไปทำอะไรไม่ไหว เหนื่อย
(เหตุเพราะยังมีของเสียสะสมอยู่ในเลือดมากค่ะ)
ช่วงนั้นจะเทียวไป เทียวมาบ้าน-รพ.ตลอด
มีนัดฟอกเลือดสัปดาห์ละ 2 ครั้ง
ก็ต้องไปตามนัดทุกครั้ง และพอได้ฟอกเลือดซัก 5 ครั้ง
ขึ้นไป ควบคู่กับการคุมอาหาร ก็ดีขึ้นเรื่อยๆค่ะ
เดินฉิว ไม่มีอาการเหนื่อยแล้ว
และวันนี้จะมาเล่าเรื่องอาหารการกินค่ะ
คือหนูน่ะ อยู่ในการดูแลของพี่ชาย และพี่ชายหนู ดุมาก!
(เขาเป็นห่วงน่ะแหละ แต่ช่วงแรกหนูยังงี่เง่ามากๆ
ถ้าไม่มีพี่คือหนูคงดูแลตัวเองไม่ได้เลย)
ช่วงแรกที่ออกรพ. ตัวหนูและพี่ชาย ยังคงไม่ค่อยเข้าใจ
ถึงตัวโรคเท่าไหร่(หมายถึงว่ากินอะไรได้บ้าง ไม่ได้บ้าง)
ยังคงออกไปกินข้าวนอกบ้านกัน ถ้ากินร้านตามสั่ง
ก็จะสั่งให้ปรุงน้อยที่สุด ถ้ากินก๋วยเตี๋ยว ก็จะให้หนูกินแต่ไก่
เช่นพวกเมนูก๋วยเตี๋ยวคั่วไก่ ปรุงน้อยที่สุด อะไรพันนั้น
ปลาก็อนุญาตให้กินปลาเผา
แต่ห้ามกินหนัง(จริงๆส่วนเนื้อปลามันก็เค็มนะคะ)
ผลไม้ก็ยังตามใจหนูอยู่ หนูจะชอบกินชมพู่และสตรอเบอรี่
แต่เรื่องขนมจุบจิบ พี่หนูห้ามหมดเลย ทุกอย่างไม่ว่าอะไร
ซึ่งหนูที่เป็นคนชอบกินขนมมาก
หลังกินข้าวจะต้องตบด้วยขนมตลอด บอกเลยว่าเสียใจสุดๆ 55555
แต่ก็ยังไม่งี่เง่าเท่าไหร่ค่ะ เพราะตอนนั้นพี่ยังให้กินพวก
สตรอเบอรี่ ปลาเผา(ของชอบ แหะๆ) หนุเลยไม่เครียดมาก
แต่ช่วงที่ยังพอกินนั่นกินนี่อยู่ จะมีอาการแปลกๆค่ะ
ยิ่งใกล้ถึงวันนัดฟอกเลือด ร่างกายจะทรุดลง
มีอาการเพลีย ไม่มีแรง ยืนๆอยู่จะล้ม(แต่ไม่เหนื่อยนะคะ)
เดินไม่ไหว บางทีมือสั่น แต่พอได้ฟอกจะดีขึ้น
ตอนแรกก็ไม่รู้ว่าเพราะอะไร คิดไปเองว่าร่างกาย
คงยังปรับสภาพไม่ได้ แต่จริงๆไม่ใช่เลยค่ะ
เป็นเพราะยังคุมอาหารไม่มากพอ สิ่งที่หนูปล่อยตัวเองกิน
ในช่วงนั้น คือสิ่งที่ห้ามกินทั้งหมด
ทั้งสตรอเบอรี่ = ฟอสฟอรัสสูง
ปลาเผา = เค็ม = โซเดียม
ไข่แดง(ผู้ป่วยไตควรกินแต่ไข่ขาวค่ะ ห้ามไข่แดง
แต่หนูดื้อ หนูกินหมดเลย แหะๆ) = ฟอสฯสูง
พอได้ศึกษาจากหลายๆเว็บ รวมทั้งคำแนะนำของหมอ
กลายเป็นว่าพี่หนูจับหักดิบทุกอย่าง งดทุกอย่าง
ตึงสุดๆ และไม่หย่อนให้เลย
ไม่ว่าจะเป็น ห้ามขนม ข้าวก็ให้กินจืดที่สุด
และไม่เคยซื้อกินอีกเลย ทำกินเองตลอด
จำกัดน้ำ จำกัดโปรตีน ห้ามผลไม้ทุกอย่าง
ผักให้กินแค่ที่กินได้จริงๆ
บอกตรงๆว่าช่วงที่โดนหักดิบ เครียดมากค่ะ
ไม่มีอะไรอร่อยเลยที่กิน มีแต่ความโหย
กินข้าวก็แล้ว ไม่อิ่ม โหยขนมก็กินไม่ได้
เมนูอะไรที่อยากกินกินไม่ได้เลย ผลมงผลไม้
หนุนอนร้องไห้ทุกวันเลยค่ะ ยิ่งหนูได้เห็นคนในครอบครัว
กินอะไรก็ตามที่เรากินไม่ได้ นอยด์มาก นอนร้องไห้ทุกวัน
55555555 ช่วงนั้นร่างกายค่อยๆดีขึ้นค่ะ แต่สุขภาพจิตแย่มาก
พลอยคิดไปต่างๆนาๆ ว่าเราจะรอดมาเพื่ออะไร?
อยู่แบบนี้ก็เหมือนตายทั้งเป็น ไตวายตายไปเลยไม่ดีกว่าหรอ?
หิวก็กินไม่ได้ อยากกินที่อยากก็ไม่ได้
ช่วงนั้นใช้ชีวิตไม่มีความสุขเลยค่ะ ท้อ ร้องห่มร้องไห้ตลอด
ทุกข์ทั้งหนูทั้งพี่เลย คือหนูน่ะพยายามคิดแล้วว่า
พี่ต้องเหนื่อยดูแลเรา ที่ห้ามเราก็เพราะเขารักเรา
แต่หนูก็ร้องอยู่ดี 5555555
อยากจะบอกญาติที่ต้องคอยดูแลผู้ป่วยไตแบบหนูนะคะ
ห้ามหย่อนเป็นอันขาด ถึงแม้ว่าผู้ป่วยจะมีอาการงี่เง่าแบบหนู
ต้องใจแข็งมากๆ เพราะการที่ผู้ป่วยเอาอะไรใส่ปาก
มันเกี่ยวกับชีวิตทั้งหมด
แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ขึ้นอยู่กับว่าป่วยระยะไหนด้วยนะคะ
แต่ตัวหนูคือระยะสุดท้าย ไตวายไปแล้วแถมพึ่งออกจากรพ.
ต้องคุมมากที่สุด
กว่าจะปลงได้ หนูต้องใช้คำว่าปลงค่ะ ปลงก่อน
แล้วจะพบความสุขทีหลัง ปลงในแบบของหนุคือ
หนูทำความเข้าใจกับตัวโรค ศึกษาตัวโรค และใช้ชีวิต
อยู่กับมันให้ได้ กินอันนี้ไม่ได้ ก็หาอย่างอื่นที่กินได้สิ
จนพอเริ่มจะเข้าเดือน หนูก็ชินเฉยเลย
จากอารมณ์โหย หนูก็เฉยๆแล้ว กินข้าวอร่อยขึ้น
เพราะไปศึกษาหาเมนูที่คิดว่าคลีนๆไลท์ๆมาทำกิน
ซึ่งเมนุฮ็อตฮิตที่หนูกินมาตลอดและไม่เบื่อเลย คือลาบอกไก่ค่ะ
หนูแนะนำเลย กินข้าวอย่างมีความสุข แถมกินเยอะด้วย 5555
พอฟอกเลือดได้เข้าเดือนที่สอง(5-6ครั้ง)
หนูดีขึ้นเยอะค่ะ แทบจะวิ่ง
เดินตัวปลิว ไม่ค่อยมีอาการข้างเคียงอะไร
เพราะคุมน้ำ คุมอาหารดีด้วยละค่ะ
โพสต์หน้าจะมาเล่าถึงอาการหลังฟอกเลือดนะคะ
ว่าเปลี่ยนแปลงไปเป็นอย่างไรบ้าง
วันนี้ขอตัวกลับบ้านก่อน หิวแว้ว หิวลาบบบบบ
อันนี้เป็นช่วงอาทิตย์แรกที่ออกรพ.ค่ะ
ยังมีอาการบวมอยุ่(เพราะโรค)
มีแผลที่คอเพราะตอนแรกหมอผ่าจะใส่เส้นฟอกที่คอค่ะ
แต่เพราะเหตุใดอันนี้ก็ไม่ทราบ หมอย้ายมาใส่เส้นที่
ขาหนีบข้างขวาแทน
ยังมีอาการเหนื่อยหน่อยๆ แต่นั่งเล่นทรศ.ในรถมันไม่เหนื่อยยย
โฆษณา