4 ก.พ. 2021 เวลา 10:53 • หนังสือ
The Country of The Blind หรือชื่อภาษาไทยว่า #ดินแดนคนตาบอด เป็นหนังสือเล่มเล็กๆบางๆที่ตอนได้มาเราถึงกับตกใจว่าทำไมมันเล็กแบบนี้ เพียงแต่มีการเสริมเนื้อหาฉบับปรับปรุงและบทวิเคราะห์ไว้ด้วยจึงทำให้ตัวหนังสือไม่ได้บางเกินไปนัก (ถ้าไม่เสริมนี้คงมีแค่ 50 หน้าล่ะมั้ง) ดินแดนคนตาบอดเป็นผลงานของนักเขียน เอช. จี. เวลส์ ซึ่งผลงานของเขาที่เป็นที่รู้จักส่วนมากแล้วจะเป็นพวกนิยายวิทยาศาสตร์เสียมากกว่า เรื่องนี้ได้รับการตีพิมพ์ครั้งแรกเมื่อปี ค.ศ. 1904 หลังจากนั้นเวลส์ได้มีการปรับปรุงแก้ไขเนื้อหาตอนจบแบบใหม่และเผยแพร่ออกมาในปี 1939 ซึ่งในหนังสือเล่มนี้ที่ตีพิมพ์โดย สำนักพิมพ์สมมติ จะมีตอนจบทั้งสองแบบให้เราได้อ่านกัน
เนื้อเรื่องเล่าถึงนูเนซ ชายหนุ่มที่พลัดตกลงไปในหุบเขาลึกที่ถูกตัดขาดจากโลกภายนอก หลังจากฟื้นขึ้นมาเขาก็ได้เดินมาเจอหมู่บ้านประหลาดที่มีแต่คนตาบอดอาศัยอยู่ ดินแดนที่เป็นเหมือนตำนานแต่กลับมีอยู่จริงตรงหน้าเขา ณ เวลานี้ นูเนซระลึกได้ถึงคำที่ว่า "ในดินแดนคนตาบอด คนตาเดียวคือพระราชา" เขาพยายามจะแสดงให้ชาวบ้านเห็น (ทั้งที่ชาวบ้านเหล่านั้นไม่อาจมองเห็นได้) ว่าเขาเหนือกว่า แต่คนตาบอดกลับมองว่าเขาเสียสติ มองว่าการมองเห็นคือเรื่องเพ้อฝันไร้สาระ
ตอนจบทั้งสองแบบนั้นทำให้การตีความเนื้อหาในเรื่องแตกต่างไปบ้างแต่ก็ไม่มากนัก ถ้าอ่านครบทั้งหมดจะพบว่าเรื่องนี้สอดแทรกหลายประเด็นที่น่าสนใจไว้มากมาย แต่เอาเป็นว่าเราจะไปทีละส่วน เริ่มที่ความแตกต่างของตอนจบก่อนก็แล้วกัน จะขอเล่าแบบพยายามไม่เปิดเผยเนื้อเรื่องมากนัก
- ตอนจบแบบเดิมนั้นเป็นปลายเปิด เป็นเหมือนการยอมรับ ปลงตกแล้วว่าตนไม่สามารถเปลี่ยนแปลงหรือช่วยดึงคนที่มืดบอดพวกนี้ขึ้นมาจากความมัวเมาได้ และเลือกที่จะถอยห่างไปให้พวกเขาได้ใช้ชีวิตอย่างที่พวกเขาเชื่อตามเดิม
- ตอนจบแบบใหม่นั้นเป็นการแสดงให้เห็นว่า อย่างน้อยคนตาดีก็ยังพยายามจนถึงที่สุดเพื่อช่วยเหลือคนมืดบอดเหล่านั้น ใช้ความสามารถที่รู้เห็นทุกสิ่งได้อย่างกระจ่างแจ้งของตนปกป้องพวกเขา แม้จะถูกปฏิเสธ ขับไล่ และรุมทำร้าย และสุดท้ายก็ต้องปล่อยให้พวกเขาเผชิญชะตากรรมของตนต่อไป
ส่วนในแง่ของประเด็นที่เราตกผลึกได้ก็มีอยู่หลายเรื่องด้วยกัน เช่น การเล่าเรื่องนี้ไม่ได้เน้นน้ำหนักหรือเชิดชูฝั่งใดฝั่งหนึ่งจนเกินไปนัก คนตาดีและคนตาบอดในเรื่องต่างก็มีข้อดีและข้อเสียของตน คนตาบอดอาจจะโง่เขลา มัวเมา แต่คนตาดีก็หยิ่งทระนงในศักดิ์ศรีของตนจนเกินไป แต่สิ่งหนึ่งที่เรื่องนี้ทำให้เห็นว่าการ "มองเห็น" มีข้อได้เปรียบคือการที่คนที่มองเห็นสามารถตระหนักรู้ได้ถึงสิ่งต่างๆอย่างแจ่มชัด และนั้นทำให้เขาสามารถยกระดับจิตใจของตนเองให้สูงขึ้นกว่าเดิมได้ แน่นอนว่าการมองเห็นในที่นี่ไม่ใช่การมองเห็นโดยทั่วไป แต่คือการ "มองเห็นซึ่งความจริง หรือบางสิ่งบางอย่างที่คนซึ่งมีดวงตาที่มืดบอดไปด้วยอคติและความงมงายไม่อาจมองเห็น" ดังเช่นตัวเอกในเรื่องที่เขาได้เปรียบกว่าในทุกทาง เขามองเห็นคนตาบอด และต่อให้คนตาบอดจะมีประสาทสัมผัสอย่างอื่นเฉียบไวแค่ไหน แต่หากเขาคิดทำร้ายคนตาบอดพวกนี้ขึ้นมา เขาก็ย่อมทำได้โดยง่าย เพียงแต่เขาเลือกที่จะไม่ทำ ทั้งที่เขาถูกคนเหล่านั้นเหยียดหยามอย่างรุนแรง นั้นคือการที่เขาเรียนรู้ที่จะรักและเห็นคุณค่าของมนุษย์คนอื่นในแบบที่คนที่เต็มไปด้วยอคติไม่อาจทำได้ ในส่วนนี้นั้นตอนจบแบบใหม่ยิ่งตอกย้ำความจริงข้อนี้ให้ชัดเจนยิ่งขึ้น
อีกแง่หนึ่งคือเรื่องของค่านิยมของความงาม ในดินแดนของคนตาบอดในเรื่องนี้ คนรักของนูเนซถูกมองว่าเป็นคนที่ไม่สวย เพราะเธอไม่ได้มีลักษณะที่เหมือนกับชาวบ้านคนอื่นในหมู่บ้านเสียเดียว นั้นเป็นเหตุผลให้เธอไร้คู่ครอง แต่เมื่อนูเนซมาพบเธอ เขากลับมองว่าเธอเป็นหญิงสาวที่งดงามที่สุดในหมู่บ้านนี้ เพราะเธอมีความใกล้เคียงกับเขามากกว่า จะเห็นได้ว่าบรรทัดฐานของความงานนั้น อยู่ที่ใครเป็นผู้ตัดสิน และแน่นอนว่าในโลกของคนที่มองเห็นได้ ความงามย่อมเป็นเรื่องซับซ้อน ยุ่งเหยิงมากกว่าโลกของคนตาบอด
คนตาบอดในเรื่องอาจจะดูเหมือนเป็นตัวแทนของคนคลั่งศาสนา แต่แท้จริงแล้วเป็นตัวแทนของคนที่มืดบอดในทุกสิ่ง คนที่ไม่อาจมองเห็น (หรืออาจจะไม่อยากยอมรับ) ความจริงที่ปรากฏอยู่ตรงหน้า ปฏิเสธการมีอยู่ของสิ่งนั้น และพยายามยัดเยียดชุดความคิดอันบิดเบี้ยวของตนไปให้คนที่ตาดี กล่าวหาว่าการที่สามารถมองเห็นได้นั้นเป็นสิ่งที่ร้ายกาจ ผิดมนุษย์มนา และที่ร้ายแรงกว่านั้นคือพยายาม "ควักดวงตา" ที่สามารถรู้แจ้งได้ถึงสิ่งที่ตนไม่ยอมที่จะเห็นออกมา แท้จริงแล้วไม่ใช่ว่าคนตาบอดเหล่านี้ไม่อยากมองเห็น แต่เพราะเขา "กลัว" การจะมองเห็นความจริงเหล่านั้น ดังนั้นการที่มีคนตาดีที่มองเห็นมาคอยป่าวร้องสิ่งที่เขาไม่อยากจะรู้ให้เขาฟัง พยายามจะทำให้เขา "มองเห็น" สิ่งเดียวที่ทำได้เพื่อให้เขาได้อยู่ในโลกที่ตัวเอง "เชื่อมั่น" ต่อไปคือการทำให้คนตาดีกลายเป็นคนตาบอดเช่นตน เพื่อที่คนคนนั้นจะได้หยุดพูดสิ่งที่ระคายหูเขาเสียที
คนตาดีในเรื่องนี้ หากจะเปรียบให้เห็นง่ายๆก็คือคนที่มีอุดมการณ์บางอย่าง มีความฝันที่จะเปลี่ยนแปลงโลกไปในทางที่ดีขึ้น เพราะเขา "เห็น" ความฟอนเฟะที่กัดกินสังคมที่เขาอยู่ แต่เขากลับถูกคนตาบอดที่มีอำนาจมากกว่า มีพวกมากกว่า กดดันเขา บีบให้เขาต้องยอมรับว่าเขา "ไม่ควรมองเห็น" เพราะการมองเห็นคือสิ่งที่ผิด หากเขาป่าวประกาศถึงสิ่งที่ตนเห็น พยายามอธิบายให้คนที่มืดบอดเหล่านั้นฟัง คนพวกนั้นก็จะหัวเราะเยาะและมองว่าเขาเสียสติไปแล้ว หรือไม่ก็โกรธเคืองที่เขาพูดจาอวดดีและนำไปสู่การทำร้ายร่างกายในที่สุด สุดท้ายแล้วคนตาดีก็มีแค่สองทางเลือก คือยอมอยู่เงียบๆ ก้มหน้ายอมรับชะตากรรม เพื่อปกป้องรักษาชีวิตตัวเองไว้ จนความสามารถในการมองเห็นของตนก็ค่อยๆเสื่อมสูญไปเช่นกัน หรือเดินออกมา เพื่อรักษาความสามารถนั้นไว้ ทอดทิ้งคนที่มัวเมาเหล่านั้นไว้ข้างหลัง แล้วออกแสวงหาดินแดนที่ตนจะสามารถมองเห็นได้อย่างเสรี
ทางเลือกนั้นอาจจะดูง่ายถ้าคุณแค่หลงทางเข้าไปในดินแดนคนตาบอด แต่ถ้าคุณคือคนที่เกิดในดินแดนคนตาบอด คุณจะเลือกทางไหนกันล่ะ?
แอบโชว์ชั้นหนังสือสักเล็กน้อย 🤣
โฆษณา