6 ก.พ. 2021 เวลา 01:00 • กีฬา
สรุปทามไลน์ ของโลกฟุตบอลตั้งแต่เริ่มต้นจนปัจจุบัน
https://www.facebook.com/Whyalwaysfootball/photos/a.1803485776555594/2072980396272796/
1863 จุดเริ่มต้น
หลังจากที่สมาคมฟุตบอลแห่งประเทศอังกฤษ หรือ FA (Football Association) ได้ถูกก่อตั้งขึ้นในประเทศอังกฤษ ทีมในยุคนั้นนิยมใช้กองหน้าจำนวนมากถึง 6-7 คนเลยทีเดียว สไตล์การเล่นในตอนนั้นการจ่ายบอลแทบจะไม่มีอยู่ในกีฬาฟุตบอลเลย ผู้เล่นรู้จักแต่การเลี้ยงบอลเพียงอย่างเดียว(การเลี้ยงในตอนนั้นไม่ได้มีเทคนิคแต่อย่างใดแค่ใช้ทักษะทางร่างกายเพียงอย่างเดียว) คล้ายกับกีฬารักบี้
https://www.sanook.com/sport/873578/
1866 กฎการล้ำหน้าได้ถูกนำมาใช้เป็นครั้งแรก
ปี1872 เกิดการส่งบอลครั้งแรก
The Combination Gameได้ถือกำเนิดขึ้นซึ่งหมายถึงการเล่นที่ผสมผสานระหว่างการเลี้ยงบอลกับการจ่ายบอล ในการแข่งขันทีมชาติครั้งแรกได้ถือกำเนิดขึ้นโดยเป็นการพบกันระหว่างทีมชาติอังกฤษกับทีมชาติสก๊อตแลนด์ ซึ่งเกมนั้นจบลงที่ผลเสมอ 0-0 และไฮไลท์สำคัญในเกมนี้คือเนื่องจากผู้เล่นของอังกฤษนั้นมีทักษะทางร่างกายที่ดีกว่าสก๊อตแลนด์อย่างมากทำให้ผู้เล่นสก๊อตแลนด์หมดหนทางสู้โดยจำต้องใช้วิธีอื่นในการสู้กับอังกฤษแทนนั่นก็คือการจ่ายบอลนั่นเอง
ปี1878 แผนแรกของโลก 2-3-5
สโมสรเวลส์ เร็กซ์แฮมได้คิดค้นแผนการเล่นใหม่ 2-3-5 หรือ พีระมิดนั่นเอง เนื่องจากการยืนของผู้เล่นที่เป็นทรงสามเหลี่ยมเหมือนพีระมิดของจริงจึงทำให้ถูกเรียกว่า พีระมิด โดยได้ลดจำนวนกองหน้าลงจาก6-7คน เหลือเพียง 5 คนซึ่งมีสาเหตุมากจากการที่ทีมส่วนใหญ่เริ่มหันมาจ่ายบอลมากขึ้นนั้นทำให้พื้นที่ในแผงกองหน้าเกิดการยืนทับตำแหน่งกันและไม่มีพื้นที่พอที่จะเล่นได้ หลังจากนั้นเป็นต้นมาแผนการเล่นพีระมิดก็ได้กลายเป็นแผนการเล่นยอดนิยมเรื่อยมาที่ทีมต่างๆนิยมชมชอบ ทีมชาติอุรุกวัยเจ้าของแชมป์ฟุตบอลโลกครั้งที่1 ก็ได้ใช้แผนการเล่นนี้ด้วยเช่นกัน แต่สุดท้ายแผนการเล่นนี้ก็ค่อยๆทยอยถูกละทิ้งไปในที่สุดหลังจากที่กฎการล้ำหน้าได้ถูกแก้ไขให้เป็นอย่างทุกวันนี้ตั้งแต่ปี 1925 เป็นต้นมา
https://zombrero.co/%E0%B8%9A%E0%B8%97%E0%B8%84%E0%B8%A7%E0%B8%B2%E0%B8%A1/%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%A7%E0%B8%B1%E0%B8%95%E0%B8%B4%E0%B8%9F%E0%B8%B8%E0%B8%95%E0%B8%9A%E0%B8%AD%E0%B8%A5/%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%A7%E0%B8%B1%E0%B8%95%E0%B8%B4%E0%B8%9F%E0%B8%B8%E0%B8%95%E0%B8%9A%E0%B8%AD%E0%B8%A5-%E0%B8%95%E0%B8%AD%E0%B8%99%E0%B8%97%E0%B8%B5%E0%B9%88-1/
1925 หมดยุคพีรมิด เริ่มต้น แผน 3-2-2-3
https://www.storiespreschool.com/soccer_formation_wm.html
แผนการเล่นพีระมิด ด้วยสาเหตุมาจากกฎการล้ำหน้า ฟุตบอลตอนนั้นมีผลสกอร์ที่ต่ำ และไม่ค่อยมีความสนุก จรึงได้เกิดการใช้กำล้ำหน้าแบบใหม่ และใช้จนมาถึงปัจจุบัน หลังจากนั้นกฎนี้ได้ส่งผลกระทบต่อเกมลูกหนังทันทีซึ่งแต่ละเกมผลการแข่งขันจบลงแบบมีสกอร์จำนวนมหาศาลถล่มทลาย นับได้ว่าเป็นการเพิ่มขึ้นมากกว่าแต่ก่อน เฮอร์เบิร์ต แชปแมน ยอดกุนซือของสโมสรฮัดเดอส์ฟีลด์ คิดค้นระบบการเล่นใหม่ขึ้นมา
นั่นก็คือ แผนการเล่น 3-2-2-3 เป็นแผนที่ให้ความสำคัญกับเกมรับมากกว่าพีระมิดรวมถึงช่วยสร้างสมดุลระหว่างเกมรุกและเกมรับมากขึ้นด้วยอีกทั้งก่อให้เกิดการ Counter Attack ขึ้น ซึ่งวิธีการเล่นนี้เกิดขึ้นมาจากตัวระบบ WM เองที่มีกองหลังมากขึ้นจาก2 คนในแผนพีระมิดเป็น3คนแทน จึงทำให้ง่ายต่อการตั้งรับและสวนกลับได้ ซึ่งต่างจากแผนพีระมิดที่ใครครองบอลมากกว่ากันก็มักจะเป็นฝ่ายชนะไปในขณะที่การCounter Attackในแผนพีระมิดนั้นเกิดขึ้นไปตามโอกาสเพียงเท่านั้นไม่ใช่แทคติกที่ถูกสร้างขึ้นอย่างตั้งใจเหมือน WM
1950 กำเนิด Long ball และ นักวิเคราะบอล คนแรกของโลก
https://www.blockdit.com/articles/5e96d65be0ddc1115dcbf03f?series=5f6ae9c236420c058e1f5b3b
ในช่วงทศวรรษ1950 ได้มีสไตล์การเล่นที่ถูกคำนวณอย่างละเอียดเป็นอย่างดีจนก่อให้เกิดเป็นแทคติกที่มีประสิทธิภาพอย่างมาก แต่สิ่งที่น่าแปลกใจคือสไตล์การเล่นนี้ไม่ได้รับการยอมรับจากผู้คนซักเท่าไหร่ ชาร์ล รีป นักวิเคราะห์สถิติชาวอังกฤษและอดีตนาวาอากาศโท บุรุษผู้หลงใหลในกีฬาฟุตบอลเป็นอย่างมาก และ หลงใหลในฟุตบอลของอาร์เซน่อลในยุคนั้นที่มีสไตล์การบุกที่รวดเร็วสนุกและเร้าใจอย่างมาก
หลังจากสงครามโลกครั้งที่สองสิ้นสุดลง เขาได้ใช้ชีวิตของเขาเข้าชมเกมฟุตบอลในสนามมากมายไปวันๆ จนกระทั่งเกิดเหตุการณ์สำคัญที่ทำให้ชีวิตของเขาเปลี่ยนไปตลอดกาล ซึ่งเหตุการณ์นั้นเกิดขึ้นในวันที่ 18 มีนาคม 1950 เขาได้เข้าชมเกมดิวิชั่นสามระหว่างสวินดันทาวน์และบริสตอลโรเวอร์ส เหตุการณ์ในครั้งนี้ได้ทำให้เขาสถาปนาตัวเองเป็นนักวิเคราะห์กีฬาฟุตบอลคนแรกในประวัติศาสตร์และนับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา
เขาได้ทุ่มเทอย่างหนักในการจดบันทึกสถิติรวมถึงการเล่นต่างๆในทุกๆเกมที่เหลืออยู่ในฤดูกาลนั้น จนสุดท้ายเขาก็ได้ข้อสรุปออกมาว่า การทำประตูส่วนใหญ่นั้นจะเกิดขึ้นจากการจ่ายบอลไม่เกินสามครั้งเพียงเท่านั้น ซึ่งทฤษฎีนั้นได้ก่อให้เกิดเป็นสไตล์ Long Ball ขึ้นซึ่งเป็นสไตล์การเล่นที่เน้นโยนบอลยาวไปให้กองหน้า Target Man เพื่อพักบอลเริ่มเกมบุกบริเวณใกล้กรอบเขตโทษทันทีหรืออีกวิธีหนึ่งคือการส่งบอลไปให้ปีกเพื่อขึ้นเกมด้วยความเร็วสูง แต่อย่างไรก็ตามในปัจจุบันด้วยอิทธิพลจากกุนซือต่างชาติที่นำปรัชญาแทคติกต่างๆมากมายเข้ามาในลีกสูงสุดของอังกฤษจึงทำให้สไตล์ Long Ball แบบต้นตำรับนั้นกลายเป็นเพียงแค่สไตล์ที่ล้าสมัยที่มีแต่ทีมเล็กที่ขาดผู้เล่นจอมเทคนิค
พรสวรรค์สูงนิยมใช้ไปแล้วหรืออย่างมากก็เป็นได้เพียงแค่ชิ้นส่วนในการเล่นของแทคติกสไตล์อื่นๆไปเท่านั้น ในปี1972 ศึกฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรปรอบคัดเลือกนัดเพลย์ออฟ ทีมชาติอังกฤษในสไตล์ Long Ball ได้ถูกทีมชาติเยอรมันในสไตล์ Total Football สอนบอลซะขายขี้หน้าโดยถล่มไป 3-1 ซึ่งแสดงให้เห็นได้ชัดเจนว่าสไตล์นี้ไม่ได้มีประสิทธิภาพที่เหนือกว่าสไตล์อื่นแต่อย่างใด
1952 Evolution of football
https://sport.mthai.com/football/251663.html
ในปี 1952 ศึกฟุตบอลโอลิมปิกในครั้งนั้นได้ถือกำเนิดสุดยอดทีมขึ้น นั่นก็คือทีมชาติฮังการี ทีมชุดนั้นถือเป็นยุคทองของทีมชาติฮังการีที่เป็นที่กล่าวขานจนถึงทุกวันนี้ โดยในทัวร์นาเมนต์นั้นทีมชาติฮังการีคือผู้ชนะในโอลิมปิกครั้งนั้น และสิ่งที่ทีมชาติฮังการีชุดนั้นนำมาสู่วงการฟุตบอลซึ่งนั่นจะกลายเป็นการปฏิวัติครั้งยิ่งใหญ่ที่จะเปลี่ยนโลกฟุตบอลไปตลอดกาล ด้วยแผน 3-2-3-2 หรือ WW ซึ่งเกิดจากการถอยล่นปีกสองข้างลงมาต่ำกว่าเดิมนิดหน่อยและเปลี่ยนจากใช้กองหน้าแท้ๆเป็นใช้กองหน้าตัวหลอกแทน(False 9) บทบาทนี้ทำหน้าที่สร้างสรรค์เกมและยืนตำแหน่งถอยลงมาต่ำเหมือนบทบาทเพลย์เมกเกอร์แต่ที่เพิ่มเข้ามาคือพวกเขาจะมีส่วนรับผิดชอบหน้าที่ในการทำประตูเหมือนกับกองหน้าแท้ๆอีกด้วย ซึ่งนันดอร์ ฮิแดคูตี (Nandor Hidegkuti) ตำนานชาวฮังการีได้รับการยอมรับว่าเป็นผู้เล่นคนแรกที่มีฝีเท้าโดดเด่นอย่างมากในบทบาทกองหน้าตัวหลอก(False 9)
https://www.myfootballfacts.com/world-football/legendary-players/nandor_hidegkuti/
แต่การวิวัฒนาการยังไม่จบเพียงเท่านั้นเพราะแผนการเล่น WW ที่ถูกพัฒนามาแล้วครั้งหนึ่งได้วิวัฒนาการออกไปอีกครั้งจนกลายเป็นแผนการเล่น 4-2-4 (Diagonal system)ที่ถูกพัฒนาโดย ฟลาวิโอ คอสต้า กุนซือของทีมชาติบราซิลในขณะนั้นและบีล่า วุตต์มาน กุนซือชาวฮังการี แผนการเล่นนี้ปรับเปลี่ยนไปโดยจะเลือกใช้ผู้เล่นเพียงสองคนในตำแหน่งกองกลางเท่านั้นโดยทั้งสองคนจะต้องมีความอึดที่ช่วยทั้งเกมรุกและรับได้ตลอดทั้งเกมเพื่อสนับสนุนทั้งแผงหน้าสี่คนและแผงหลังสี่คนจึงก่อให้เกิดประสิทธิภาพที่ดีทั้งเกมรุกและเกมรับ และอีกหนึ่ง
แผนการเล่นอย่าง 4-2-3-1 ที่เป็นที่รู้จักอย่างดีในปัจจุบัน ซึ่งได้ถูกพัฒนาจากแผนการเล่น 4-2-4 เช่นกันโดยทีมชาติบราซิลที่แตกต่างไปจากชุดก่อนทั้งกุนซือและผู้เล่นหลายคนก็เปลี่ยนแปลงไปตามกาลเวลา กุนซือทีมชาติบราซิลในตอนนั้นไม่ใช่ใครอื่นแต่เป็นอดีตผู้เล่นในชุดแชมป์โลก 2สมัยอย่างมาริโอ ซากัลโล่ ซึ่งเขาได้ปรับเปลี่ยนแก้ไขระบบ 4-2-4 เล็กน้อยโดยการจับกองกลางสองคนลงมาต่ำเป็นคู่กลางรับ Holding และถอยกองหน้าลงมาต่ำเป็นกองกลางตัวรุกซึ่งผู้ที่รับบทบาทนี้ในเวลานั้นก็คือ เปเล่ในช่วงปลายการค้าแข้ง นั่นเอง ซึ่งผลที่ตามมาคือด้วยจำนวนกองกลางที่มากขึ้นทำให้ง่ายต่อการทำเกมรุกโดยที่ไม่ต้องพะวงใดๆในเกมรับจึงทำให้ทีมที่ใช้แผนการเล่นนี้สามารถเล่นรับแล้วโต้กลับได้ดีเลยทีเดียว
และการวิวัฒนาการครั้งสุดท้ายของแผนการเล่น WM นั่นก็คือ แผนการเล่น 4-2-2-2 นั่นเอง แผนการเล่นนี้ถูกเรียกอีกชื่อหนึ่งว่า แผนการเล่น Magic Square ซึ่งเป็นอีกหนึ่งแผนการเล่นที่พัฒนามาจาก 4-2-4 เช่นกัน แผนการเล่นนี้ถูกใช้เป็นครั้งแรกโดยทีมชาติบราซิลแห่งศึกฟุตบอลโลก 1982 ในยุคที่ไร้ซึ่งเปเล่ สุดยอดตำนานอีกต่อไปแล้ว ที่นำทีมแทนโดยซิโก้ และ โซคราเตส สองยอดเพลย์เมกเกอร์ของทีม แผนการเล่นนี้มีจุดเด่นในเรื่องของการคุมแดนกลางโดยอาศัยจำนวนเขาว่ารวมถึงการเพิ่มความเหนียวแน่นในเกมรับอีกด้วย ซึ่งแผนการเล่นนี้จะเน้นพึ่งพากองกลางทั้งสี่ที่ยืนกันเป็นรูปสี่เหลี่ยมโดยจะมีกองกลางตัวรุก 2 คนคอยทำเกมอยู่หลังกองหน้าสองคนและกองกลางตัวรับ 2 คนคอยคุมจังหวะและเข้าสกัดเกมฝ่ายตรงข้าม
1962 Catenaccio ปรัชญาฟุตบอลมหาอุด
https://www.pinterest.com/pin/459578336954364972/
ในภาษาอิตาลีหมายถึงการลงกลอนประตู บุรุษหนึ่งคนที่สมควรได้รับการยกย่องอย่างยิ่งเพราะเขาคือผู้คิดค้นปรัชญา Catenaccio ขึ้นซึ่งเขาก็คือ คาร์ล ลาปปาน กุนซือชาวออสเตรีย โดยเขาได้ค้นพบปรัชญาสไตล์การเล่นนี้สมัยที่เขาคุม เซอเวตต์ สโมสรฟุตบอลเล็กๆในสวิตเซอร์แลนด์ในปี 1932 เนื่องจากสาเหตุที่ทีมนี้ไม่สามารถต่อกรกับทีมใหญ่ๆได้
จึงทำให้ลาปปานจึงหาวิธีรับมือโดยการนำผู้เล่นลงมาเล่นเกมรับในรูปแบบ Man Marking ถึง 4 คน ซึ่งสำหรับในยุคนั้นที่ทีมส่วนใหญ่นิยมเล่นหลัง 2 คนเท่านั้นในแผนการเล่นพีระมิด ซึ่งตอนเข้าคุม เอซี มิลานเขาได้พัฒนาปรัชญานี้จนสำเร็จไประดับนึงโดยปรับแผนการเล่น
ด้วยการเพิ่มเติมบทบาทหนึ่งที่แต่เดิมเคยถูกคิดค้นขึ้นโดยจูเซ็ปเป้ วิอานี่ และบทบาทนั้นก็คือ Libero หรือ Sweeper ซึ่งเป็นกองหลังตัวพิเศษที่มีเทคนิคและการจ่ายบอลที่ดีเยี่ยมที่จะคอยยืนอยู่หลังแผงกองหลังอีกทีหนึ่งเพื่อคอยซ้อนตัวประกบ จนสามารถพาทีมคว้าแชมป์ยุโรปได้ในฤดูกาล 1962-63 แต่อย่างไรก็ตามก็เป็นเพียงแค่หนเดียวเท่านั้นรอคโก้มิอาจนำปรัชญาที่ยังไม่สมบูรณ์ครองความยิ่งใหญ่ใน
http://www.soccer-training-guide.com/sweeper-in-soccer.html#.YBzC75fiu1s
ระยะเวลายาวนานได้ เขาได้พัฒนาสไตล์การเล่นนี้จนสมบูรณ์ในที่สุดโดยปรับมาใช้แผนการเล่นที่มีรูปทรงยืดหยุ่นโดยเป็นได้ทั้ง 5-3-2, 3-5-2, 5-2-3 และ 3-4-3 ซึ่งแผนการเล่นนี้จะยังคงใช้เกมรับรูปแบบ Man Marking และมี Libero ห้อยอยู่หลังแผงกองหลัง โดยเพิ่มเติมผู้เล่นเพลย์เมกเกอร์เบอร์10 ที่มีเทคนิคพรสวรรค์ชั้นเลิศและมีการสร้างสรรค์เกมที่ยอดเยี่ยมซึ่งเปรียบดั่งหัวใจสำคัญของทีม และได้ให้กำเนิด ตำแหน่ง Regista เพลย์เมกเกอร์ ที่ทำหน้าที่อยู่หน้ากองหลัง ทศวรรษ 2000 มีชายผู้หนึ่งผู้ที่เชื่อมั่นในปรัชญา
https://www.fourfourtwo.com/news/andrea-pirlo-appointed-juventus-manager-following-maurizio-sarris-sacking-1596910956000
Catenaccio ของเอร์เรรา และชื่อของเขาก็คือ โชเซ่ มูรินโญ่ กุนซือชาวโปรตุเกส นั่นเอง ซึ่งมูรินโญ่คือหนึ่งในกุนซือรุ่นใหม่ที่ได้นำปรัชญาต้นตำรับมาดัดแปลงจนกลายเป็น Catenaccio สมัยใหม่ มูรินโญ่ประสบความสำเร็จอย่างมากตลอดช่วงทศวรรษนั้นโดยพาปอร์โต้ สโมสรจากโปรตุเกสซึ่งถือเป็นทีมเล็กในยุโรป สามารถคว้าแชมป์ยุโรปเหนือทีมใหญ่ในยุโรปได้ในฤดูกาล 2003–04 นำทีมโดย เดโก้ และ ลิคาร์โด้ คาร์วัลโญ่ และต่อมาหลังจากย้ายมาเชลซี สโมสรจากอังกฤษซึ่งในตอนนั้นยังไม่ประสบความสำเร็จใดๆมากนัก มูรินโญ่ได้พาเชลซีที่นำทีมโดยจอห์น เทอร์รี่, แฟรงค์ แลมพาร์ด, ดีดิเยร์ ดร็อกบา และปีเตอร์ เช็ก คว้าแชมป์ลีก 2 สมัยติดต่อกันตั้งแต่ปีแรกที่เข้ามาคุมอีกทั้งยังสามารถได้อีกครั้งในปีถัดมาอย่างทันทีทันใด ซึ่งมูรินโญ่ถือเป็นผู้วางรากฐานความยิ่งใหญ่ของเชลซีในปัจจุบันอีกด้วย ก่อนจะแยกทางกับเชลซีไปเนื่องจากมีปัญหากับบอร์ดบริหาร
ในช่วงทศวรรษ2010 นั้น Catenaccio สมัยใหม่ได้วิวัฒนาการอีกครั้งกลายเป็นสไตล์ Park the Bus ที่ถูกใช้อย่างได้ประสิทธิภาพในเวลาต้องเผชิญกับทีมที่เหนือกว่า สไตล์นี้ถูกใช้จนประสบความสำเร็จโดยโรแบร์โต้ ดิ มัตเตโอสมัยคุมเชลซีชุดแชมป์ยุโรปในฤดูกาล2011-12 และโชเซ่ มูรินโญ่ สมัยคุมเชลซีรอบสองชุดคว้าแชมป์ลีกในฤดูกาล2014-15 Park the Bus เป็นสไตล์การเล่นที่นำผู้เล่นทั้งหมดลงไปตั้งรับอยู่ในแดนตัวเองโดยทิ้งกองหน้าห้อยหน้าไว้หนึ่งคนและใช้วิธีโยนบอลยาวไปให้กองหน้าหรือใช้วิธีโต้กลับเร็วเพียงไม่กี่จังหวะโดยหวังพึ่งปาฏิหาริย์ในการทำประตูในไม่กี่ครั้ง
http://www.zonalmarking.net/2010/01/25/teams-of-the-decade-13-chelsea-2004-06/
1971 Rise of Total Football
https://www.fcbarcelona.com/en/card/648131/johan-cruyff
ไรนุส มิเชลส์ ปรมาจารย์แห่งปรัชญา Total Football
เข้ามาเปลี่ยนแปลงโลกฟุตบอลนั้น Total Football แต่เดิมได้ถูกคิดค้นโดย แจ็ค เรย์โนลด์ส กุนซือชาวอังกฤษของอาแจกซ์ อัมสเตอร์ดัม สโมสรฟุตบอลจากฮอลแลนด์ตั้งแต่ช่วงทศวรรษ 1910 แต่ยังเป็นเวอร์ชั่นที่ยังไม่สมบูรณ์และยังไม่สามารถสร้างผลกระทบต่อโลกฟุตบอลแต่อย่างใด
ต่อมา อาแจกซ์ ได้มีกุนซือชาวอังกฤษผู้หนึ่งที่เข้ามาสานต่อปรัชญาของเรย์โนลด์สที่อาแจกซ์และเขาคนนั้นก็คือ วิก บักค์กิ้งแฮม ที่เข้ามาคุมอาแจกซ์ถึงสองช่วงโดยช่วงแรกตั้งแต่ปี 1959–1961 และ ช่วงที่สองเพียงหนึ่งฤดูกาล 1964–65 และผู้เล่นที่จะกลายมาเป็นตำนานคนต่อไปอย่างโยฮัน ครัฟฟ์ ก็ได้ถูกแจ้งเกิดภายใต้การคุมทีมของ บักค์กิ้งแฮม ถึงแม้เขาจะเป็นผู้ค้นพบและให้โอกาสในการแจ้งเกิดแก่ผู้เล่นที่จะเป็นถึงตำนานในอนาคต แต่อย่างไรก็ตามเขาก็ยังไม่สามารถขัดเกลาตัวปรัชญาให้ถึงที่สุดได้อยู่ดี
1
จนกระทั่งบุรุษผู้เป็นทั้งอดีตผู้เล่นและลูกศิษย์ของแจ็ค เรย์โนลด์สอย่าง ไรนุส มิเชลส์ ได้เข้ามากุมบังเหียนในฤดูกาล1965-66 และแล้วในที่สุด Total Football ฉบับสมบูรณ์ก็ได้ถือกำเนิดขึ้น มิเชลส์ได้ขัดเกลา Total Football จนสมบูรณ์
https://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B9%84%E0%B8%A3%E0%B8%99%E0%B8%B8%E0%B8%AA_%E0%B8%A1%E0%B8%B4%E0%B9%80%E0%B8%8A%E0%B8%A5%E0%B8%AA%E0%B9%8C
โดยระบบของเขาจะยึด 2 ปัจจัยเป็นหลัก ปัจจัยที่หนึ่งคือการใช้พื้นที่ให้เกิดประโยชน์ซึ่งหมายถึงการเพรซซิ่งกดดันเพื่อแย่งบอลแบบใช้สมองแทนที่จะใช้กำลังเพียงอย่างเดียวโดยการคิดก่อนว่าควรจะวิ่งไปตรงไหนควรจะยืนอยู่จุดไหนเพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุด ปัจจัยนี้จะช่วยให้ผู้เล่นประหยัดแรงลงไปอย่างมากเวลาเพรซซิ่งแย่งบอล
ในช่วงเวลานั้นที่ปรัชญาฟุตบอลเน้นเกมรับ Catenaccio ยังคงครองความยิ่งใหญ่อยู่อย่างต่อเนื่อง มิเชลส์ได้นำปรัชญา Total Football เวอร์ชั่นสมบูรณ์ พาอาแจกซ์เถลิงแชมป์ยุโรปได้สำเร็จในฤดูกาล 1970-71 ที่นำทัพโดยโยฮัน ครัฟฟ์ ที่กลายเป็นสุดยอดผู้เล่นไปแล้วในตอนนั้น ซึ่งเป็นการส่งสัญญาณเตือนอย่างชัดเจนไปสู่ทีมที่ใช้ปรัชญา Catenaccio ทั้งหลายว่าพวกเขาพร้อมที่จะขึ้นมาท้าทายบัลลังก์อย่างเต็มตัวแล้ว
สาเหตุมาจากระบบและโครงสร้างของ Total Football นั้นเป็นสิ่งที่ฟุตบอล Catenaccio นั้นแพ้ทางอย่างมาก ด้วยการเล่นที่ผู้เล่นสามารถสลับสับเปลี่ยนไม่มีตำแหน่งตายตัวอยู่ตลอดเวลานั้นทำให้เกมรับแบบ Man Marking ของ Catenaccio ถึงกับต้องพังทลายลง จึงทำให้อาแจกซ์ในยุคนั้นสามารถขึ้นเป็นมหาอำนาจของยุโรปด้วยการคว้าแชมป์ยุโรปติดต่อกันถึงสามปีซ้อนและในที่สุดปรัชญามหาอุด Catenaccio ก็ได้ถูกโค่นลงจากบัลลังก์อย่างสมบูรณ์และถูกแทนที่โดยTotal Football ปรัชญาสายบุกที่มีการเล่นที่สวยงามดั่งชิ้นงานของศิลปิน
1988-89 กำเนิด TIKI-TAKA
http://sharemytactics.com/58754/Barcelona-Formation-vs.-Chelsea%2C-2012-334
เริ่มที่เรื่องแรกนั่นก็คือการเปลี่ยนจากการที่ผู้เล่นทุกคนในสนามยกเว้นผู้รักษาประตูสามารถสลับสับเปลี่ยนตำแหน่งกันได้แบบไม่ตายตัวนั้นให้มีการลดลงกลายเป็นผู้เล่นสามารถเคลื่อนที่ได้อิสระเหมือนอย่างเดิมแต่จะทำได้ก็ต่อเมื่ออยู่ใกล้ตำแหน่งของตนเองเท่านั้นเพื่อให้เพื่อนร่วมทีมมาซ้อนตำแหน่งแทน ส่วนผู้เล่นบริเวณอื่นก็ประจำตำแหน่งตัวเองเหมือนเดิม
เรื่องที่สองซึ่งสอดคล้องกับเรื่องแรกนั่นก็คือการเปลี่ยนจากการเคลื่อนคนกลายเป็นการเคลื่อนบอลแทนซึ่งจะส่งผลให้ทีมนั้นสามารถครองบอลได้นานขึ้นและมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น อีกทั้งยังกลบจุดอ่อนของสไตล์ต้นตำรับที่เน้นพึ่งพาความสามารถเฉพาะตัวของกลุ่มผู้เล่นที่มากจนเกินไปโดยการเน้นความสามัคคีและทีมเวิร์คในการจ่ายบอลของผู้เล่นแทน
และเรื่องสุดท้ายซึ่งสอดคล้องกับสองเรื่องก่อนหน้านี้นั่นก็คือการให้ผู้เล่นยืนกันเป็นสามเหลี่ยมเพื่อที่จะทำให้ง่ายต่อการส่งบอลได้อย่างต่อเนื่องแบบโอกาสที่จะเสียบอลยากที่จะเกิดขึ้นได้เลยซึ่งมันก่อให้เกิดเป็นเกมการครองบอลที่สวยงามชิ่งบอลกันไปมาแบบสั้นๆจนหาโอกาสทำประตูได้ในที่สุด อีกผลดีของสไตล์นี้จะช่วยผลาญพลังงานของผู้เล่นฝ่ายตรงข้ามที่ต้องไล่บอลจนเหนื่อยแถมยังส่งผลต่อจิตใจที่เกิดความรู้สึกหงุดหงิดที่ไม่สามารถนำบอลกลับมาเล่นได้โดยไว
ครัฟฟ์ได้นำสไตล์นี้พาบาร์ซ่าเถลิงแชมป์ยุโรปสมัยแรกได้สำเร็จในฤดูกาล 1991-92
ซึ่งเป๊ป กวาร์ดิโอล่า ถือเป็นปรมาจารณ์ผู้ที่ขัดเกลา Tiki Taka จนสมบูรณ์โดยเขาได้ใช้บทบาทกองหน้าตัวหลอก False 9 ถอยลงต่ำมาช่วยกองกลางในการสร้างสรรค์เกมโดยการจ่ายทะลุให้ปีกกึ่งกองหน้าเข้าไปทำประตูซึ่งส่งผลทำให้กองหลังฝ่ายตรงข้ามสับสนในการประกบตัวสาเหตุมาจากการยืนตำแหน่งของFalse 9 ที่ยืนลงต่ำกว่ากองหน้าแท้ๆทั่วไปและผู้ที่รับบทบาทนี้นั่นก็คือ ลิโอเนล เมสซี่ สุดยอดผู้เล่นชาวอาร์เจนติน่า
https://www.bosshunting.com.au/hustle/lionel-messi-billionaire/
และอีกหนึ่งบทบาทคือ Sweeper keeper ซึ่งเป็นบทบาทที่ผู้รักษาประตูจะต้องมีความสามารถในการใช้เท้าได้ดีเพื่อช่วยในการทำเกมเหมือนเป็นกองหลัง Libero ในสมัยก่อน อีกทั้งยังต้องมีร่างกายที่คล่องแคล่วรวดเร็วระดับนึงเพื่อวิ่งออกมาตัดบอลในจังหวะสุดท้าย และผู้ที่รับบทบาทนี้นั่นก็คือ บิกตอร์ บัลเดส นายทวารชาวสเปน
https://www.barcablaugranes.com/2015/1/7/7507773/report-victor-valdes-to-sign-for-manchester-united
ซึ่งอิทธิพลของเป๊ปนั้นยังไม่จบลงเพียงเท่านี้ อิทธิพลของเป๊ปได้แพร่ไปสู่ทีมชาติสเปนด้วยเช่นกันสเปนของวิเซนเต้ เดล บอสเก้ ได้ใช้สไตล์การเล่นนี้นำพาสเปนคว้าแชมป์ฟุตบอลโลก 2010 ได้สำเร็จนำโดยขุมกำลังจากบาร์ซ่าอย่างชาบี เอร์นานเดซ กับ อันเดรส อินเนียสต้า
1980 Shadow Play ก่อกำเนิด
https://tactictimes.wordpress.com/2015/10/15/%E0%B8%A3%E0%B8%B9%E0%B9%89%E0%B8%88%E0%B8%B1%E0%B8%81-%E0%B9%80%E0%B8%81%E0%B9%80%E0%B8%81%E0%B8%99%E0%B9%80%E0%B8%9E%E0%B8%A3%E0%B8%AA%E0%B8%8B%E0%B8%B4%E0%B9%88%E0%B8%87-%E0%B9%81%E0%B8%97/
ปลายทศวรรษ 1980 ซึ่งตรงกับช่วงที่ Total Football นั้นกำลังอ่อนแอลง และแล้วเหตุการณ์สำคัญที่จะเข้ามาเปลี่ยนหน้าประวัติศาสตร์อีกครั้งก็ได้เริ่มต้นขึ้น ในขณะนั้น อาร์ริโก้ ซาคคี่ ซึ่งในเวลานั้นได้เป็นกุนซือของเอซี มิลาน ยอดทีมจากอิตาลี เขาได้คิดค้นปรัชญาใหม่จนสำเร็จ ซึ่งตัวปรัชญานั้นเกิดจากการนำหลายต่อหลายแทคติกมาผสมผสานหล่อหลอมจนออกมาเป็นปรัชญาใหม่สายดุดัน Shadow Play ในที่สุด
โดยส่วนผสมแรก ซาคคี่ได้นำการเล่นเกมรับแบบเพรซซิ่งสูงของTotal Football มาพัฒนาเพิ่มเติมรายละเอียดลงไปจนออกมาเป็นการเพรซซิ่งสูงที่สมบูรณ์และดียิ่งกว่าของต้นตำรับเสียอีกโดยการลดระยะห่างระหว่างกองหน้ากับกองหลังให้สั้นลงไม่เกิน 25 เมตรระหว่างการเพรซซิ่งและให้ผู้เล่นยืนกันให้ชิดกันเป็นทรงแคบเพื่อเกาะกลุ่มกันเพรซซิ่งไปตามโซนที่บอลอยู่อีกทั้งยังเพื่อปิดช่องส่งบอลของอีกฝ่ายให้จ่ายบอลได้ยากอีกด้วย
และต่อมาส่วนผสมที่สอง ซาคคี่ได้นำแผนการเล่นไร้ปีก 4-4-2(Diamond) ที่ถูกคิดค้นและนำมาใช้จนประสบความสำเร็จโดยอัลฟ์ แรมซีย์ กุนซือทีมชาติอังกฤษชุดแชมป์ฟุตบอลโลก 1966 มาปรับเปลี่ยนเล็กน้อยกลายเป็น 4-4-2 (Flat) แบบเรียงแถวหน้ากระดานที่มีปีกด้วย ซึ่งหลังจากนั้นซาคคี่ก็ได้กลายเป็นปรมาจารย์แห่งแผนการเล่น 4-4-2 ที่สามารถใช้แผนการเล่นนี้ถึงขีดสุดได้สำเร็จ
และส่วนผสมสุดท้าย ซาคคี่ได้นำการเล่นเกมรับรูปแบบ Zonal Marking ซึ่งเป็นการเล่นเกมรับแบบยืนคุมพื้นที่ ที่ถูกคิดค้นโดยนิลส์ ลือด์โฮล์ม กุนซือชาวสวีเดน มาพัฒนาจนกลายปรมาจารณ์ในที่สุดและได้นำมาใช้กับสไตล์การเล่นของตน
ซึ่งทั้งหมดนี้ก่อให้เกิดเป็นสไตล์การเล่นที่เน้นสมดุลโดยอาศัยทีมเวิร์คและความสามัคคีให้ผู้เล่นทุกคนช่วยกันเล่นทั้งการทำเกมบุกอันรวดเร็วที่เต็มไปด้วยความดุดันและการเพรซซิ่งไล่บอลอย่างหนักหน่วงที่ไม่รู้จักหยุดหย่อนในเกมรับ จึงทำให้ผู้เล่นที่เหมาะกับสไตล์นี้จะต้องเป็นผู้เล่นที่มีความสามารถในเชิงสมดุลที่มีคุณสมบัติในการเล่นทั้งรุกและรับได้ดี อีกทั้งยังต้องมีความอึดที่มากพอจะวิ่งไล่บอลทั้งเกมได้อีกด้วย ซึ่งสองปัจจัยนี้ทำให้ผู้เล่นจอมเทคนิคพรสวรรค์สูงที่เล่นเกมรับไม่เก่งนั้นไม่เหมาะกับสไตล์การเล่นนี้เลย ดังนั้นจะเห็นได้ชัดว่าปรัชญานี้เป็นปรัชญาที่เน้นสมดุลของเกมมากกว่า 2 ปรัชญาที่เคยครองความยิ่งใหญ่ในยุโรป ไม่ว่าจะเป็นปรัชญาเน้นเกมรับจัดอย่าง Catenaccio และปรัชญาเน้นเกมรุกจัดอย่าง Total Football
ปี2001 หลังจากที่คล็อปป์แขวนสตั๊ดและกลายมาเป็นกุนซือของไมนซ์ สโมสรเล็กๆจากเยอรมันที่เขาเคยเป็นผู้เล่นมาก่อน ต่อมาคล็อปป์ใช้เวลาเก็บประสบการณ์อยู่หลายปีจนสามารถพาไมนซ์เลื่อนชั้นมาอยู่ลีกสูงสุดของเยอรมันได้สำเร็จและพาไมนซ์อยู่รอดได้ต่อเนื่องทั้งๆที่มีงบประมานที่แสนจะน้อยนิด
จนไปเข้าตาของทางโบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ ที่ต้องการตัวคล็อปป์มาคุมทีมอย่างยิ่ง หลังจากนั้นคล็อปป์ได้ย้ายไปคุมทีมดอร์ทมุนด์ในที่สุดในฤดูกาล2008-09 ซึ่งดอร์ทมุนด์นั้นเป็นสโมสรที่มีงบประมาณและผู้เล่นที่เพียบพร้อมกว่าทางไมนซ์เป็นอย่างมากแต่อย่างไรก็ตามก็มิอาจเทียบเคียงบาเยิร์น มิวนิคได้ ซึ่งทำให้คล็อปป์ได้ค่อยๆโชว์ศักยภาพออกมาเรื่อยๆ
หลังจากนั้นไม่นานคล็อปป์ก็ได้เซ็นสัญญาเข้ามาคุมสโมสรใหญ่ทีมแรกในอาชีพของเขาในช่วงกลางฤดูกาล2015-16 แต่อย่างไรก็ตามสิ่งที่เขาต้องพบนั้นไม่ต่างอะไรจากสโมสรเก่าของเขาที่ดอร์ทมุนด์มากนักเพราะลิเวอร์พูลในตอนนั้นกลายเป็นทีมยักษ์หลับที่ไม่ประสบความสำเร็จเหมือนในอดีตที่งบประมาณก็ไม่ได้มีมากเหมือนทีมใหญ่ในลีกเดียวกัน แต่ที่จริงแล้วนี่ถือเป็นโอกาสที่จะพิสูจน์ตัวเองของเขาอีกครั้ง
โดยในเรื่องแรกคล็อปป์ได้เปลี่ยนจากแผนการเล่นเดิม 4-2-3-1 ไปเป็น 4-3-3 แบบไร้กองหน้าแท้ๆโดยใช้โรแบร์โต้ ฟีร์มีโน่รับบทบาทเป็นกองหน้าตัวหลอก(False 9)แทน แต่ False 9 ของคล็อปป์คราวนี้ไม่ได้เหมือนFalse 9 แบบดั้งเดิมแต่ได้เพิ่มบทบาทในการเล่นเกมรับเข้ามาด้วยจึงทำให้ False 9 ฉบับคล็อปป์กลายเป็นFalse 9 เวอร์ชั่นพิเศษที่นอกจากจะคอยสร้างสรรค์เกมให้ปีกกึ่งกองหน้าในการทำประตูแล้วยังมีความขยันไล่บอลในเกมรับได้ดีอีกด้วย
และเรื่องที่สองเมื่อนำ False 9 ที่ครบเครื่องทั้งรุกและรับมาผสานงานเพรซซิ่งร่วมกับสองปีกกึ่งกองหน้าที่มีความเร็วจัดอย่างโมฮาเหม็ด ซาล่าห์และซาดิโอ มาเน่ จึงส่งผลให้เกมเพรซซิ่งของลิเวอร์พูลนั้นน่ากลัวยิ่งขึ้นไปอีก
และเรื่องสุดท้ายซึ่งถือเป็นปัจจัยสำคัญในระบบของคล็อปป์เลยนั่นก็คือการเน้นให้ฟูลแบ๊คสองข้างเติมขึ้นสูงกว่าปกติเพื่อโจมตีในพื้นที่Wing Space จนเหมือนเป็นกองหน้า 5 คนเพื่อเป็นการเพิ่มจำนวนในกรอบเขตโทษเพื่อใช้ในการเจาะทีมที่ชอบอุดด้วยแผน Park the Bus
จนในที่สุดเขาก็สามารถพาลิเวอร์พูลกลับมาเป็นยักษ์ที่ตื่นจากการหลับใหลให้ยิ่งใหญ่ได้อีกครั้งด้วยปรัชญาสายดุดัน Counter Pressing ของเขา ที่นำทีมโดย โมฮาเหม็ด ซาล่าห์, โรแบร์โต้ ฟีร์มีโน่, ซาดิโอ มาเน่, เวอร์จิล ฟาน ไดจค์ และ อลีสซง เบ็คเกอร์ ในการคว้าแชมป์ยุโรปสมัยแรกในเส้นทางอาชีพของเขาได้สำเร็จในฤดูกาล 2018-19 และ ณ ปัจจุบันในฤดูกาล2019-20 เขาก็กำลังจะพาลิเวอร์พูลกลับมาเป็นแชมป์ลีกอังกฤษที่รอคอยมานานกว่า 30 ปีด้วยผลงานอันยอดเยี่ยมที่ทิ้งห่างอันดับสองอย่างแมน ซิตี้ของเป๊ป กวาร์ดิโอล่าถึง 25 คะแนน
1990 Balanced tactic และ การหันมาใช้ทักษะของนักเตะมากขึ้น
https://www.dreamteamfc.com/c/news-gossip/354363/real-madrid-ronaldo-cristiano-ronaldo/
Shadow Play มีข้อจำกัดในเรื่องของพละกำลังมากจนเกินไปแต่กลับใช้วิธีอื่นโดยการผสมผสานระหว่างการนำผู้เล่นแนวรุกจอมเทคนิคพรสวรรค์สูงสักสามถึงสี่คนที่มีการสร้างสรรค์เกมที่ดีมารับผิดชอบในการทำเกมรุกร่วมกันและการใช้ผู้เล่นแนวรับที่เชี่ยวชาญในการเล่นเกมรับเฉพาะทางมารับผิดชอบในการเล่นเกมรับซึ่งถือเป็นการผสมผสานที่ลงตัวเลยทีเดียว อย่างไรก็ดีเพื่อจะทำให้แทคติกนี้สมบูรณ์จนถึงขั้นสุดก็จำเป็นจะต้องมีผู้เล่นที่มีความสามารถเชิงสมดุลที่สามารถเล่นได้ดีทั้งรุกและรับ อาทิเช่นฟูลแบ๊คที่มีความสามารถเหมือนปีกแท้ๆอย่างคาฟูและโรแบร์โต้ คาร์รอส ละกองกลางพลังไดนาโม(Box to Box) ที่มีเป็นความเลิศทั้งรุกและรับอีกทั้งยังมีพลังความอึดมหาศาลเพื่อที่จะวิ่งไปทั่วสนามเพื่อสนับสนุนผู้เล่นแนวรุกและแนวรับอย่าง สตีเว่น เจอร์ราร์ด, แฟรงค์ แลมพาร์ด และ พอล สโคลส์
ทีมชาติฝรั่งเศสชุดแชมป์ฟุตบอลโลกในปี 1998 ภายใต้การคุมทีมของไอมี่ แจกเก้ ที่มีผู้เล่นเน้นสมดุลอย่าง ลิลิยอง ตูรามและบิเซนเต้ ลิซาราซู ฟูลแบ็คจอมบุกสองข้าง ที่คอยสนับสนุนผู้เล่นในแนวรุกที่นำโดย ซีเนดีน ซีดาน และยูริ จอร์เกฟฟ์ และผู้เล่นในแนวรับที่นำโดย ดิดิเยร์ เดสชองส์ และมาร์กเซล เดอไซญี่
ทีมชาติบราซิลชุดแชมป์ฟุตบอลโลกในปี 2002 ภายใต้การคุมทีมของหลุยส์ เฟลิเป้ สโคลารี่ที่มีผู้เล่นเน้นสมดุลอย่าง โรแบร์โต้ คาร์รอส และ คาฟู ฟูลแบ็คจอมบุกสองข้าง ที่คอยสนับสนุนผู้เล่นในแนวรุกที่นำโดย โรนัลโด้, ริวัลโด้ และ โรนัลดินโญ่ และผู้เล่นในแนวรับที่นำโดย ลูซิโอ่ และจิลแบร์โต้ ซิลวา
เวนตุส สโมสรจากอิตาลีชุดแชมป์ยุโรปในฤดูกาล 1995–96 แถมยังเข้าชิงได้อีกถึงสองครั้งในฤดูกาล 1996–97 และ 1997–98 ภายใต้การคุมทีมของมาร์เชลโล ลิปปี้ที่มีผู้เล่นเน้นสมดุลอย่าง อันโตนิโอ คอนเต้ และเอ็ดการ์ ดาวิดส์ สองกองกลางไดนาโม และจานลูก้า เปสซ็อตโต้ ฟูลแบ็คจอมบุก ที่คอยสนับสนุนผู้เล่นในแนวรุกที่นำโดย อเลสซานโดร เดล ปิเอโร่, จานลูก้า วิอัลลี่ และซีเนดีน ซีดาน และผู้เล่นในแนวรับที่นำโดย ดิดิเยร์ เดสชองส์ และชิโร่ แฟร์ราร่า
แต่อย่างไรก็ตามก็ยังคงมีกุนซือบางคนที่ยังคงเชื่อมั่นและมีความตั้งใจอันแน่วแน่ที่จะพัฒนาปรัชญาเก่าแก่ที่เคยประสบความสำเร็จให้กลับมาครองความยิ่งใหญ่ได้อีกครั้งได้แก่ โชเซ่ มูรินโญ่ ผู้ที่เชื่อในปรัชญา Catenaccio, เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ผู้ที่เชื่อในปรัชญา Tiki Taka ซึ่งเป็นร่างวิวัฒนาการของ Total Football และเจอร์เก้น คล็อปป์ ผู้ที่เชื่อในปรัชญา Shadow Play ที่ต่อมาถูกเรียกว่า Counter Pressing (Gegenpressing ในภาษาเยอรมัน) ซึ่งมันส่งผลให้เกิดสงครามระหว่างแทกติกขึ้นอีกครั้งแต่คราวนี้แตกต่างจากสมัยก่อนตรงที่ดันอยู่ในยุคที่มีหลายต่อหลายก๊กที่ต่อสู้แย่งชิงดีชิงเด่นกันมากซะเหลือเกิน
เรื่องทั้งหมดได้เกิดขึ้นที่ นี่ เรอัล มาดริดได้แต่งตั้งราฟาเอล เบนิเตสขึ้นมาคุมทีม ผลงานที่แย่ จึงทำให้เขาต้องถูกปลดลงไปกลางคันระหว่างฤดูกาลนั้นและผู้ที่เข้ามารับเผือกร้อนในตอนนั้นก็คือซีเนดีน ซีดาน อดีตตำนานสุดยอดผู้เล่นของเรอัล มาดริดอีกทั้งเขายังเป็นถึงผู้ช่วยของคาร์โล อันเชล็อตติในชุดคว้าแชมป์ยุโรปอีกด้วยซึ่งนั่นทำให้เขาได้ซึมซับวิชามาจากอันเชล็อตติมาพอสมควร
https://sports.ndtv.com/football/zinedine-zidane-says-coaching-is-exhausting-wont-do-it-for-20-years-2253363
แต่ทว่าสถานการณ์ในตอนนั้นของซีดานที่ไม่มีประสบการณ์ในการคุมทีมแต่อย่างใดมันช่างเป็นสถานการณ์ที่เลวร้ายซะเหลือเกินสำหรับเขา แต่ในทางกลับกันมันก็เป็นบททดสอบที่เต็มไปด้วยความท้าทายสำหรับเขาอย่างมากเช่นกัน
และในที่สุดสิ่งที่อันเชล็อตติได้เริ่มต้นเอาไว้ก็ได้ออกผลออกดอกเสียทีและยิ่งไปกว่านั้นมันดันล้ำไปไกลกว่าสิ่งที่อันเชล็อตติเคยทำไว้เสียอีกเมื่อซีดานสามารถพิสูจน์ตัวเองได้สำเร็จโดยการพาเรอัล มาดริดซึ่งนำทีมโดย คริสเตียโน่ โรนัลโด้, ลูก้า โมดริช, โทนี่ โครส และเซร์คิโอ รามอส กลับมาครองความยิ่งใหญ่อีกครั้งจนกลายเป็นมหาอำนาจแห่งช่วงปลายทศวรรษ 2010 ด้วยการคว้าแชมป์ยุโรปสามสมัยติดต่อกันในฤดูกาล2015–16, 2016–17 และ2017–18 ซึ่งถือเป็นครั้งแรกในรอบหลายปีตั้งแต่ที่บาเยิร์นเคยทำไว้ครั้งสุดท้ายในฤดูกาล1973-74, 1974-75 และ 1975-76
https://www.goal.com/en-us/news/174/uefa-champions-league/2016/05/05/23145932/how-real-madrid-and-atletico-could-line-up-in-champions
ทุกความสำเร็จเหล่านี้ล้วนเกิดขึ้นมาจากการใช้ Balanced tactic ที่ผสมสองปรัชญาเข้าด้วยกันในคราวเดียวของอันเชล็อตติที่ซีดานได้เคยซึมซับมาตั้งแต่สมัยเป็นผู้ช่วย แต่อย่างไรก็ดีซีดานกลับพัฒนามันขึ้นไปอีกขั้นจนเหนือกว่าอันเชล็อตติเสียอีก ด้วยการเพิ่มปรัชญา Tiki Taka เข้ามาด้วยจนเกิดเป็น Balanced tactic ที่ผสมผสานทุกปรัชญาเข้าด้วยกันในคราวเดียว
1
ซึ่งเปรียบได้ว่าซีดานได้นำก๊กทั้งสามปรัชญามารวมกันเป็นหนึ่งได้สำเร็จในทีมๆเดียว จึงทำให้ซีดานกลายเป็นกุนซือ คนแรกที่ถูกยกย่องว่าเป็นปรมาจารย์แห่งทุกปรัชญา (Master of Every Tactics) ผู้ที่สามารถยุติสงครามสามก๊กแห่งโลกฟุตบอลให้จบลงอย่างสมบูรณ์...
แหล่งอ้างอิง: XerXes Football
ประวัติฟุตบอล ตอนที่ 1 — ฟุตบอล | Zombrero
บทความ By อู๋ FL
โฆษณา