2 ก.พ. 2021 เวลา 12:17 • การตลาด
[ถอดบทเรียนธุรกิจ] Burger King กับ Free Rider Marketing อันแยบยล จากแคมเปญเบอร์เกอร์ 2 สี 🍔
หลังจากที่แบรนด์อย่าง Burger King ทั่วโลก เพิ่งมีการปรับเปลี่ยนแบรนด์ (Rebranding) มาได้ไม่ทันไร วันนี้ทาง Burger King (เฉพาะสาขาในไทย) ก็เพิ่งจะมีแคมเปญเล่นใหญ่ ออกมาสร้างกระแสกันอีกครั้ง กับการออกตัวเบอร์เกอร์ 2 สี ที่ดูแปลกตา คือ เบอร์เกอร์สีดำ แบล็ค ดับเบิ้ล กริลล์ ออเนียน และ เบอร์เกอร์สีชมพู พิงค์ แซลมอน เบอร์เกอร์ (ซึ่งสีดำอาจไม่เท่าไรเพราะมีเคยเห็นมาบ้างแล้ว แต่สีชมพูบนเบอร์เกอร์นี่มันช่างสะดุดตาจริงๆ)
2
ซึ่งทีเด็ดของแคมเปญในครั้งนี้ ก็คือชื่อที่ออกมาอย่าง Burger Black and Pink ที่ทำเอาหลายคนแซวกันว่า เพิ่ม “and” เข้ามาตัวเดียวประหยัดค่าโฆษณาไปหลายล้านบาท แต่ในขณะเดียวกันก็ยังทำเอาผู้คนนึกไปถึงวงเกาหลีชื่อดังได้อยู่ ซึ่งจากแคมเปญนี้เราได้อะไรบ้างมาดูกัน
2
1) Free Rider โหนกระแสแบบไม่เสียอะไร
การตลาดแบบนี้เราอาจจะเคยเห็นกันมาบ่อยครั้งแล้ว หรือมีชื่อเรียกกันว่า Free Rider Marketing นั่นก็คือการที่โหนเอาความดังจากสิ่งที่มี และฐานลูกค้าของสิ่งนั้น มาทำแคมเปญหรือการตลาด โดยที่ตัวเองไม่เสียอะไรเพิ่มเติมจากการนำสิ่งเหล่ามาใช้ เหมือนอย่างช่วงก่อนหน้าที่มีละครอย่างบุพเพสันนิวาส แต่ละแบรนด์เล็กแบรนด์ใหญ่ ก็ออกมาเล่นถึงความเป็นไทย เป็นออเจ้ากันยกใหญ่ กับกระแสนั้นเหมือนกัน โดยที่แต่ละแบรนด์ก็โหนกันไปแบบฟรีๆ แต่ก็ทำให้คนส่วนใหญ่นึกไปถึง
“บุพเพสันนิวาส” ได้ โดยที่ไม่ต้องหยิบเอาชื่อนั้นมาใช้ตรงๆ
ซึ่งกับแคมเปญของ Burger King ครั้งนี้ แม้จะไม่ได้มาแบบ Realtime เพราะไม่ใช่ช่วงที่วงเพิ่งมาดัง หรือมีเพิ่งมีเพลงใหม่ออกมา แต่ด้วยกระแสของวงเกาหลีอย่าง Blackpink ที่โด่งดังลากยาวมาถึงตอนนี้ ก็ยังทำให้ Burger King โหนไปกับกระแสนี้ได้อยู่ จนสุดท้ายก็ได้ Engagement ไปเต็ม กว่า 6,000 แชร์ และอีกกว่า 3,500 คอมเมนท์ (ที่มีคนทั้งคน Tag คนรู้จักให้มาดู และการอวดถึงตัวสินค้าว่าได้มาลิ้มลองแล้ว) บนโพสท์หลักของการเปิดตัวสินค้าในแคมเปญนี้ ก็เรียกได้ว่าประสบความสำเร็จค่อนข้างมาก
2) ไม่ใช่แค่ 1 แต่ได้ถึง 2 เด้ง
1
การออกแคมเปญนี้ไม่เพียงแต่เป็นการโหนกระแสเท่านั้น แต่ยังเป็นการเตรียมเกาะไปกับเทศกาลวาเลนไทน์ที่กำลังจะมาด้วย ทั้งการออกสินค้าใหม่เป็น “คู่” และ “สีชมพู” ก็ยังเชื่อมโยงกับวันแห่งความรักได้ไม่ยาก เพราะในตัว Content ที่ทางแคมเปญออกมาเอง อย่าง
“ขอแนะนำ คู่จิ้นใหม่ ที่จะทำให้ฟินจิกหมอน
กับความอร่อยแปลกใหม่รับเดือนแห่งความรัก!
เบอร์เกอร์ Black and Pink สองสี สองสไตล์”
ก็มีความชัดเจนอยู่แล้วว่า ชั้นต้องการใช้สินค้าคู่นี้ เพื่อดึงความสนใจผู้คนในช่วงวาเลนไทน์ กับ Hashtag #คู่จิ้นคู่ใหม่แห่งวงการเบอร์เกอร์ และพอยิ่งเอาไปประกอบกับความเป็น Black and Pink อีก กับ #BlackAndPink ก็ยิ่งสร้างกระแสออกมาได้ 2 เด้งแบบปังๆ กันไป
3) Identity ที่ชัดเจน และโดดเด่น
ซึ่งจุดน่าสังเกตอีกอย่างที่ทางแบรนด์เอามาใช้เป็นอย่างดี นั่นก็คือ identity ที่สื่อออกมา มีความชัดเจนเป็นอย่างมาก ทั้งการเล่นสีที่ดูน่าจดจำและมีความโดดเด่นเมื่อนำมาไว้บนสินค้าอย่างเบอร์เกอร์ ในขณะที่มีแบรนด์ Mister Donut ก็เล่นท่าเดียวกัน แต่กลับไม่ได้ผลเท่า เพราะสีดำก็เป็นเรื่องปกติของช็อคโกแลตบนโดนัท รวมถึงสีชมพูก็เป็นสีของโดนัทที่เห็นได้ทั่วไปเช่นกัน ในขณะที่เป็นเรื่องยากที่จะเห็นเบอร์เกอร์สีนี้ในชีวิตประจำวัน
1
นอกจากนี้แบรนด์เองยังไม่ลืมการใส่ความเป็นตัวตนเข้าไปในภาพอย่างครบถ้วน ทั้งจุดเด่นของแบรนด์อย่างการย่างด้วยไฟ และการใช้เนื้อนำเข้าจากออสเตรเลีย ในขณะที่ในเรื่องของราคากลับใช้ราคาของสินค้าที่ถูกกว่าออกมาโปรโมท พร้อมระบุเป็นราคาเริ่มต้นที่ไม่ถึง 100 แทน ก็ยิ่งเป็นการตอกย้ำจุดเด่น และ Positioning ของตัวเองได้เป็นอย่างดีเลยทีเดียว
บทความยังไม่จบ อ่านต่อได้ที่
1
โฆษณา