3 ก.พ. 2021 เวลา 23:45 • สุขภาพ
เทพเทวดาฟ้าดิน
 
ช่วงผมเปิดโรงเรียนการแพทย์แผนไทย ภายใต้การควบคุมของกระทรวงศึกษาธิการช่วงนั้น จตุคามกำลังบูม
ท่านผู้ว่าราชการสมัยนั้นท่านเดินสาย เป็นประธานในพิธีปลุกเสกจตุคามหลายพิธี เพราะวัดเขาอ้อพัทลุงเป็นต้นตำรับศาสตร์พราหมณ์ดั่งเดิม (สุริยัน จันทรา จตุคาม รามเทพ)
ท่านผู้ว่าฯได้เป็นประธานพิธีเปิดโรงเรียนยโสธโรการแพทย์แผนไทยพัทลุง (ผมเคยเปิดสอนวิชาหมอแผนไทย) ในพิธีเปิดท่านผู้ว่าฯถามผมว่า บวรคิดเรื่องบูชาเทพนี้อย่างไร?
 
 
ผมก็เรียนท่านผู้ว่าฯ เท่าที่ผมเคยศึกษา...
• ก่อนยุคอารยะธรรม ผู้คนนับถือสิ่งที่มองไม่เห็น เช่น สมมุติเทพต่างๆ ตัวอย่างในปัจจุบัน ชาวเขาบางเผ่ายังนับถือผีเป็นสรณะ หรือที่จีนมีพิธีไหว้เทพต่างๆ ถ้าผู้ใด (คำว่าผู้ใดเป็นศัพท์ทางกฎหมาย หมายถึง มนุษย์เท่านั้น)ผู้ใดศึกษาวิชากฎหมาย จะเห็นว่าเป็นกุโลบายการสืบทอดอำนาจเป็นกรอบคิดทั้งฝั่งตะวันออกและฝั่งตะวันตก (เป็นเครื่องมือในการปกครองอย่างหนึ่ง)
• ต่อมาหันนับถือคำสอนของปราชญ์ ซึ่งมีตัวตน เช่น ขงจื้อ พระพุทธเจ้ามาแทนที่เทพต่างๆ ผมไปซีอานไกด์เล่าว่า ก่อนยุคราชวงศ์ถัง จีนมีสงครามต่อเนื่องยาวนาน จิตใจย่ำแย่จนเมื่อพระถังซัมจั่ง นำพระไตรปิฎก (คำสอนพระพุทธเจ้ามาเผยแผ่) ใต้หล้ามีที่ยึดเหนี่ยว ความสงบจึงคืนสู่สังคม (เป็นเครื่องมือในการปกครองเช่นกัน)
• ปัจจุบันชนรุ่นใหม่ไม่เอาทั้งเทพ หรือคำสอนของปราชญ์ ยึดถือตนเองเป็นสำคัญ ในประเทศจีนล่ามหนุ่มสาวที่มาช่วยงานผม 90% บอกไม่มีศาสนาไม่นับถือใดๆเลย (ผมเดาว่าศาสดาเขาน่าจะเป็นจ๊อบ แอปเปิ้ล) ยุคนี้เลยดูมั่วๆใช่ไหมครับ ผมคิดว่าน่าจะย้อนไปถึงยุคหินและเป็นหินเก่าด้วยไม่ใช่ยุคหินใหม่
 
 
สรุป
• เราย้อนยุคถอยหลังไปนิดหน่อย แต่ยังอยู่ในกรอบคือยังเป็นคนดี ไม่ว่าเขานับถือเทพหรือปราชญ์หรือตนเอง
• ทางรัฐศาสตร์เน้น ความสงบเรียบร้อยของสังคมเป็นสำคัญ ไม่วุ่นวายถือว่าไม่ใช่ปัญหา
• ระดับการนับถือ ความเชื่อเป็นประถม สูงกว่าความเชื่อคือความศรัทธา ถ้าเกินเลยศรัทธา คือ งมงาย (ปักใจเชื่อจนขาดสติ) ถ้าไม่ก่อกวนสังคมก็ถือว่า ไม่มีปัญหาครับ
• ใครใคร่ดีดี ใคร่บ้าบ้า ไม่ว่ากันครับ
ผมก็ให้เหตุผลไปอย่างนี้ครับ
 
• หลายวันก่อนผมไปเยี่ยมคุณพ่อ
• คุณพ่อยกมือกินข้าวได้เองแล้วไม่ต้องใช้อีกมือประคอง
• แสดงว่าการกินยาบำรุงเลือด และการนวดคลึงข้างคอได้ผล เลือดลงแขนได้ก็มีเรี่ยวแรง
 
• จู่ๆคุณพ่อหยิบหนังสือให้ผมตำรับยาสมุนไพร ของ พระธรรมสิงหบุราจารย์ (หลวงพ่อจรัญ ฐิตธัมโม) วัดอัมพวัน จังหวัดสิงห์บุรี คุณพ่อรื้อบ้านได้พบหนังสือนี้
• เป็นความบังเอิญที่มีข่าวมรณภาพของพระอาจารย์ หลวงพ่อจรัญอีกสองวันหลังได้หนังสือนี้
• ภรรยาผมบอกว่า วัดอัมพวันนี้เน้นการนั่งวิปัสสนากรรมฐาน (พ่อตาผมเป็นคนสิงห์บุรี อำเภอบางระจัน)
• หลวงพ่อจรัญ อาจารย์แนะนำให้กินยารักษาโรคมะเร็ง “ลูกใต้ใบกับต้นไมยราบ” (ในหนังสือก็มีเขียนด้วย)
• ผมได้ตำรับยารักษาอาการปวดหัวเข่า (4 ประการ จับโปงแห้ง จับโปงน้ำ สะบ้าเบี่ยงและ ลมลำบอง) ผู้ใหญ่ที่ให้บอกว่ามาจากวัดสิงห์บุรี แต่ไม่บอกว่าจากวัดใดครับ
เหตุบังเอิญข้างต้นใครจะโยงเป็นเรื่องเทพเทวดาก็สุดแล้วแต่
แต่ผมจะวิเคราะห์ให้ฟังในฐานะครูหมอแผนไทยครับ
• เบาหวานว่าไปแล้วไม่ต้องกินยาก็ได้ ถ้ากินอาหารรสขมหรือเปรี้ยว น้ำตาลก็นิ่งไม่ขึ้นๆลงๆ
• ลูกใต้ใบ รสขม (รสขมบำรุงดีและโลหิต บำรุงตับ) และสรรพคุณใช้รักษาเบาหวาน และไข้ทับระดูได้ดี
• ขม = ลม+อากาศ จึงเย็นมากเข้ากระดูก รสขมแสลงกับโรคมะเร็ง เพราะมะเร็งเป็นโรคธาตุร้อน
• นอกจากหญ้าลูกใต้ใบ แล้วตัวอื่นที่มีรสขมแล้วมีฤทธิ์ทางยาอีกหลายตัว เช่น สะเดา ฟ้าทะลายโจร บอระเพ็ด ต้นปลาไหลเผือก ลูกเบญกานี
• เนื่องจากขม มีฤทธิ์เย็นจัด (ทั้งลมและอากาศ) จึงต้องมีตัวร้อนคุมฤทธิ์ ถ้าเป็นเครื่องดื่มนิยมใส่น้ำผึ้ง หรือน้ำขิง อย่างนี้หูจึงไม่ดับ
• แต่จากตำรับยาหลวงพ่อจรัญ ใช้ไมยราบทั้งห้า
o ไมยราบมีสรรพคุณขับปัสสาวะ ช่วยลดเบาหวานทางอ้อม (ผมไม่แนะนำให้กินกลุ่มขับปัสสาวะเพื่อลดเบาหวานเป็นการลดแบบหลอกๆ ตาบอด เพราะเบาหวานพุ่งมาเยอะแล้ว หลายคนก่อนไปตรวจเลือดก็กินยาสมุนไพรขับปัสสาวะหลอกหมอ ปัจจุบันหมอฝรั่งจะมองที่น้ำตาลสะสมแทนครับ)
2
o ไมยราบมีอีกคุณสมบัติรักษาน้ำเหลือง แต่มีผลพลอยได้คือ ปัสสาวะขัดได้ด้วย
• ผมขอเตือนท่านที่จะกินยาหลวงพ่อเพื่อรักษามะเร็งอาจไม่ทันกาล
• หลวงพ่อท่านให้กินป้องกันนานๆ ไม่ใช่ป่วยเป็นมะเร็งแล้วมากินไม่ทันกาลแล้ว (หิวน้ำพึ่งมาขุดบ่อน้ำไม่ทันแล้วครับ)
• ยานี้ต้องสมุนไพรสดนะครับจึงจะให้ผลดี คือ เก็บสดทำความสะอาด ตากแดดให้แห้งแล้วเก็บไว้ชงเป็นน้ำชาดื่มต่างน้ำ
• ผู้ใดอยากเป็นเทพศักดิ์สิทธ์สิ้นบุญแล้วร่างกายไม่เน่าเปื่อย ให้เอาใบหนุมานประสานกายตากแดดแล้วชงดื่มต่างน้ำนาน 20 ปีขึ้นไป สิ้นบุญไปไม่เน่าเปื่อยครับ ทดลองดูได้ครับ
• ผลพลอยได้ หนุมานประสานกายรักษาหอบหืด อย่ากินเยอะจะยิ่งหอบมากขึ้น ให้กินเรื่อยๆ ค่อยๆขับเสมหะออกจนหมดก็หายครับ ต้องใจร่มๆ ค่อยๆกินทีละนิด เตรียมยาหอมไว้เผื่อฉุกเฉิน
 
• ข้อสังเกตยาไทยไม่ใช้สมุนไพรเดียว ตำรับนี้หลวงพ่อก็ใช้สองตัวยา คือ หญ้าใต้ใบและไมยราบ ที่ไม่ใช่กลุ่มร้อนมาคุมฤทธิ์เพราะแสลงกับมะเร็ง ครูหมอจึงหันไปใช้สมุนไพรรักษาน้ำเหลืองแทน แต่เป็นความ classic ใช้ไมยราบเพราะได้ขับปัสสาวะด้วย แทนที่ใช้กลุ่มน้ำเหลืองอย่างเดียว เช่น หญ้าปักกิ่ง หรือทองพันชั่ง พลูคาว หัวข้าวเย็น ฯลฯ
• ในหนังสือ อ้างท่านผู้พิพากษาท่านหนึ่งเป็นมะเร็งลำไส้ เอาเกลือสามกำมาสะตุ (คือ ตั้งไฟจนลั่นเปียะๆ) แล้วเอาไข่ขาวห้าฟองเทกวนกับเกลือสะตุที่ร้อนๆอยู่แล้วกิน (วิเคราะห์ไม่ถูกไม่เข้าทฤษฎีหมอแผนไทย เกลือขับและทำหน้าที่ปรับด้วย ไข่ขาวรักษาไต???)
1
• มะเร็งลำไส้หมอไต้หวันแนะนำให้กินผักปั่นแทนอาหาร และเคล็ดสำคัญคือขับถ่ายมากกว่า 2 ครั้งในหนึ่งวัน (เข้าทฤษฎีหมอแผนไทย ขับถ่ายท้อง ปรับธาตุ และรักษา)
• และอีกตำรับที่โด่งดัง เกลือสาม มะขามเจ็ด บอระเพ็ดห้า (มะขามขับ เกลือปรับธาตุ บอระเพ็ดรักษา)ตำรับนี้ มีคนยืนยันว่าใช้แล้ว work
• มะเร็งมีหลากหลายตำรับ ผมให้หลักจดจำง่ายๆ คือ ใช้ยารสขมและยารักษาน้ำเหลืองเป็นสำคัญ
• ผมนิยมใช้ยาห้าราก เพิ่มหัวข้าวเย็นเหนือ หัวข้าวเย็นใต้ ทองพันชั่ง น้ำหนักเสมอภาค ดื่มต่างน้ำมากๆ ถ้าเป็นยาต้มครับประหยัดและได้ผลครับ เอาไปใช้ได้เลย
ผมตั้งใจจะพูดเรื่องความบังเอิญ ไหงออกมาเรื่องโรคมะเร็งไปได้
โรคมะเร็งเป็นโรคธรรมชาติ มะเร็งดุขยายตัวเร็ว แต่ใจเสาะตายง่าย
เจอสมุนไพรรักษาน้ำเหลืองเมาๆมากๆก็เดี้ยงครับ
ตอนนี้สมุนไพรที่กำลังอยู่ในกระแสกระท่อม กัญชา ฝิ่น ฆ่ามะเร็ง
แต่คนใช้กระท่อม กัญชา ฝิ่นไม่ตายเพราะมะเร็ง แต่ตายในคุกแทน
เมื่อเป็นโรคธรรมชาติก็เยียวยาได้ด้วยสมุนไพรธรรมชาติครับ
 
หมอบวร จันทร์โภคาไพบูลย์
โฆษณา