5 ก.พ. 2021 เวลา 07:22 • หนังสือ
The Juniper Tree ความรุนแรงในครอบครัวจากปลายปากกาพี่น้องกริมม์
เชื่อว่าหากพูดถึงนิทานกริมม์ หลายคนคงจะร้องอ๋อเมื่อได้ยินชื่อของเทพนิยายชวนฝันที่สร้างเสริมจินตนาการในวัยเด็กอย่างสโนวไวท์ ซินเดอเรลล่า ฮันเซลและเกรเทล หรือแม้กระทั่งหนูน้อยหมวกแดง
แต่หลายคนคงจะไม่รู้... ว่านอกจากสองพี่น้องตระกูลกริมม์จะเคยรังสรรค์ผลงานนิทานที่สร้างความสุขให้กับเด็ก ๆ มารุ่นสู่รุ่น พวกเขายังเคยสรรค์สร้างนิทานอันโหดร้ายออกมาสู่สายตาสาธารณชนอีกด้วย
ซึ่งหนึ่งในนั้นก็คือ The Juniper Tree นั่นเอง
โดยเรื่องราวนั้นมีอยู่ว่า....
ครั้งหนึ่งเมื่อนานมาแล้ว ยังมีเศรษฐีหนุ่มผู้มั่งคั่งคนหนึ่ง เขาแต่งงานและอยู่กินกับหญิงสาวผู้งดงามผู้หนึ่งอย่างมีความสุขเรื่อยมา แต่มีเพียงเรื่องเดียวเท่านั้นที่ทำให้พวกเขายังคงทุกข์ร้อนใจ นั่นคือการไร้ซึ่งทายาทตัวน้อยผู้เป็นดั่งโซ่ทองคล้องใจของทั้งคู่นั่นเอง
แน่นอนว่าทั้งสองจึงพยายามทำทุกวิถีทางเพื่อให้ความปรารถนาที่จะมีบุตรนั้นสัมฤทธิ์ผล
ทางฝ่ายภรรยาเองก็เช่นกัน เธอได้ไปสวดขอพรจากต้นจูนิเปอร์ที่เติบโตขึ้นมาท่ามกลางลานกว้างอันเขียวชอุ่มหน้าบ้านของคนทั้งคู่ทั้งวันทั้งคืนโดยหวังว่าพระผู้เป็นเจ้าจะเห็นใจในความพยายามของเธอบ้าง ทว่าความหวังของเธอก็ยิ่งริบหรี่ลง เมื่อเวลาผ่านไปทั้งคู่ก็ยังไร้ซึ่งบุตรเลยสักที
1
Credit:Unsplash.com
แต่แล้วความหวังของทั้งคู่ก็เป็นจริง เมื่อในเช้าวันหนึ่งของฤดูหนาว ขณะที่ภรรยาสาวกำลังนั่งปอกแอปเปิ้ลอยู่บนม้านั่งใต้ต้นจูนิเปอร์
Credit:Unsplash.com
จู่ ๆ มีดอันคมกริบในมือก็ฝากรอยแผลอันเจ็บปวดไว้บนมือของเธอจนทำให้หยดเลือดสีแดงฉานไหลรินลงสู่พื้นดินที่ถูกปกคลุมด้วยหิมะสีขาวนวล
นั่นจึงทำให้เธอนึกอะไรบางอย่างออก ก่อนที่เธอจะรำพึงกับตนขึ้นมาเบา ๆ ว่า...
"ขอให้ลูกของฉันมีสีแดงดั่งเลือด และขอให้เขามีสีขาวดั่งหิมะ"
หลังจากนั้นไม่นาน ภรรยาสาวก็ตั้งครรภ์ แน่นอนว่ามันสร้างความสุขให้กับทั้งคู่ได้ไม่น้อยเลยทีเดียว
ทั้งคู่ดูแลเด็กน้อยในครรภ์เป็นอย่างดีด้วยความรักอย่างสุดหัวใจ กระทั่งใกล้ครบกำหนดคลอด อาการป่วยอันแปลกประหลาดไร้ที่มาของหญิงสาวผู้เป็นภรรยากลับทำให้ร่างกายของเธอทรุดโทรมลงจนยากจะรักษาได้
1
ตัวเธอเองก็รู้ดีว่าคงจะมีชีวิตต่อไปได้อีกไม่นาน เธอจึงได้วอนขอให้สามีของเธอทำอะไรบางอย่างให้กับเธอเป็นครั้งสุดท้าย
"ถ้าฉันตายไป... ช่วยฝังฉันไว้ข้าง ๆ ต้นจูนิเปอร์จะได้ไหม!?" ภรรยาสาวกล่าวกับชายหนุ่มผู้เป็นสามี
1
"ได้สิ" ชายหนุ่มตบปากรับคำ
กระทั่งวันครบกำหนดคลอดมาถึง ความสุขและปีติยินดีสุดจะพรรณาก็พลันก่อตัวขึ้นในจิตใจของสองสามีภรรยา เมื่อเด็กชายตัวน้อยหน้าตาน่ารักน่าเอ็นดูได้ลืมตาขึ้นมาดูโลกเป็นครั้งแรก และสิ่งที่พิเศษไปมากกว่านั้นคือริมฝีปากของทารกน้อยเป็นสีแดงดุจโลหิตและผิวกายที่ขาวสะอาดราวกับหิมะดังที่ภรรยาสาวได้เคยอธิษฐานเอาไว้
1
ทว่าความสุขนั้นก็พลันดับวูบลง เมื่อโรคประหลาดที่กล้ำกรายหญิงสาวได้พรากเอาชีวิตของเธอไปอย่างไม่มีวันหวนกลับท่ามกลางความโศกเศร้าเหลือคณาของชายหนุ่มผู้เป็นสามี ซึ่งเขาเองก็ทำได้เพียงนำร่างอันไร้ซึ่งวิญญาณของภรรยาที่รักฝังลงเคียงข้างต้นจูนิเปอร์และเลี้ยงดูบุตรชายตัวน้อยเพียงลำพังเรื่อยมา
2
Credit: Unsplash.com
กระทั่งในเวลาต่อมาชายหนุ่มได้พบกับหญิงสาวผู้งดงามผู้หนึ่งที่มีบุตรสาวตัวน้อยนามว่า "มาร์ลีน" ติดตามมาด้วย เมื่อทั้งชายหนุ่มและหญิงสาวเกิดความรักใคร่ต่อกันจึงตัดสินใจแต่งงานกันทันที
โดยที่ชายหนุ่มเองก็ไม่ได้รู้เลยว่าภรรยาคนใหม่ของเขานั้นเกลียดชังบุตรชายของเขาเป็นอย่างมาก เธอมักจะทำร้ายร่างกายของเด็กชายอยู่บ่อยครั้ง รวมถึงคิดวิธีที่จะกำจัดเด็กชายไปเสีย นั่นเป็นเพราะเธอคิดว่าคนที่สมควรจะได้รับมรดกคือ มาร์ลีน บุตรสาวหัวแก้วหัวแหวนของเธอเพียงผู้เดียวนั่นเอง
1
ในเย็นวันหนึ่ง หลังจากที่เด็กชายกลับมาจากโรงเรียนตามปกติ แม่เลี้ยงใจโฉดที่คิดหาวิธีที่จะกำจัดเด็กน้อยได้ก็เรียกให้ลูกเลี้ยงของเธอขึ้นไปยังห้องชั้นบน โดยหลอกว่าจะมอบสิ่งของบางอย่างให้กับเขา
"ลูกอยากได้แอปเปิ้ลไหมจ๊ะ!?" หญิงสาวเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยนชวนฟังทว่าแววตาของเธอกลับลุกโชนไปด้วยเปลวไฟแห่งความพยาบาทที่สุมในอก
"อยากได้สิครับ" เด็กชายกล่าวตอบทั้งที่แปลกใจกับท่าทีของแม่เลี้ยง
2
"เข้ามาดูในหีบได้ตามสบายเลยนะ แล้วถ้าจะเอาไปกี่ลูกก็หยิบไปได้เลย" เด็กชายรู้สึกงุนงงหากยังเดินเข้าไปยังหีบไม้ใบโตที่บรรจุแอปเปิ้ลสดใหม่เอาไว้มากมายแล้วชะโงกหน้าดูแอปเปิ้ลเหล่านั้นด้วยแววตาทอประกายความตื่นตะลึง
1
Credit:Unsplash.com
"แม่ให้ผมจริง ๆ เหรอครับ" เด็กชายเอ่ยถามขึ้นเพื่อความแน่ใจ
"จริงสิจ๊ะ" หญิงสาวใจโฉดกล่าวตอบด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนทว่าแฝงความโหดเหี้ยมอยู่ในที
แต่ยังไม่ทันที่เด็กน้อยจะได้เอื้อมมือไปหยิบแอปเปิ้ลดังที่ใจต้องการ จู่ ๆ ฝาหีบที่เปิดกว้างออกก็กระแทกเข้ามาที่คอของเด็กชายจนขาดสะบั้น จนทำให้เด็กชายผู้น่าสงสารสิ้นใจลง ณ ตรงนั้น
2
หลังจากที่ร่างของเด็กชายปราศจากลมหายใจแล้ว แม่เลี้ยงใจยักษ์ก็นำศีรษะของเด็กชายออกมาจากกล่องแล้วนำมาต่อกับร่างกายของเขา
ก่อนจะหยิบผ้าสีแดงออกมาแล้วบรรจงผูกศีรษะกับคอของเด็กชายราวกับว่าหัวของเขาไม่ได้หลุดออกจากบ่า จัดแจงท่าทางให้นั่งบนเก้าอี้แล้ววางแอปเปิ้ลผลหนึ่งไว้ที่มือของเด็กชายราวกับว่าเขาจะหยิบยื่นมันให้กับใครสักคน
ในเวลาต่อมา เมื่อมาร์ลีนกลับมาจากโรงเรียน แม่ของเธอก็บอกให้เธอไปขอแอปเปิ้ลจากพี่ชายของเธอซึ่งอยู่ที่ห้องชั้นบน
แต่แล้วเด็กหญิงก็ต้องแปลกใจมาก เมื่อเธอเรียกพี่ชายของเธอหรือพยายามส่งเสียงให้ได้ยิน อีกฝ่ายกลับแสดงท่าทีนิ่งเฉยออกมาอย่างน่าประหลาด
ด้วยความสงสัย มาร์ลีนจึงรีบรุดเดินลงมาถามแม่ของเธอถึงอาการของพี่ชายที่ผิดเพี้ยนไป
3
"แม่คะ ทำไมเวลาหนูพูดอะไรไป... พี่เขาถึงไม่ตอบหนูเลยล่ะคะ!?" เด็กหญิงเอ่ยถามด้วยดวงตาใสซื่อทอประกายความใคร่รู้
"แม่ว่าหนูลองเดินเข้าไปขอพี่เขาดี ๆ ไหม ถ้าเขายังไม่พูดอะไรก็ลองผลักหัวพี่เขาเบา ๆ ดูนะ" แม่เลี้ยงตอบ ก่อนที่มาร์ลีนน้อยจะวิ่งกลับมาหาพี่ชายของเธอที่ยังคงนั่งบนเก้าอี้ดังเดิม
1
"พี่คะ ๆ หนูขอแอปเปิ้ลลูกนั้นได้ไหมคะ" เด็กหญิงเอ่ยถาม แต่ได้ความเงียบกลับมาแทนคำตอบ
เมื่อไม่ได้ยินเสียงตอบรับ เธอจึงเอื้อมมือไปโคลงหัวพี่ชายของเธอเบา ๆ
ตุบ!!!
ศีรษะที่หลุดจากบ่ากลิ้งลงมาที่พื้น ก่อนที่มันจะกลิ้งมาตรงหน้าเด็กหญิง
Credit:site.google.com/kanokwanpetthong
เสียงกรีดร้องแหลมเล็กดังลั่นมาถึงหูของหญิงสาวผู้เป็นดั่งมารร้ายที่ตระเตรียมแผนชั่วไว้อย่างดี เธอเดินเข้ามาในห้องก่อนเอ่ยถามบุตรสาวของตนที่ยังคงนั่งตัวสั่นงันงกอยู่ตรงหน้าศีรษะที่ไร้ซึ่งร่างกายของเด็กชาย
"มาร์ลีน ลูกทำอะไรลงไป!?" เด็กหญิงส่ายหน้าปฏิเสธพัลวันด้วยสีหน้าสับสนและหวาดกลัวแทนคำตอบ มารดาใจโฉดเห็นท่าทีเช่นนั้นจึงตรงเข้าไปกอดบุตรสาวตัวน้อยพร้อมกับลูบผมของเธออย่างปลอบประโลม
เด็กหญิงสะอื้นฮักในอ้อมกอด ไม่ตอบคำถามมารดา
"ช่างมันเถอะ เราเอาเขาไปทำสตูว์กันดีกว่า" หญิงสาวตัดบทก่อนประคองลูกสาวของตนให้ไปนำศพเด็กชายมาทำมื้อเย็นของวันก่อนที่ชายผู้เป็นพ่อจะมาถึง
1
Credit:google.com
มาร์ลีนไม่อาจขัดขืนมารดา เธอจึงทำได้เพียงพาร่างไร้วิญญาณของพี่ชายลงมายังห้องครัวทั้งน้ำตา
หลังจากนั้นแม่เลี้ยงใจมารก็ค่อย ๆ สับร่างอันแน่นิ่งของลูกเลี้ยงที่เธอชังหนักหนาเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยก่อนจะหย่อนชิ้นเนื้อของเด็กชายลงไปในหม้อทีละชิ้น
Credit: Unsplash.com
ในขณะที่มาร์ลีนยังคงสะอึกสะอื้นไม่หยุดจนทำให้น้ำตาของเธอร่วงรินลงไปในหม้อสตูว์จนสตูว์หม้อนี้เกิดรสชาติเค็มอย่างไม่น่าเชื่อ
กระทั่งชายหนุ่มผู้เป็นบิดากลับมาถึงบ้าน เขาก็ต้องแปลกใจเมื่อไม่เห็นบุตรชายของเขา
"ลูกชายฉันอยู่ไหน" เขาถามในขณะที่ภรรยาใหม่นำสตูว์ออกมาเสิร์ฟบนโต๊ะอาหาร
"เห็นเขาบอกว่าจะไปหาลุงที่ต่างเมือง แล้วจะอยู่ที่นั่นสักพักน่ะค่ะ" ว่าพลางตักสตูว์ในชามพลางส่งให้สามีที่นั่งลงกับเก้าอี้แล้ว
"ยังไงเขาก็ควรจะบอกฉันสักหน่อยนะ" เขาพูดแล้วตักน้ำสตูว์ขึ้นมาชิม
"เขาอยากไปมาก ๆ ก็เลยรีบออกเดินทางไปเลยน่ะ"
"งั้นเหรอ แย่จังนะ แต่อย่างน้อยเขาก็ควรจะบอกฉันก่อน" เขากินสตูว์อย่างเอร็ดอร่อย
Credit:site.google.com/kanokwanpetthong
มาร์ลีนมองหน้าของพ่อด้วยความเจ็บปวดพลางร้องไห้สะอึกสะอื้นไม่ยอมหยุด ทำให้ผู้เป็นพ่อต้องเอ่ยปลอบใจ
"ไม่ต้องร้องไห้ไปหรอกลูก เดี๋ยวพี่เขาก็กลับมา"
ก่อนจะหันมาเอ่ยกับภรรยาสาว
"สตูว์หม้อนี้อร่อยมากเลย ขอเพิ่มอีกหน่อยสิ" ว่าพลางยื่นชามไปให้หญิงสาว
ชายหนุ่มผู้เป็นบิดากินไปเรื่อย ๆ และโยนเศษกระดูกลงใต้โต๊ะ
หลังจากมื้อเย็นของวันนั้นจบลง มาร์ลีนจึงแอบเข้าไปในห้องก่อนจะเดินลงมาเพื่อเก็บเศษกระดูกใต้โต๊ะเข้ามาใส่ในห่อผ้าเล็ก ๆ ด้วยความเสียใจอย่างสุดซึ้ง
เธอเดินออกมาที่ต้นจูนิเปอร์หน้าบ้าน ก่อนจะฝังห่อผ้าบรรจุกระดูกของเด็กชายเอาไว้ข้างต้นจูนิเปอร์อย่างดี
Credit: Unsplash.com
น้ำตาของมาร์ลีนเหือดหายไปทันทีเมื่อมีนกตัวหนึ่งโผล่ออกมาจากต้นจูนิเปอร์พลางร้องเพลงเสียงกังวานจนสร้างความแปลกใจแก่เด็กหญิงที่ได้ยินเสียงเพลงอันแปลกประหลาด
"แม่เลี้ยงฆ่าฉัน
พ่อกินฉัน
มาร์ลีน น้องสาวของฉัน
นำกระดูกของฉันห่อในผ้า
แล้วฝังมันไว้ใต้ต้นจูนิเปอร์"
เจ้านกน้อยบินออกไปจากต้นจูนิเปอร์ มันบินออกไปเรื่อย ๆ พลางร้องเพลงให้กับทุกคนที่พบเห็นได้ฟังถึงเรื่องราวอันโหดร้ายที่เกิดขึ้นในครอบครัวของเด็กชาย
นกน้อยบินผ่านร้านทองคำ มันร้องเพลงกับเจ้าของร้านทองและได้รับสร้อยคอทองคำราคาแพงมา
มันบินต่อไปเรื่อย ๆ จนได้รับรองเท้าและโม่หินมาจากเจ้าของร้านรองเท้าและร้านโม่หิน ก่อนที่เจ้านกน้อยจะโผบินกลับมายังต้นจูนิเปอร์ต้นเดิม
ทั้งสามคนพ่อแม่ลูกวิ่งปรี่เข้ามายังต้นจูนิเปอร์ทันทีที่เจ้านกน้อยบินกลับมาเกาะกิ่งต้นจูนิเปอร์ดังเดิม
สร้อยคอทองคำราคาแพงได้หล่นลงมายังคอของชายหนุ่มผู้เป็นพ่อ รองเท้าคู่สวยใหม่เอี่ยมถูกหย่อนลงมาตรงหน้ามาร์ลีนผู้เป็นน้องสาว
Credit:Pixabay.com
หากแต่รางวัลชิ้นโตที่เจ้านกน้อยมอบให้กับแม่เลี้ยงใจโฉดคือโม่หินอันหนักอึ้งที่ร่วงลงมาทับคอของหญิงสาวจนศีรษะของเธอจมลงไปกับพื้นดิน
ใช่... แม่เลี้ยงใจมารสิ้นใจคาที่
ฉับพลันนกน้อยตัวน้อยนั้นก็พลันกลายร่างกลับเป็นเด็กชายดังเดิม
แล้วทั้งชายผู้เป็นบิดาและมาร์ลีนก็ได้รับเด็กชายกลับเข้ามาที่บ้านอย่างมีความสุข.
The Juniper Tree ก็จบเรื่องราวลงเพียงเท่านี้
โฆษณา